บทที่ 1127 คาดเดาไม่ถูก
ลู่เซิ่นถามอย่างไม่มีต้นสายปลายเหตุ สูหยิงยังตามไม่ทัน “ถือสาอะไรกัน”
ลู่เซิ่นขยายความให้ชัดขึ้น “พ่อไปทำความสะอาดสุสานให้แม่ของฉินซี แม่น่าจะไม่ถือสานานแล้วใช่มั้ยครับ ไม่อย่างนั้นตามนิสัยของแม่ คงไม่มีทางกล้ำกลืนอยู่กับพ่อต่อไปเด็ดขาด แม่ยังยอมอยู่กับพ่อ แสดงว่าไม่เก็บมาใส่ใจแล้ว”
เขาพูดอย่างมั่นใจ สูหยิงไม่คิดว่าตัวเองจะถูกลูกชายมองทะลุปรุโปร่ง รู้สึกโมโหเพราะขายหน้า โต้กลับ “ลูกเข้าใจอะไร! คืนนี้ลูกรีบถามอย่างนี้ คิดจะกลับไปคืนดีกับยัยจิ้งจอกนั่นหรือไง”
รอยยิ้มของลู่เซิ่นคาดเดาไม่ถูก เขาเงียบไม่ตอบ
ดีที่เวลานี้สูหยิงไม่มีอารมณ์ครุ่นคิดว่าเขาพูดอะไร บ่นพึมพำอะไรอีกหน่อยแล้วก็ผละไป พอออกมาแล้วถึงรู้สึกว่าตัวเองเรียกลู่เซิ่นมาเพื่อเกลี้ยกล่อมให้เขาเลิกความคิดแต่งงานกับเวินจิ้งแท้ๆ แต่กลับถูกเขาขัดจังหวะเปลี่ยนเรื่องเสียนี่
สูหยิงจะกลับไปก็ไม่ได้ ส่ายหน้าออกไปจากหน้าประตูห้องลู่เซิ่น
ขณะที่ลู่เซิ่นกำมือถือ คิดถึงคำพูดของลู่เหวยกับตัวเอง
เพราะเขารู้สึกผิด จึงไม่พูดความจริงกับฉินซีหรือเปล่า
ลู่เซิ่นเปิดคลิปที่พ่อบ้านส่งให้ตัวเองอีกครั้งโดยไม่ตั้งใจ เพิ่งจะนึกขึ้นได้ ฉินซีบอกว่าถึงบ้านอานหยันแล้วจะติดต่อกลับมา ทำไมเธอถึงแล้ว ยังไม่โทรกลับมาหาอีกนะ
ขณะที่เขาจะกดโทรออก เหลือบมองเวลา ถึงเห็นว่าตอนนี้ที่ เมืองAเป็นเวลากลางดึกแล้ว
…คงจะมัวแต่ปลอบอานหยันกระมัง
ลู่เซิ่นถอนหายใจเสียดาย เขาอยากเห็นเหลือเกินตอนที่เขาบอกฉินซีว่าพวกเขาจะจัดงานแต่งงานกันฉินซีจะแสดงออกอย่างไร
รออีกหน่อยละกัน เขาบอกกับตัวเอง
ทว่าลู่เซิ่นยังคงไม่รู้ การรอคอยครั้งนี้ จะนานแสนนาน
……
ประเทศF
ฉินซีผลักประตูเข้าไปในบ้านอานหยัน
แน่นอน คนที่ยืนตรงหน้าเธอไม่ใช่อานหยัน แต่เป็นจ้านเซิน
เขามองไปที่นอกหน้าต่าง พึมพำ “ลู่เซิ่นเฝ้าตามติดคุณจัง…”
คงจะกลัวว่าหลังจากนี้ฉินซีจะไม่มีรถใช้ คนขับรถจอดรถทิ้งไว้ ตัวเองเดินไปเรียกรถกลับรีสอร์ทชิงหยวน รอจนเสียงรถที่หน้าประตูค่อยๆ หายไป จ้านเซินถึงจะเลิกคิ้ว เปิดประตูบ้านอานหยันอีกครั้ง
จ้านเซินจัดการเรื่องทั้งหมดนี้ ย่อมไม่ใช่คิดขึ้นปุบปับ แต่เป็นการวางแผนอย่างรอบคอบต่างหาก
