บทที่ 1136 ความเจ็บปวดที่คุ้นเคย
ฉินซีรู้สึกว่าความผิดหวังบนใบหน้าของตัวเองนั้นจะต้องดูเกินบรรยายแล้ว เพราะฉะนั้นฟางฟางถึงได้ยื่นมือมา ลูบหัวตัวเองเบา ๆ แล้วพูดต่อว่า “ฉันแค่สามารถพูดกับเธอได้นิดหน่อยเท่านั้น นี่คือข้อมูลที่ฉันสามารถเปิดเผยได้มากที่สุดแล้ว องค์กรนั้นยิ่งใหญ่มาก และมีการติดต่อที่ลึกลับอย่างมากกับทางการทหารของประเทศต่าง ๆ ที่ที่เราอยู่ในตอนนี้ ก็เป็นหนึ่งในฐานขององค์กรที่อยู่ในประเทศF”
“งั้นแล้วองค์กรทำอะไรบ้างคะ?” ฉินซีฟังตัวเองเปิดปากถามขึ้น
ฟางฟางยิ้มอย่างแกล้งโง่ “องค์กรก็ทำทุกอย่างจ้ะ”
“งั้นองค์กรเป็นสิ่งที่ดีหรือไม่ดีล่ะคะ?” ฉินซีถามขึ้นอีก
อาจจะเป็นเพราะว่าผู้หญิงหน้าขรึมคนเมื่อกี้ได้ทิ้งภาพฝังใจที่ลึกมาก ๆ เอาไว้ เพราะฉะนั้นน้ำเสียงที่ใช้ถามประโยคนี้จึงค่อนข้างจริงจังมาก
ฟางฟางยิ้มขึ้นอีกครั้ง “ฉินซี……รอให้เธอโตกว่านี้หน่อย เธอก็จะเข้าใจเอง ว่าเรื่องราวมากมายบนโลกใบนี้ไม่ได้สามารถแบ่งแยกผิดถูก หรือขาวดำได้เสมอไป องค์กรไม่ใช่สิ่งที่ดี และไม่ใช่สิ่งที่ร้าย องค์กรเป็น……สีเทา”
“สีเทาเหรอ?” ฉินซีที่สิบขวบขมวดคิ้วขึ้นน้อย ๆ เหมือนกับว่าไม่สามารถเข้าใจได้ทั้งหมด
แต่ว่าฉินซีในปัจจุบันนั้นได้เข้าใจทั้งหมดแล้ว ว่าฟางฟางอยากจะแสดงความหมายอะไรกัน
“องค์กร” ที่ว่ามานี้ น่าจะเป็นองค์กรที่เห็นแก่ผลประโยชน์เป็นหลัก ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าจะซื่อสัตย์กับใคร และก็ไม่มีสถานะที่กำหนดไว้ชัดเจน
เมื่อเป็นแบบนี้แล้ว สำหรับคนบางคนอาจจะเป็นสิ่งที่ดี แต่สำหรับคนบางคนมาพูดแล้วอาจจะเป็นสิ่งที่เลวร้ายมาก
แต่ว่าดูไปแล้วฟางฟางก็ไม่ได้คาดหวังว่าฉินซีจะสามารถเข้าใจในสิ่งที่เธอพูดได้ทั้งหมด เขาเพียงแค่ลูบหัวของฉินซีเบา ๆ และพูดซ้ำอีกครั้งว่า “รอเธอโตกว่านี้อีกหน่อย เธอก็จะเข้าใจเอง”
ฉินซีพยักหน้าอย่างเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง
อาจจะเห็นว่าฟางฟางค่อนข้างทำตัวสนิทสนม ฉินซีที่สิบขวบจึงอดใจไม่ไหวกับคำถามของตัวเอง แล้วถามขึ้นอีกครั้งว่า “เพราะฉะนั้นพวกคุณพาฉันมาถึงที่นี่ ก็เพราะว่าอยากจะให้ฉันเข้าร่วมกับองค์กรนี้ ใช่ไหมคะ?”
