บทที่ 1150 ที่พักพิงที่ดีที่สุด
บทเรียนที่ว่ามานั้นคืออะไร ฉินซีเข้าใจกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว
สอนให้เธอรู้จักปกป้องตัวเอง สอนให้เธอละทิ้งความรู้สึกทุกอย่างที่คนทั่วไปมี สอนให้เธอให้กลายเป็นมนุษย์หุ่นยนต์ที่ใช้งานได้ดียังไง
“ฉันเรียนไปไม่กี่ครั้ง ก็เข้าใจทั้งหมดแล้ว” ฟางฟางยิ้มแล้วพูดขึ้น น้ำเสียงกลับฟังดูขมขื่น “ที่เขาให้ฉันเรียนบทเรียนแบบนี้ ก็เพราะว่าเพื่อที่จะบอกฉันว่า อย่าคอยแต่อยู่กับความรู้สึกที่ไม่สมควรมีอยู่อีกเลย สำหรับนิทานของเขาและฉัน ก็เป็นเพียงแค่กับดักเขาที่เขาใช้แรงกายแรงใจทำขึ้นมาครั้งหนึ่งเท่านั้น เมื่อเหยื่อติดกับแล้ว ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้แรงอีกแล้ว”
ฉินซีมองรอยยิ้มของเขา และช่วงมึน ๆ งง ๆ ก็ราวกับว่ามองเห็นเหยาหมิ่น ความรู้เดียวกันนี้ทำให้เธออดไม่ได้ที่จะเริ่มเจ็บปวดขึ้นมา
“ฉันมองทุกอย่างชัดเจนแล้ว สำหรับเขาก็ไม่คาดหวังอะไรอีก สิ่งเดียวที่ฉันเป็นกังวลก็คือลูกชายของฉัน” ฟางฟางหรี่ตาลงต่ำ และมองไปที่หน้าท้องของตัวเอง ราวกับว่ายังมีชีวิตคนอีกชีวิตหนึ่งอยู่ข้างในยังไงอย่างงั้น “ถึงแม้ว่าฉันตายใจไปจากเขาแล้วจริง ๆ แต่ว่าชีวิตที่อยู่ในท้องของฉันนั้น เป็นลูกของฉัน ความรู้สึกที่ฉันมีต่อเขานั้นมันตัดไม่ขาดหรอก ฉันเป็นกังวลว่าถ้าตามนิสัยของเขาแล้ว ขอแค่รู้ว่าฉันท้อง อาจจะบังคับฉันให้เอาเด็กคนนี้ออกได้ ”
แววตาของฟางฟางดูล่องลอยเล็กน้อย “โดนเขาหลอกลวง ฉันยังพอทนไหว แต่ว่าถ้าจะต้องเอาเด็กคนนี้ออก ฉันคงจะคลุ้มคลั่งได้”
ฉินซีถอนหายใจเบา ๆ ทีหนึ่ง แต่ในห้องที่เงียบสงบนี้กลับดูค่อนข้างเด่นชัด
แน่นอนว่าฟางฟางก็ได้ยินแล้ว แล้วก็ยิ้มขึ้นมา และหันมามองเธอ “ความคิดของฉันมันเข้าใจยากมากเลยใช่ไหม?”
ฉินซีส่ายหน้า และไม่ได้พูดอะไร
“แต่ว่าสุดท้ายฉันก็ปกปิดได้ไม่นานเท่าไหร่” ฟางฟางเก็บรอยยิ้มกลับมา “เธอก็รู้ว่า บทเรียนพวกนั้นขององค์กรมันเป็นยังไง จะต้องใช้พละกำลังมากมาย และในเวลานั้นอาการแพ้ท้องของฉันก็รุนแรงมาก ทุกวันต้องอาเจียนหลายรอบ ส่วนใหญ่แล้วแทบจะกินอะไรไม่ลงเลย พอเป็นแบบนั้นไป ๆ มา ๆ ก็หมดสติไปในคาบหนึ่งตอนเรียนการฝึกฝนพละกำลัง”
“รอจนฉันฟื้นขึ้นมานั้น ก็อยู่ในโรงพยาบาลขององค์กรแล้ว เขายืนอยู่ข้างเตียงผู้ป่วย มองฉันจากข้างบนลงล่างอยู่” ปฏิกิริยาของฟางฟางเห็นได้ชัดว่ากำลังจมอยู่กับความทรงจำ “พูดแล้วก็ตลก นั่นเป็นครั้งแรกที่ฉันได้อยู่ใกล้กับเขา ตั้งแต่หลังจากที่ผลงานการทดลองออกมาแล้ว แต่เขากลับใช้น้ำเสียงเย็นชาถามฉันว่า ทำไมถึงปิดบังข่าวที่ทั้งครรภ์กับองค์กร”
