บทที่ 1123 ลางสังหรณ์ในทางร้าย
ฉินซีรู้สึกว่าตัวเองใช้ความประหลาดใจตลอดทั้งปีหมดไปในคืนนี้
จ้านเซินรู้เรื่องนี้…
ทำไมเขารู้เรื่องนี้ เขารู้เรื่องนี้ได้ยังไง
“ชู่…” ดูเหมือนเขาจะรู้ว่าฉินซีจะเอ่ยปากถามอะไรอีก จ้านเซินยกนิ้วชี้ขึ้นมา ทำท่าไม่ให้พูด “ผมรู้ว่าตอนนี้คุณแปลกใจมาก ผมคือใคร เข้ามาที่นี่ได้ยังไง ทำไมผมรู้เรื่องคุณดีขนาดนี้ และทำไมผมต้องบอกเรื่องลู่เซิ่นกับคุณ สารพัดคำถามเกิดขึ้น ผมไม่มีความอดทนที่จะอธิบายรายละเอียดกับคุณหรอกนะ”
ไม่รอฉินซีเอ่ยคำใด เขาพูดต่อไป “ถ้าคุณอยากรู้ ไปกับผมที่หนึ่ง ผมจะบอกทุกอย่างกับคุณ”
ฉินซีขมวดคิ้วแน่น ถามเสียงเย็น “คุณเป็นคนแปลกหน้าสำหรับฉัน ทำไมฉันต้องไปกับคุณ”
จ้านเซินดูเหมือนจะโกรธกับคำว่า “คนแปลกหน้า” ทั้งตัวแผ่ความเย็นชาออกมา ผ่านไปครู่หนึ่งจึงพูดขึ้น “คุณกังวลอะไร ความปลอดภัยของคุณอย่างนั้นหรือ คุณคิดว่า ไม่ว่าคุณอยู่ที่ไหน ถ้าผมจะทำอะไรคุณ มันจะแตกต่างกันตรงไหน”
ฉินซีไม่รู้จะหาคำพูดมาตอบโต้อย่างไรดี
รีสอร์ทชิงหยวนมีการดูแลเหมือนป้อมปราการแข็งแกร่งจ้านเซินกลับเข้าออกได้สบายๆ ตอนบ่ายนึกจะมาก็มา พวกการ์ดหาจนรอบก็ไม่เจอเบาะแสใดๆ ถึงแม้จะเพิ่มความระมัดระวังขึ้นมาก แต่ตอนกลางคืนเขายังเข้ามาในห้องนอนที่มีการดูแลเข้มงวดมากที่สุดได้ง่ายดาย ฉินซีแม้จะเป็นคนหนึ่งที่ความรู้สึกระมัดระวังตัวดีมาก เขาเดินมาถึงข้างหลังเธอแล้ว เธอกลับไม่รู้สึกตัวสักนิด
ถ้าหากเขาคิดร้ายละก็ คงจะชกเธอสลบแล้วพาตัวเธอไปตั้งแต่ตอนที่เพิ่งเข้ามาแล้ว
แต่เธอจะเชื่อง่ายๆ ได้อย่างไรกัน
ฉินซีตอบกลับสีหน้าเรียบเฉย “แต่อย่างน้อยที่นี่ คุณก็ทำอะไรไม่ได้ง่ายๆ ไม่อย่างนั้นคงไม่ต้องพูดอะไรตั้งเยอะแยะ พาตัวฉันไปเสียแต่ทีแรกแล้ว”
จ้านเซินยิ้มนิดๆ “ฉินซี คุณมองผมผิดไปแล้ว”
ทันใดนั้นฉินซีรู้สึกสังหรณ์ในทางร้าย สัญชาตญาณบอกให้เธอถอย
แต่จ้านเซินว่องไวกว่าเธอมาก
ดูเหมือนเขาใช้เวลาเพียงเสี้ยววินาทีเคลื่อนตัวมาอยู่เบื้องหน้าฉินซี
ฉินซีอ้าปากจะตะโกน แต่ถูกเขาปิดปากอย่างรวดเร็ว
“เชื่อฟังกันหน่อยสิ” เขากระซิบข้างหูของฉินซี