บนใบหน้าของฟางฟางมีแววพึงพอใจเกิดขึ้นจาง ๆ “เธอเป็นเด็กที่ฉลาดมากจริง ๆ”
ฉินซีกลับเอียงหัวเล็กน้อย แล้วอยู่ ๆ ก็พูดอย่างมีหลักการขึ้นว่า “แต่ว่าพวกคุณก็ไม่ถามฉันเลยว่าอยากจะเข้าร่วมไหม แล้วก็พาฉันมาถึงที่นี่และยังทำการทดลองพวกนี้อีก ฉันก็เลยไม่มีเวลาไปเล่นกับเพื่อน ๆ ที่ฉันรู้สักเลย คุณน้าคนนั้นยังติดแผ่นติดไว้บนหัวของฉันอีก แล้วมันยังทำให้ฉันเจ็บมากเลย”
ฟางฟางหรี่ตาลงต่ำ “เพราะฉะนั้น ฉันถึงได้พูดว่า ต้องขอโทษเธอแทนผู้บัญชาการด้วยยังไงล่ะ”
ฉินซีก็ไม่ได้ติดใจอะไรกับเธอต่อ สะบัดมือเล็ก ๆ แล้วพูดอย่างเด็กที่เหมือนผู้ใหญ่ว่า “ช่างเถอะ มันก็ไม่ใช่ความผิดของคุณสักหน่อย ว่าแต่ทำไมพวกคุณจะต้องเลือกฉันด้วยล่ะ?”
ฟางฟางโดนคำพูดของเธอทำให้รู้สึกขำ ยิ้มแล้วตอบว่า “เพราะว่าเธอมีความอดทนมาก ความสามารถในการสังเกตและความทรงจำก็ดีมาก ๆ ด้วย”
น้ำเสียงของเธอฟังแล้วเหมือนกับว่าเป็นการกล่าวชื่นชมโดยตรง แต่ฉินซีก็ไม่ได้ถ่อมตนเลย และพยักหน้ายอมรับโดยตรง “ครูของฉันก็เคยชื่นชมฉันแบบนี้เหมือนกัน”
มุมปากของฟางฟางก็ยังคงมีรอยยิ้มแฝงอยู่ “ ใช่ เพราะว่าฉินซีเป็นเด็กที่สุดยอดมากคนหนึ่ง เพราะฉะนั้นเราต้องการให้เธอมาเข้าร่วมกับเราด้วย”
ฉินซีกลับไม่ได้ตอบตกลงในทันที แต่กลับหันหน้าไปมองทางฟางฟาง “แต่ว่าฉันยังต้องเรียนหนังสือ ยังต้องไปถ่ายรูปกับคุณปู่ และยังต้องวาดรูปเป็นเพื่อนคุณแม่ อาจจะไม่มีเวลามาเข้าร่วมกับพวกคุณ ”
น้ำเสียงแบบเด็ก ๆ ของเธอเหมือนว่าจะทำให้ฟางฟางอารมณ์ดีมาก เธอโบกมือเล็กน้อย “พวกเราจะไม่ยึดเวลาพวกนี้ของเธอมาใช้หรอก”
“เพราะฉะนั้นที่คุณพาฉันมา ก็เพราะอยากจะถามฉันว่า อยากจะเข้าร่วมกับองค์กรของพวกคุณไหม ใช่หรือเปล่า?” ฉินซีถามขึ้น
ฟางฟางพยักหน้า “ใช่จ้ะ”
ฉินซีแววตาหมุนวน แล้วอยู่ ๆ ก็เหมือนกับว่านึกอะไรออก แล้วถามขึ้นว่า “แต่ว่าคุณยังไม่ได้บอกฉันเลยว่า นักทดลองคืออะไร ”
ฟางฟางอึ้งไปเล็กน้อย แต่ก็ตั้งสติกลับมาได้
นี่คือสถานะที่ฟางฟางได้พูดไว้ตอนที่ตัวเองแนะนำตัวกับฉินซี
