บทที่ 112 หนึ่งเดียวไม่มีสอง
“ฮู้ ฉันฟุ่มเฟือยขึ้นมา บางครั้งก็น่ากลัวมากเลยนะคะ” เวินจิ้งจงใจเอ่ย
เพียงแต่ตอนนี้ที่บ้านตระกูลมู่ไม่ได้ขาดอะไรเลย เสื้อผ้ารองเท้ากระเป๋าต่างก็มีครบ เธอดูเหมือนไม่มีอะไรที่ต้องการจะซื้อ
“งั้นหรอครับ? งั้นก็ให้ผมลองดูสักหน่อย” พูดจบ มู่วี่สิงก็พาเธอเดินเข้าไปในร้านขายจิวเวลรี่ร้านหนึ่ง
เวินจิ้งสับสนมึนงง พนักงานในร้านเข้ามาต้อนรับด้วยความรวดเร็ว เป็นแถวๆที่อยู่ตรงด้านหน้าของเธอต่างก็เป็นสร้อยเพชร
“ฉันไม่ต้องการค่ะ” เวินจิ้งดึงมู่วี่สิงเอาไว้แน่น เงินที่เธอติดค้างเขาก็มากพอแล้ว ที่นี่เป็นที่ที่เธอยังจะสามารถจับจ่ายใช้สอยได้ที่ไหนกัน
แต่มู่วี่สิงเผด็จการขึ้นมา แทบจะโน้มน้าวไม่อยู่เลยแม้แต่น้อย เวินจิ้งเดินวนรอบ ต่อให้เป็นที่พอใจมากๆ ก็ไม่ได้เอ่ยปากออกมา
มู่วี่สิงหรี่ตาลง มองดูสีหน้าที่ราบเรียบของเวินจิ้ง ในสายตาปรากฏความโมโหออกมาเล็กน้อย
“รุ่นใหม่ล่าสุดของเดือนนี้ ผมเอาทั้งหมด” มู่วี่สิงเอ่ยปากขึ้นอย่างกะทันหัน
เวินจิ้งเบิกตาโพลง มองดูพนักงานร้านนำสร้อยคอ สร้อยข้อมือ แหวนทั้งชุดเข้ามาอย่างกระตือรือร้นและมีไมตรีจิต เธอมองดูราคาโดยจิตใต้สำนึกในทันที
ศูนย์กี่ตัวเวินจิ้งนับไม่ถูกแล้ว
“คุณผู้ชาย เครื่องเพชรของซีรี่ย์“รักแท้”รุ่นนี้ เป็นรุ่นใหม่ล่าสุดที่เพิ่งลงตลาดเมื่อสัปดาห์ก่อนค่ะ ตอนนี้ที่เมืองหนานเฉิงมีเพียงแค่ชุดเดียว หนึ่งเดียวไม่มีสอง”
“อืม” มู่วี่สิงส่งเสียงตอบรับอย่างราบเรียบ จากนั้นไปชำระเงิน
เวินจิ้งคิดอยากจะดึงเขาเอาไว้ แต่ว่าดึงเอาไว้ไม่อยู่…
พนักงานร้านลองใส่ให้กับเธอ เวินจิ้งมองดูตัวเองที่เปล่งประกายขึ้นมาในชั่วขณะภายในกระจก เดิมทีผิวของเธอก็ขาวใสอยู่แล้ว สวมเครื่องประดับทั้งชุดเข้าไป คนทั้งคนก็ยิ่งขาวจนเปล่งออร่าออกมา
ตั้งแต่เล็กจนโต เครื่องประดับของเธอก็มีเพียงแค่สร้อยคอทองคำเส้นหนึ่งที่คุณพ่อเหลือทิ้งเอาไว้ ปกติต่อให้มาเดินช้อปปิ้งกับอั๊ยเถียน ก็แทบจะไม่เคยคิดถึงว่าจะต้องไปซื้อเครื่องเพชรเหล่านี้เลย
“ห่อกลับให้ฉันก่อนเถอะค่ะ” เวินจิ้งให้พนักงานร้านถอดเครื่องประดับทั้งชุดออกมาก่อน
“ค่ะ คุณเวิน” พนักงานร้านยังบอกรายละเอียดเกี่ยวกับการดูแลรักษาให้เธอฟังไม่น้อย สายตาที่เหลือกลับมองไปยังมู่วี่สิงอยู่ตลอด
ยิ่งรับมาก กลับยิ่งไม่สบายใจมากขึ้นเรื่อยๆ
ไม่ได้เดินช้อปปิ้งสถานที่อื่นอีก ทั้งสองคนกลับไปที่คฤหาสน์
ระหว่างทาง เวินจิ้งรับสายโทรศัพท์จากคุณแม่
“ลูก แม่อยู่ที่สถานีตำรวจ…”
ในใจของเวินจิ้งร้อนรนขึ้น หันไปทางมู่วี่สิง
“ไปสถานีตำรวจค่ะ”
ในเวลานี้เจี่ยนอีไม่ได้บอกอย่างชัดเจนว่าคือเรื่องอะไร เธอเพียงแต่ไปแจ้งความ ไม่ช้าก็จะกลับ
เวินจิ้งมารับเจี่ยนอี “แม่ เกิดเรื่องอะไรขึ้นคะ?”