ผ้าเช็ดมือที่พับอยู่ในมือของเขา สัมผัสของผ้าอ่อนนุ่ม แตะที่ปลายจมูกของฉินซี กลิ่นหอมอ่อนๆ ลอยออกมา เหมือนกับกลิ่นหอมของน้ำยาซักเสื้อผ้า
แต่ฉินซีรู้ดี นี่ไม่ใช่กลิ่นน้ำยาซักผ้าแน่นอน
เธอพยายามกลั้นหายใจเพื่อไม่สูดดมเอากลิ่นนั้นเข้าไป แต่ทำได้ไม่ถึงนาที ก็ไม่อาจกลั้นหายใจต่อไปได้
กลิ่นหอมนั้นลอยเข้าจมูกฉินซี ค่อยๆ เข้าไปในโพรงจมูก
เธอรู้สึกว่าสมองของตัวเองถูกกลิ่นหอมนั้นกระจายเข้าไป ความรู้สึกที่บอกไม่ถูกควบคุมประสาทของตัวเอง ทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลาย กล้ามเนื้อก็อ่อนแรง คนที่อยู่ข้างๆ น่าเชื่อถือสนิทใจ เขาพูดอะไร ตัวเองควรจะคล้อยตาม
ความรู้สึกนี้ไม่ถูก ประสาทสุดท้ายที่ยังตื่นตัวส่งสัญญาณเตือน
ยาประเภทควบคุมประสาท!
สติสัมปชัญญะสุดท้ายส่งเสียงกรีดร้อง
แต่เสียงเตือนเบาเหลือเกิน แทบจะจะถูกฝังในสมองทันที
ในที่สุดการแสดงออกของฉินซีก็คล้อยตามแต่โดยดี
จ้านเซินถึงค่อยๆ ปล่อยมือที่ปิดปากและจมูกของเธอออก ก้มหน้าพิจารณาเธออย่างละเอียด ราวกับมองเห็นท่าทางของเธอได้ชัดเจนท่ามกลางความมืดมิดเช่นนี้
ใบหน้าของเขาเปื้อนรอยยิ้มพึงพอใจ น้ำเสียงก็เปลี่ยนเป็นอ่อนโยน
“เอาล่ะ ตอนนี้ ฟังผมนะ”
……
พ่อบ้านตากระตุกทั้งคืน ทำอย่างไรก็ไม่ยอมหยุด ราวกับเป็นลางร้ายบางอย่าง
แต่เขาเดินตรวจตราทุกซอกมุมในบ้านแล้ว ก็ไม่พบว่ามีอะไรผิดปกติ
ถ้าจะพูดว่าอะไรที่ผิดปกติมากที่สุด…ก็คือฉินซี
อยู่มาจนอายุปูนนี้ วันนี้ความผิดปกติของฉินซีเห็นได้ชัด
ท่าทางผิดปกติของเธอ ราวกับจะ…บอกลา
แต่พ่อบ้านครุ่นคิดแล้ว ก็รู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้
ก็เห็นอยู่ว่าไม่กี่วันก่อนตอนที่ลู่เซิ่นไปทำงานต่างเมืองทั้งสองก็ยังดีๆ กันอยู่ กอดกันที่หน้าประตูหวานชื่นนานสองนาน และยังสัญญากันว่ากลับมาแล้วจะไปเที่ยวกัน ฉินซีไม่น่าจะมีเหตุผลอะไรไปจากที่นี่กะทันหันเช่นนี้
พ่อบ้านยกมือขยี้ตา ทอดถอนใจตัวเองแก่แล้ว ทำอะไรก็ตื่นตูมง่าย
แต่ประโยคทอดถอนใจนี้ยังพูดไม่ทันจบ เมื่อเงยหน้าขึ้น ก็เห็นฉินซีลงมาจากชั้นบน
นอกจากตัวเธอแล้ว ยังมีกระเป๋าเดินทางใบหนึ่ง
ในใจพ่อบ้านทันใดนั้นรู้สึกถึงสัญญาณเตือนภัย รีบเดินเข้าไปหา ดึงกระเป๋าเดินทางจากมือฉินซีมา ถามอย่างกังวล “เป็นอะไรไป เกิดอะไรขึ้นหรือครับ”
