บทที่ 113 ฉันคิดถึงคุณค่ะ
เวินจิ้งยิ้มเล็กน้อย “แม่ ไม่เป็นไรก็ดีแล้วค่ะ”
“หลายวันก่อนหน้านี้แม่กลัวมากจริงๆ แต่ก็ไม่อยากทำให้ลูกเป็นห่วง นึกว่าผ่านไปสองสามวันก็จะดีขึ้น คิดไม่ถึงว่าโทรศัพท์ข้อความเหล่านั้นนับวันยิ่งเกินไปมาก อีกทั้ง ดูเหมือนยังเอ่ยถึงชื่อของลูกขึ้นมาอีก แม่ถึงรีบไปแจ้งตำรวจ” จนมาถึงตอนนี้เจี่ยนอีก็ยังคงหวาดผวาอยู่ในใจ
ตั้งแต่บ้านถูกทำลาย จนมาถึงโทรศัพท์รบกวนในตอนนี้ หลายปีมานี้เจี่ยนอีต่างก็ไม่ได้ไปยั่วยุให้เกิดศัตรูที่ไหน มีเพียงแค่…เพราะว่าเวินจิ้ง
สีหน้าของเวินจิ้งเคร่งขรึมลงมา หรือว่าจะเป็นฉืออี้เหิง?
พอคิดมาถึงตรงนี้ เวินจิ้งรู้สึกเพียงแค่ความเย็นแผ่ขยายขึ้นมาจากแขนขาทั้งสองข้าง
คิดไม่ถึงว่าเขาจะเปลี่ยนเป็นน่ากลัวขึ้นมาเช่นนี้
เธอเปิดดูข่าวที่อยู่ในช่วงนี้ ตอนนี้สถานการณ์การบริหารของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปค่อยๆดีขึ้น เพียงแต่ตำแหน่งประธานในตอนนี้ยังคงว่างอยู่
เธอดูต่อไป คิดไม่ถึงว่าจะเป็นข่าวที่ฉินเฟยกับฉีเซินวางแผนที่จะหมั้นหมายกัน
มีข่าวลือว่าบริษัทฉีซื่อกรุ๊ปวางแผนที่จะรับซื้อบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป และการแต่งงานของทั้งสองคนก็เป็นการร่วมมือทางผลประโยชน์อย่างไม่ต้องสงสัย
เจี่ยนอีก็มองเห็นแล้วเช่นเดียวกัน เพียงแต่เธอรู้จักเพียงแค่ฉืออี้เหิง จึงเอ่ยขึ้นอย่างตกใจว่า “โอ๊ะ ไอ้ผู้ชายเลวๆนี่ถูกสลัดทิ้งแล้วหรอ?”
“ฉืออี้เหิงช่วยบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปเอาไว้ไม่ได้ ตระกูลฉินเสาะหาเลือกคนที่ดีกว่าค่ะ ไม่มีอะไรที่จะสามารถต่อว่าอย่างเกินเลยได้” เวินจิ้งมีสีหน้าที่เย็นชา
ตอนแรกคิดว่าหากฉืออี้เหิงกับฉินเฟยเลิกกันแล้ว เธอจะต้องเป็นคนที่ดีใจมากที่สุดแน่ๆ
แต่ตอนนี้ในใจกลับสงบเป็นอย่างมากดั่งน้ำนิ่ง ถือเป็นการดูข่าวซุบซิบทั่วไป
“ลูกแม่ ไม่ได้เสียใจในภายหลังใช่หรือเปล่า?”