“ในตอนนั้นฉันทั้งกลัวและก็โกรธ กังวลว่าเขาจะลงมือกับลูกของฉัน โกรธท่าทีที่เขาใช้พูดกับฉัน ในที่สุดก็ไม่มีทางที่จะรักษาความสงบไว้ได้อีกแล้ว แล้วก็ตะโกนเสียงดังโวยวายราวกับคลุ้มคลั่งใส่เขา บอกให้เขาไสหัวออกไป เขาโตมาขนาดนี้ น่าจะเป็นครั้งแรกที่โดนปฏิบัติแบบนี้ใส่ ในชั่วขณะหนึ่งจึงได้นิ่งอึ้งไป” มุมปากของฟางฟางมีรอยยิ้มกะพริบขึ้น แต่ว่าแค่แป๊บเดียวก็จางหายไปแล้ว “เขาไม่ได้ถามฉันว่าเพราะอะไรถึงได้แหกกฎขององค์กรที่ตั้งครรภ์ เพราะว่าเขารู้ เด็กในท้องของฉัน เป็นลูกของเขาเท่านั้น”
“แต่ว่าเขาก็ยังคงสงบนิ่งมาก และโหดเหี้ยมมาก ถึงแม้ว่าฉันแทบจะอยู่ภายใต้การจับตาดูขององค์กรทั้งวัน ไม่มีทางที่จะไปสนิทสนมกับใครได้ แต่ว่าเขาก็ยังคงให้หมอมาทำการตรวจDNA ถึงจะยอมเชื่อว่านี่คือลูกชายของเขา”
ฉินซีทนไม่ไหวจนหลับตาลง
เอาตามความสามารถของหมอในสมัยนั้น การจะตรวจDNAเด็กทารกในระหว่างที่ตั้งครรภ์อยู่นั้นทักษะยังไม่ดีมากพอ ถ้าหากว่าอยากจะให้เด็กในครรภ์ไม่ได้รับผลกระทบมากนัก งั้นมารดาก็จะต้องเจ็บปวดมาก
แต่ว่าสุดท้ายฟางฟางก็ไม่ได้เล่าความเจ็บปวดแบบนี้ออกมา เพียงแต่ว่าพูดให้พอผ่าน ๆ ไปว่า “ขั้นตอนที่ตรวจDNAนั้นยากลำบากมาก แต่ว่าสุดท้าย เขาก็มั่นใจแล้ว ว่านี่เป็นลูกของเขา แถมยังเป็นเด็กผู้ชายอีกด้วย ฉันคิดว่าส่วนใหญ่เขาน่าจะเห็นแก่ความคิดที่ว่านี่เป็นลูกชายคนแรกของเขา สุดท้ายจึงให้ฉันเก็บเด็กคนนี้ไว้ และยังหยุดบทเรียนของฉันหมดทุกอย่างลง แล้วก็ไม่ให้ฉันเข้าห้องทดลองอีก ให้ฉันตั้งใจบำรุงครรภ์ดี ๆ”
ครั้งนี้ในที่สุดฉินซีก็เข้าใจแล้วว่า ทำไมฟางฟางถึงได้ถือว่าเป็นคนพิเศษสุดคนหนึ่งในองค์กร แม้แต่ตัวเองยังโดนบทเรียนพวกนั้นกระทบบ้าง และก็ยังมีสัญญาณความเย็นชาเล็ก ๆ น้อย ๆ อยู่บ้าง แต่ว่าเขาอยู่ในองค์กรมานานขนาดนี้ ทำไมยังสามารถรักษาความรู้สึกสั่นไหวที่ตัวเองเป็นคนคนหนึ่งอยู่ได้
……เพราะว่าเขาไม่เคยเรียนบทเรียนพวกนั้นมาก่อนเลยต่างหาก
“ในเวลานั้นฉันได้รู้สึกตายใจกับเขาแล้วจริง ๆ แต่ว่าก็ยังฟังคำพูดของเขา ในเมื่อนี่ก็เป็นลูกคนแรกของฉันเหมือนกัน ฉันก็อยากจะให้เขาคลอดออกมาสุขภาพแข็งปลอดภัย พูดแล้วก็ตลก ในช่วงเวลาที่ฉันบำรุงครรภ์อยู่นั้น เขากลับมาเยี่ยมฉันอยู่บ่อย ๆ แทบจะเว้นวันหนึ่งก็มาอีกครั้งแล้ว ดีที่ฉันได้เห็นเนื้อแท้ของเขาอย่างทะลุปรุโปร่งไปแล้ว ที่เขามาเพราะลูกชายของเขา แต่ไม่ใช่ฉัน ฉะนั้นฉันก็ปฏิบัติต่อเขาอย่างเย็นชา” ฟางฟางพูดคำพูดแบบนี้ แต่ว่าในน้ำเสียงกลับไม่ได้มีความไม่พึงพอใจเลยสักนิด “แม้แต่ในช่วงเวลาที่ฉันคลอดลูก ก็เป็นเขาที่เข้าห้องคลอดเป็นเพื่อนฉันด้วย ในตอนที่ฉันเจ็บจนไม่ไหวแล้วนั้น เขายังเอามือตัวเองมาให้ฉันกัดอีกด้วย”