ที่ห้องนอนเลือกใช้ยาประเภทควบคุมประสาททำให้ฉินซีเชื่อฟังว่าง่าย จากนั้นให้เธอบอกลากับพ่อบ้านด้วยตัวเอง เป็นความคิดที่ดีกว่าเธอหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ประการแรกลดความสงสัยของคนตระกูลลู่ เขามีเวลาหนีไปกับฉินซี อีกประการ อย่างช้าที่สุดพรุ่งนี้เช้าถึงจะมีคนรู้เรื่องนี้
จ้านเซินไม่หวั่นเกรงอำนาจของตระกูลลู่ แต่ที่นี่ถึงอย่างไรก็เป็นประเทศF เขตอิทธิพลของตระกูลลู่ ถ้าคิดจะมีเรื่องกับพวกเขา คงจะต้องเกิดเรื่องปวดหัวตามมามากมายแน่
สู้หาข้ออ้างให้ฉินซีไม่ได้ คำพูดออกจากปากของเธอเอง เช่นนี้คนของตระกูลลู่อย่างน้อยคงใช้เวลาอีกสองสามวัน ถึงจะผิดสังเกต
เวลาทั้งวัน ทำอะไรได้ตั้งมากมาย
การหาข้ออ้างนั้น จะมีพิรุธจนทำให้คนสังเกตเห็นความผิดปกติง่ายๆ ไม่ได้ และจะไม่มีแรงจูงใจไม่ได้ จ้านเซินตรวจสอบอยู่นาน ถึงจะเลือกข้ออ้างนี้
เขาตรวจสอบจนรู้แน่ สองสามวันนี้อานหยันไปทำงานต่างเมือง ที่บ้านไม่มีคนอยู่ จึงวางแผนให้ฉินซีมาที่นี่เอง แล้วค่อยพาตัวเธอไป เป็นแผนการที่รัดกุม
แต่ จ้านเซินคิดไม่ถึงว่าคนขับรถของตระกูลลู่จะยืนรออยู่ที่เดิมจนเห็นฉินซีเดินเข้าบ้านถึงกลับไป ตอนนี้ค่อยโล่งใจหน่อย ยังโชคดีที่เขาเข้าไปในบ้านอานหยันก่อน ไม่อย่างนั้นถ้าเขาทำตามแผนเดิมที่จะรออยู่นอกบ้านเพื่อพาตัวฉินซีไป ทั้งหมดนี้คงจะพังไม่เป็นท่าแน่
ด้วยความสามารถของเขา แม้แต่รีสอร์ทชิงหยวนก็สามารถแทรกซึมได้ การเข้ามาในบ้านอานหยันแน่นอนว่าไม่ใช่ปัญหา ไม่สัมผัสสัญญาณเตือนภัยใดๆ กล้องวงจรปิดทั้งหมดก็ปิดก่อนแล้ว ไม่มีทางเห็นร่องรอยใดๆ
เมื่อคิดถึงปฏิกิริยาของลู่เซิ่นเมื่อรู้ข่าวนี้ รอยยิ้มปรากฏที่มุมปากจ้านเซิน
เขาไม่ได้หลอกฉินซี หลักฐานทั้งหมดของเขา ลู่เซิ่นเป็นคน “ส่งมอบ” เอง
นี่เป็นคำพูดจากปากของลู่เซิ่น ในที่สุดกลายเป็นข้อมูลให้คนอื่น จะหมายความว่าอย่างไร จะอธิบายอย่างไร อยู่นอกเหนือการควบคุมของเขา
จ้านเซินด้านหนึ่งคิดอย่างได้ใจ อีกด้านหนึ่งสังเกตโดยรอบอย่างระมัดระวัง
ทุกอย่างปกติดี
เขาโล่งอก หันไปพูดกับฉินซี “ไปกันเถอะ”
ฉินซีก็เชื่อฟังตามไปด้วยดี
จ้านเซินเห็นท่าทางของเธอเหมือนหุ่นเชิด รอยยิ้มของเขาครุ่นคิด
“ถ้าคุณรู้สึกตัวขึ้นมาแล้ว จำได้ทุกอย่าง รู้ว่าผมทำอะไรกับคุณบ้าง คงจะอัดผมเต็มแรงใช่มั้ย…” จ้านเซินพูดพึมพำกับตัวเอง