เธอดูไปแล้วเหมือนกับจะตกใจเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าฉินซีจะยังจำหัวข้อที่ตัวเองตั้งใจบ่ายเบี่ยงไปแล้วได้ แต่ว่าจากสถานการณ์ตรงหน้านี้มาดูแล้ว เธอคงจะไม่สามารถหลบหลีกได้อีกครั้งแล้ว ก็เลยพูดขึ้นอย่างจริงจังว่า “นักทดลองก็คือคนที่จะทำการทดลองกับห้องทดลองทุกห้องในที่แห่งนี้ ในองค์กรมีเรื่องให้ทดลองเยอะแยะที่จะต้องทำให้สำเร็จ เพราะฉะนั้นต้องการคนอย่างพวกเรามากมายที่จะมาทำการทดลองให้สำเร็จ”
ฉินซีหรี่ตาลงน้อย ๆ “งั้นคุณน้าคนที่ทำให้ฉันเจ็บเมื่อกี้ ก็เป็นนักทดลองด้วยเหรอคะ?”
ฟางฟางหยุดนิ่งไปไม่กี่วินาที แล้วก็พยักหน้าขึ้นช้า ๆ แต่ว่าก็เปิดปากพูดเสริมขึ้นอย่างรวดเร็ว “ฉินซี ถึงแม้จะเป็นนักทดลองเหมือนกัน แต่ว่าระหว่างคนเรา ก็ไม่เหมือนกันทั้งนั้นแหละ”
ฉินซีก็พยักหน้า แต่ว่าไม่ได้พูดอะไร
น้ำเสียงของฟางฟางยิ่งนุ่มนวลขึ้นอีก “ฉินซี เธอรู้สึกสนใจในองค์กรของเรานี้อยู่ ถูกต้องไหม?”
ฉินซีไม่ได้ขยับ เพียงแต่หรี่ตาให้ต่ำลง
ฟางฟางพูดไม่ผิด ฉินซีคิดอยู่ในใจ
ที่จริงสิ่งที่เกิดขึ้นที่หอคอยCทั้งหมด สำหรับตัวเองที่สิบขวบแล้วจะต้องรู้สึกแปลกใจมากอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นถึงจะต้องอดทนกับความเจ็บปวดก็ยังยินดีที่จะตามจ้านเซินมาครั้งแล้วครั้งเล่า
ฟางฟางยังคงพูดต่อ “พอเพียงแค่เธอพยักหน้า พวกเราก็จะไปช่วยเธอพูดเกลี้ยกล่อมพ่อแม่ให้”
และก็ผ่านไปอีกไม่กี่วินาที ฉินซีค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมา มองไปที่ฟางฟาง “แค่พวกคุณต้องการฉัน ฉันก็จะต้องเข้าร่วมเหรอ? ถ้าเข้าร่วมกับพวกคุณแล้วจะมีผลดีอะไรต่อฉันล่ะ?”
ความลึกซึ้งของคำถามนี้ของเธอดูจะเกินความคาดหมายของฟางฟางไป เธอนิ่งอึ้งไปไม่กี่วินาที ถึงจะเปิดปากพูดอธิบายขึ้นว่า “ฉินซี ตอนนี้เธอยังไม่เข้าใจ แต่ว่าต่อไปเธอจะเข้าใจเอง คนเราทุกคนนั้นมีพละกำลังที่เล็กน้อยมาก แต่ว่าพอมาอยู่ที่นี่ เธอจะสามารถแสดงพละกำลังได้อย่างมากที่สุด……”
ฟางฟางยังคงพูดต่อไป แต่ว่าฉินซีก็เริ่มฟังคำพูดของเธอไม่ชัดเจนขึ้นอีกครั้ง
มีประสบการณ์มาจากก่อนหน้านี้หลายครั้งแล้ว ฉินซีก็รู้ว่า ส่วนใหญ่จะเป็นเพราะว่าเธอจะเข้าสู่ความทรงจำช่วงใหม่แล้ว
สำหรับผลสรุปของการพูดคุยกับฟางฟางในครั้งนี้นั้น?