ฉินซีก้มหน้า ทำให้พ่อบ้านเห็นสีหน้าของเธอไม่ชัด “อานหยันมีเรื่องนิดหน่อย ฉันต้องไปอยู่เป็นเพื่อนเธอสองสามวันค่ะ”
พ่อบ้านยังคงรู้สึกไม่วางใจ “ตอนนี้สามทุ่มกว่าแล้ว คุณไปตอนนี้ไม่ปลอดภัย ให้การ์ดที่บ้านไปส่งดีกว่า พรุ่งนี้ตอนเช้าค่อยไปดีมั้ยครับ”
ฉินซีส่ายหน้า “ไม่ใช่เรื่องความปลอดภัย คือ… อานหยันมีเรื่องนิดหน่อย อารมณ์ไม่ดี ฉันไปเป็นเพื่อนเธอ แล้วจะเลยไปอยู่กับเธอสองสามวัน เหมือนเมื่อก่อนไงคะ รอลู่เซิ่นกลับมา ฉันก็จะกลับมาค่ะ”
เมื่อก่อนเวลาที่ลู่เซิ่นไปทำงานฉินซีไปอยู่บ้านอานหยันหลายวันค่อยกลับมาจริงอยู่ พ่อบ้านรู้ดี อีกอย่างเหตุผลนี้ของฉินซีทำให้เขาหาคำพูดมาปฏิเสธไม่ได้ สุดท้ายได้แต่ยืนยัน “ตอนนี้ดึกมากแล้ว คุณขับรถไปเองไม่ปลอดภัย ให้คนขับรถไปส่งเถอะครับ”
ครั้งนี้ฉินซีไม่ปฏิเสธ พยักหน้า “ก็ได้ค่ะ”
พ่อบ้านค่อยโล่งอก
กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ของฉินซี วางในกระโปรงหลังรถไม่ได้ คนรับใช้จึงวางกระเป๋าที่เบาะหลังแทน
ถ้าหากมีใครสักคนเปิดกระเป๋าดู เห็นข้างในมีกล่องกระดาษสองใบ คงจะสงสัยเป็นแน่ แต่ความจริงไม่เป็นเช่นนั้น
พวกคนรับใช้วางกระเป๋าเดินทางทางด้านซ้าย ฉินซีเข้าไปนั่งทางด้านขวาของรถ
พ่อบ้านพยายามระงับลางสังหรณ์ในทางร้ายที่เกิดขึ้นในใจอย่างบอกไม่ถูก โบกมือให้ฉินซี “ประธานลู่ไม่อยู่ คุณก็ไม่อยู่ ที่นี่เงียบเหงา ถ้าเพื่อนคุณไม่เป็นอะไรแล้ว รีบกลับมานะครับ!”
ฉินซีพยักหน้าตอบรับ
พ่อบ้านหันไปกำชับกับคนขับรถ “ส่งคุณผู้หญิงให้ถึงหน้าประตูนะ”
คนขับรถรับคำสั่งของพ่อบ้าน
พ่อบ้านถึงจะวางใจ ส่งฉินซีออกไป
เขามองรถค่อยๆ ลับสายตา ในใจลางสังหรณ์ว่าจะเกิดเรื่องร้ายที่บอกไม่ถูกนั้นก็แรงขึ้น
พ่อบ้านไม่รู้จะทำอย่างไรดี ครุ่นคิด แล้วโทรไปหาลู่เซิ่น
……
ขณะที่ลู่เซิ่นรับสายนั้น รถเพิ่งจะจอดที่หน้าประตูบ้านเก่า
เมื่อเห็นว่าเป็นสายเข้าจากพ่อบ้าน เขาประหลาดใจไม่น้อย นั่นเพราะพ่อบ้านรีสอร์ทชิงหยวนคนนี้แทบจะไม่เคยเป็นฝ่ายโทรหาเขามาก่อน
มีเรื่องอะไรกันนะ
ลู่เซิ่นแทบจะคิดถึงฉินซีทันที เขาจึงไม่ชักช้า รีบรับสายทันที