“มีคนโทรศัพท์มารบกวนแม่ทุกวัน แม่ทนไม่ไหวแล้วจริงๆ ตั้งแต่กลางวันจนถึงกลางคืนไม่มีหยุดพัก…นี่แม่ไม่มีทางเลือกถึงได้แจ้งความ”
“แม่ครับ ขอผมดูเบอร์โทรศัพท์หน่อย” มู่วี่สิงเอ่ยถามขึ้น
เจี่ยนอีนำโทรศัพท์มือถือส่งให้กับเขา ทุกครั้งที่โทรศัพท์รบกวนโทรเข้ามาและได้รับข้อความ เธอต่างก็ปิดหน้าจอในทันที แต่ไม่นานนักก็มีเบอร์ใหม่โทรเข้ามา พูดแต่เรื่องไร้สาระไม่รู้จบ
อีกทั้งเนื้อหาต่างก็เป็นคำหยาบด่ากระทบกระเทียบเปรียบเปรยต่างๆ เจี่ยนอีไม่ได้นอนหลับให้สบายมาหลายวันแล้ว
“สามารถตรวจสอบได้ไหมคะ?” เวินจิ้งเอ่ยถามชายหนุ่มที่อยู่ด้านข้าง
“อืม มอบให้กับผม” สีหน้าของมู่วี่สิงเคร่งขรึมลงมา ไม่ช้าก็โทรศัพท์ สั่งให้เกาเชียนเปลี่ยนเบอร์ใหม่ให้กับเจี่ยนอีก่อน
แต่เจี่ยนอีไม่ยินยอม “เบอร์นี้เปลี่ยนไม่ได้ แม่จะใช้ไปตลอด!”
เวินจิ้งขมวดคิ้วขึ้น ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไร เจี่ยนอีก็ไม่ยอมเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์มือถือโดยเด็ดขาด ก่อนหน้านี้เธอก็เคยคิด เธอคงจะกำลังรอเขาอยู่ตลอด
“แม่คะ หนูต้องการซิมนี้ไปทำการตรวจสอบ แค่ครึ่งวันก็เสร็จแล้ว”
เจี่ยนอีเกิดความเปลี่ยนแปลงบนใบหน้าขึ้นมาเล็กน้อย กลับยังคงดื้อรั้นนำซิมการ์ดกลับคืนไป
เวินจิ้งดึงเธอเอาไว้ “แม่คะ หนูจะอยู่เป็นเพื่อนแม่เอง หากคนอื่นติดต่อแม่ไม่ได้ ก็จะติดต่อหนู”
เจี่ยนอีลังเลเล็กน้อย ในที่สุดก็รับปากใช้เบอร์ใหม่ไปก่อน
คืนนี้เวินจิ้งพักอยู่เป็นเพื่อนเจี่ยนอีที่คอนโด มู่วี่สิงไม่ได้กลับไปที่บ้านเก่า ไปที่บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปแทน
การเคลื่อนไหวของเกาเชียนรวดเร็วมาก หลังจากที่ดึงเอาข้อมูลของซิมการ์ดออกมา ทั้งยังติดตั้งตัวสกัดกั้นเฉพาะทางเข้าไปอีก ในคืนนั้นก็ส่งกลับคืนให้เจี่ยนอี
เจี่ยนอีรู้สึกเหลือเชื่อ ภายในเวลาหนึ่งชั่วโมง ก็ไม่ได้โทรศัพท์หรือแม้แต่ข้อความๆเดียวอีกจริงๆ
“ลูกแม่ คุณหมอมู่ทำไมถึงได้จัดการได้หมดทุกเรื่องเลย!”