เวินจิ้งยิ้มเล็กน้อย “ไม่ค่ะ หนูโชคดีมาก ที่ในตอนแรกถูกฉืออี้เหิงสลัดทิ้ง”
ถึงทำให้เธอมองเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของเขาได้อย่างชัดเจน
“งั้นก็ดีจ้ะ คุณหมอมู่คนนี้ลูกจะต้องกอดเอาไว้ให้แน่นๆเลยนะ ก่อนหน้านี้แม่เป็นห่วงว่าตระกูลมู่จะใหญ่เกินไป ลูกจะได้รับความไม่เป็นธรรม แต่หากเขาดีกับลูกจริงๆ ชอบลูกจริงๆ แม่ก็วางใจลงแล้ว”
“ตอนนี้พวกเรามีความสุขดีค่ะ” สีหน้าของเวินจิ้งไม่ค่อยเป็นธรรมชาตินัก
ในกระเป๋ายังมีเครื่องประดับที่มู่วี่สิงมอบให้กับเธอเมื่อสักครู่นี้วางอยู่ สำหรับผู้หญิง เขาใจกว้างขนาดนี้กับทุกคนเลยหรือเปล่านะ
เธอเป็นเพียงภรรยาตามข้อตกลงคนหนึ่งเท่านั้น ยังสามารถทำให้เขาใส่ใจถึงเพียงนี้ได้
หากนี่เป็นความฝัน คิดไม่ถึงว่าเธอจะไม่อยากตื่นขึ้นมา
วันสองวันต่อมาเจี่ยนอีไม่ได้รับการรบกวนใดๆอีก เวินจิ้งกลับไปที่บ้านตระกูลมู่ เห็นมู่วี่สิงอยู่ที่ห้องหนังสือ เธอเคาะประตูขึ้น
“ตรวจสอบพบไหมคะว่าเป็นใครที่รบกวนแม่ฉันอยู่ตลอด?” เวินจิ้งเอ่ยถาม
มู่วี่สิงปิดเอกสารชุดนึงเข้าหากัน กลับไม่ตอบคำถาม กวักมือเรียกให้เวินจิ้งเข้าไปแทน
เธอทำปากจู๋เล็กน้อย ฝีก้าวเชื่องช้ามาก
ยังไม่ทันเดินเข้าไปใกล้ก็ถูกมู่วี่สิงกางแขนออกรวบเข้าไป เธอล้มเข้าไปในอ้อมแขนของเขาในทันที
“คิดถึงผมบ้างหรือเปล่า? หืม?” เสียงในลำคอที่ทุ้มต่ำของเขาดังขึ้นที่ข้างใบหูของเธอ กัดไปที่ใบหูของเธอเบาๆ
เวินจิ้งรู้สึกเพียงแค่ชาไปทั่วทั้งตัว ดวงตาตอนที่เงยหน้าขึ้นมามีน้ำหล่อลื่นอยู่เล็กน้อย
พวกเขาก็แค่ไม่ได้เจอกันหนึ่งวันกับอีกหนึ่งคืนก็เท่านั้นเอง เพียงแต่…ดูเหมือนจะคิดถึงมาก
อย่างน้อยที่สุดเมื่อคืนนี้ไม่ได้อยู่ที่ข้างกายของมู่วี่สิง ก็มีนอนไม่หลับอยู่บ้าง
“เปล่าค่ะ” เวินจิ้งตอบอย่างปากไม่ตรงกับใจ
มู่วี่สิงหัวเราะขึ้น หันใบหน้าของเวินจิ้งเข้ามา สายตาที่หลบซ่อนของเธอถูกเขาจับได้หมดแล้ว
“หืม? หากโกหกผม จะต้องรู้ผลลัพธ์ที่ตามมาในภายหลังอย่างชัดเจนนะครับ” ในคำพูดนี้แฝงไปด้วยความข่มขู่เล็กน้อย
เวินจิ้งหยุดชะงักลง คิดถึงว่าตนเองก็ถือว่ามีเรื่องที่จะต้องขอความช่วยเหลือจากเขา น้ำเสียงก็อดไม่ได้ที่จะอ่อนลงมา “ฉันคิดถึงคุณค่ะ”
คิดถึงจริงๆ
เวินจิ้งโกหกไม่เป็นมาโดยตลอด ตอนนี้พูดออกมาอย่างสบายๆ มู่วี่สิงหรี่ตาลง เพียงครู่เดียวก็ประคองศีรษะทางด้านหลังของเธอเอาไว้จูบลงไปอย่างดูดดื่มในทันที
มือของเวินจิ้งดันไปที่เขาโดยจิตใต้สำนึก แต่นี่คือคู่ต่อกรของมู่วี่สิงที่ไหนกัน ถูกเขาผลักลงไปบนโต๊ะหนังสือ คนทั้งคนนั่งอยู่ที่ด้านบน
ท่าทางแบบนี้ อันตรายเหลือเกิน!
“มู่วี่สิง พวกเราคุยธุระกันค่ะ!” เวินจิ้งหอบหายใจ ดวงตาจ้องชายหนุ่มเอาไว้
มู่วี่สิงประชิดเข้ามาใกล้ มือโอบเอวบางของเธอเอาไว้ “อืม ตรวจพบแล้ว”
“ใครคะ?”