ถึงแม้ฉินซีจะจำอะไรไม่ได้เลย ก็รู้สึกว่าไม่น่าจะเดาได้ยากหรอก
เธอจะต้องตอบตกลงกับฟางฟางอยู่แล้ว
ตัวเองที่สิบขวบนั้น ช่างไร้เดียงสา และยังมีความหยิ่งทะนงอีกนิด โอกาสที่จะสามารถแสดงความสามารถพิเศษ ตัวเองจะไม่มีทางปล่อยไปง่าย ๆ แน่
โลกของเด็กก็บริสุทธิ์แบบนี้ และเป้าหมายก็ง่ายดายอย่างน่ากลัว
สำหรับทางด้านผู้ปกครองสามารถยินยอมได้ยังไงนั้น ฉินซีก็เดาออกได้ไม่ยาก
ก็คงหนีไม่พ้นการพูดชื่นชมตัวเธอกับฉินซึ่งเทียนรอบหนึ่ง จากนั้นก็พูดว่าตามสัญญาตั้งแต่แรก ให้ตัวเองเข้าร่วมค่ายฝึกอบรมเตรียมตัวระยะยาว เพียงแค่สัญญาว่ามีข้อดีบางอย่าง ฉินซึ่งเทียนก็ไม่มีเหตุผลที่จะไม่ตอบตกลงแล้ว
ไม่ว่ายังไง ในใจของฉินซีก็เข้าใจดี ด้วยคำพูดไม่กี่คำของฟางฟาง ตัวเองที่สิบขวบ ก็เข้าสู่ค่ายเตรียมการของ “องค์กร”ที่ว่ามานี้อย่างมึนงงไม่รู้เรื่องรู้ราวแล้ว
แต่ว่าเมื่อกี้เธอเพิ่งจะคิดเข้าใจในเรื่องพวกนี้เอง ในสมองก็มีความเจ็บปวดที่คุ้นเคยเกิดขึ้นมาอีกครั้งแล้ว
……แล้วก็เป็นช่วงความทรงจำที่มากมายอีกครั้ง
ฉินซีพบว่าความอดทนของคนเรานั้นสามารถค่อย ๆ เพิ่มสูงขึ้นได้จริง ๆ ขั้นตอนที่ก่อนหน้านี้ยังทำให้ตัวเองเจ็บปวดจนแทบทนไม่ไหว แต่ตอนนี้กลับเริ่มไม่ค่อยเจ็บปวดขนาดนั้นแล้ว
หรือแม้แต่เธอยังสามารถแบ่งความสนใจออกมา แล้วไปตั้งใจดูช่วงความทรงจำที่พุ่งออกมาพวกนั้นได้
ช่วงความทรงจำในครั้งนี้ ล้วนเป็นภาพเหตุการณ์ที่เธออยู่ในการฝึกอบรมเตรียมการที่ว่านั้น ตามคำพูดที่ฟางฟางพูดมานั้น ที่พวกเขาสนใจในตัวเอง ก็เพราะว่ากะจะฝึกฝนให้เธอเป็นคนจำพวกหน่วยสอดแนม แต่ว่าดูจากความทรงจำแล้ว การฝึกฝนในชีวิตประจำวันของตัวเอง พวกเขาก็ไม่ได้ผ่อนปรนลงเลย
จากภาพช่วงความทรงจำที่กะพริบเข้ามา ฉินซีสามารถมองเห็นภาพที่ตัวเองวิ่งและฝึกฝนด้านการยิง วนไปซ้ำ ๆ