เมื่อพูดถึงเขาจะถูกทุบตี รอยยิ้มเหมือนกับรอคอย ทำให้ไม่เข้าใจว่าเขาคิดอะไรอยู่
ฉินซีเดินตามหลังเขาอย่างว่าง่าย เดินไม่เท่าไรก็มาถึงรถ
“คุณขับนะ” จ้านเซินเปิดประตูรถฝั่งคนขับ “ผมจะเปิดจีพีเอสนำทางให้”
ฉินซีพยักหน้า ไม่มีความเห็นเป็นอื่น เข้าไปนั่งในรถ
“นึกไม่ถึงจะเชื่อฟังขนาดนี้…ผมถึงกับทำตัวไม่ถูก” จ้านเซินยิ้มส่ายหน้า ตัวเองเปิดประตูรถด้านหลัง
ถึงแม้เขาจะวางแผนเส้นทางที่มีกล้องวงจรปิดน้อยที่สุด แต่ไม่รู้ว่าถนนเส้นนี้จะมีกล้องวงจรปิดที่คาดไม่ถึงติดอยู่ตรงไหนหรือเปล่า เพื่อป้องกันไว้ก่อน ให้ฉินซีขับรถเองจะดีกว่า พยายามไม่ให้ตัวเองถูกจับภาพได้
เช่นนี้ดูแล้ว เหมือนกับฉินซีต้องการเดินทางไปเอง
อีกอย่างหนึ่ง…
จ้านเซินคิดถึงจดหมายฉบับนั้นที่ฉินซีวางบนโต๊ะ สายตาก็นึ่งขรึมยิ่งขึ้น
ฉินซีนั่งที่ตำแหน่งคนขับรถ รออยู่นานก็ไม่เห็นจีพีเอสที่จ้านเซินพูด จึงหันมาไปมองเขาแวบหนึ่ง
จ้านเซินค่อยรู้สึกตัว เปิดมือถือ น้ำเสียงขอโทษ “ขอโทษที นี่ไง! คุณดูก่อน ขับไปจากที่นี่นะ”
ฉินซีหันไปโดยไม่แสดงอารมณ์ ติดเครื่องยนต์
รถค่อยๆ เคลื่อนตัวหายลับไปท่ามกลางความมืดมิด
……
ฉินซีเบิกตาโพลง
จ้านเซินบุกเข้ามาในห้องนอน ภาพกล้องวงจรปิด กลิ่นหอมที่ปะทะจมูกของตัวเอง…
ทุกอย่างเหมือนภาพไม่ปะติดปะต่อหมุนวนในหัวของฉินซี ราวกับฝันร้าย
จู่ๆ ก็รู้สึกขมับปวดรุนแรง ฉินซีนวดขมับ แล้วลุกขึ้นนั่ง
แต่วินาทีที่มือสัมผัสกับผ้าปูเตียง สัญญาณเตือนภัยในหัวของเธอก็ดังขึ้นทันที
ที่นี่ไม่ใช่รีสอร์ทชิงหยวน!
พ่อบ้านให้ความสำคัญกับ “รายละเอียดที่กำหนดคุณภาพชีวิต” มากที่สุด วัสดุผ้าปูเตียงคัดสรรมาอย่างดี ในตอนแรกฉินซีไม่รู้สึกอะไร จนกระทั่งเดินทางไปที่อื่น พักอยู่ไม่กี่วัน สัมผัสได้ถึงความแตกต่าง
ผ้าปูที่นอนของรีสอร์ทชิงหยวนมีสัมผัสพิเศษ เป็นสัมผัสที่เธอไม่เคยรู้สึกกับที่อื่น
ที่นี่ก็ไม่มี
ฉินซีนั่งตัวตรงทันที มองไปรอบๆ อย่างระแวดระวัง
เธอรู้แล้ว ความทรงจำที่ขาดเป็นห้วงๆ ในหัว ไม่ใช่ความฝัน มันเป็นความจริงทุกอย่าง
แต่เมื่อเทียบกับความทรงจำแล้ว ตอนนี้เธออยากรู้มากกว่า ตอนนี้ตัวเองอยู่ที่ไหน
จ้านเซินพาเธอมาที่นี่ เพราะอะไร