ในดวงตาของฟางฟางมีรอยยิ้มพาดผ่าน แต่ว่าแค่แป๊บเดียวก็กลับสู่ความสงบแล้ว “นั่นเป็นการอยู่อย่างเป็นมิตรที่นับครั้งได้ไม่มากของเราแล้ว ยังดีที่ฉันได้รู้สึกผิดหวังกับเขาอย่างถึงที่สุดแล้ว เพราะฉะนั้นการกระทำที่ทำให้อุ่นใจทั้งหมดของเขานั้นล้วนมีเป้าหมายทั้งนั้น ไม่ได้เป็นเพราะว่ารักฉันเลยสักนิด แล้วก็เป็นอย่างว่าจริง ๆ พอลูกคลอดออกมาแล้ว เขาก็ไม่ได้มองฉันอีกเลยแม้แต่ครั้งเดียว แล้วตามหลังพยาบาลที่อุ้มลูกออกไปพร้อมกันเลย”
ฉินซีเป็นแค่ผู้ฟังคนหนึ่งเท่านั้น แต่ครั้งนี้ก็เสียใจจนหายใจไม่ออกขึ้นมา แต่ว่าฟางฟางกลับเหมือนกับว่ากำลังพูดเรื่องของคนอื่นยังไงอย่างงั้น น้ำเสียงเรียบสงบ “ฉันเพิ่งคลอดลูกเสร็จ ทั้งตัวไม่มีแรง และน่าอนาถจนดูไม่ได้ กำลังเป็นช่วงที่อ่อนแอที่สุด แต่เขากลับให้พยาบาลอุ้มลูกออกไป เขาอดรนทนรอไม่ไหวจนอยากจะอวดลูกชายคนแรกของเขาแล้ว ทิ้งฉันให้เหมือนกับตุ๊กตาผ้าขาด ๆ ตัวหนึ่ง แม้แต่ลูกของฉันเองก็ยังไม่ได้เห็นสักครั้ง จนกระทั่งสลบไป ”
“หลังจากฉันคลอดลูกเสร็จแล้ว ก็เลือดออกเยอะมากหลังคลอด รักษาอยู่ตั้งนานถึงได้พ้นขีดอันตรายได้ รอตอนที่ฉันลืมตาตื่นมานั้น ข้างกายก็ไม่มีใครสักคนแล้ว ฉันก็ไม่ได้ถามให้มากความ และก็รู้ว่า เขาจะต้องไม่เคยมาแน่ ๆ ” ฟางฟางมองไปที่ไกล ๆ แววตาดูว่างเปล่าเล็กน้อย “ในวินาทีนั้นฉันเพิ่งจะรู้ว่าที่แท้ความตายใจของฉันนั้นล้วนแกล้งออกมาทั้งนั้น แต่วินาทีนั้น ความโศกเศร้าเสียใจมันมากกว่าความตายใจ ถึงจะเป็นเรื่องจริงต่างหาก”
“แต่ว่าก็ดีที่เด็กที่ฉันคลอดมาเป็นลูกของเขา ไม่มีคนมาเยี่ยมเยียนฉัน และก็ไม่มีใครกล้าละเลยฉัน ฉันอยู่ที่โรงพยาบาลได้รับการดูแลเป็นอย่างดีจนถึงฉันหายดีแล้วและก็ออกจากโรงพยาบาล” ฟางฟางเม้มปากขึ้นเล็กน้อย
“แต่ว่า ทำไมคุณไม่จากไปล่ะ?” ฉินซีอดไม่ได้ที่จะถาม
เธอรู้ว่า องค์กรไม่ใช่ที่ที่เข้าแล้วออกไม่ได้ โดยเฉพาะนักทดสอบแบบฟางฟาง ถ้าหากอยู่ไม่ได้แล้วจริง ๆ ก็สามารถยื่นเรื่องลาออกไปได้
แต่ว่าฟางฟางกลับส่ายหน้า “ฉันสามารถไปที่ไหนได้ล่ะ? ฉันลาออกจากงานแล้ว กับที่บ้านก็แตกหักกันแล้ว ตอนแรกนึกว่าจะได้เจอกับจุดจบที่สวยงามของฉัน แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะเป็นนิทานที่น่าเศร้าแบบนี้ ในองค์กรนอกจากมีเขาแล้ว ที่จริงอย่างอื่นก็ดีมากทั้งนั้น ฉันสามารถเลี้ยงดูตัวเองได้ และยังสามารถ……ได้เห็นลูกชายของฉันด้วย นี่คือที่พักพิงที่ดีที่สุด สำหรับคนที่ไม่มีที่ไปอย่างฉันแล้ว”
ฉินซีไม่พูดอะไร
สิ่งที่พูดมาฟางฟางล้วนเป็นความจริง แต่ว่าไม่ว่ายังไงเธอก็รู้สึกไม่พอใจแทนฟางฟางอยู่ดี
เธอไม่น่าจะโดนผูกมัดไว้อย่างนี้ ตั้งแต่แรกเธอสามารถมีอนาคตที่สว่างสดใสได้