บทที่ 1151 เป็นเหยื่อ
ฟางฟางไม่สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ของฉินซี แต่กลับตกอยู่ในอารมณ์ของตัวเองอย่างสมบูรณ์
“วินาทีแรกที่จ้านเซินเกิดออกมา ก็โดนเขาแย่งไป หลังจากนั้นเพราะว่าฉันเข้าผ่าตัด ทำให้ไม่มีน้ำนม เขาก็ไม่ให้จ้านเซินอยู่กับฉัน แต่กลับไปหาแม่นมมาดูแลจ้านเซิน ฉันได้เจอหน้าลูกชายหลังจากรักษาตัวหายออกมาจากโรงพยาบาล1เดือน ” แววตาของฟางฟางซ่อนความเหงาไว้ไม่ได้ “เขาถูกอุ้มไว้ในอ้อมกอดของผู้หญิงอีกคน มองแววตาของเธอที่เต็มไปด้วยความผูกพัน ตั้งแต่เขาคลอดออกมา ใกล้ชิดและกินนมของเธอ จะเรียกว่าเป็นลูกแท้ของตัวเองก็ได้” ขณะที่พูดถึงพ่อของจ้านเซินมีท่าทีที่เกินไปมากมาย แต่น้ำเสียงของฟางฟางกลับนิ่งเฉย แต่ครั้งนี้น้ำเสียงไม่สามารถซ่อนความเจ็บปวดไว้ได้
ฉินซีลังเลอยู่สักครู่ จึงยื่นมือออกไปลูบหลังเธอ
“ตอนนั้นฉันรู้ว่าจ้านเซินเป็นลูกชายของเขา เขาต้องไม่ยอมวางมือแน่ ถ้าฉันอยากเจอเขาก็ต้องอยู่ในองค์กร ดังนั้นฉันเลยไม่ลังเลอะไรมากเลยตัดสินใจในอยู่ต่อในองค์กร และได้เป็นนักทดลองคนหนึ่ง ความผูกพันของจ้านเซินกับฉันไม่ลึกซึ้ง แต่ก็ให้อภัยกันได้ ตั้งแต่เกิดเขาถูกเลี้ยงมาโดยแม่นม จากนั้นก็โตมาข้างตัวพ่อ เพราะพ่อเลี้ยงดูเติบโตมาด้วยตัวเอง ฉันที่เป็นแม่แทบจะไม่ได้ทำอะไรเลย แม้แต่ความรักของแม่เขาอาจจะสัมผัสได้น้อยมาก” น้ำเสียงของฟางฟางตำหนิตัวเองเล็กน้อย
ทำให้ฉินซีต้องรีบแก้ : “แต่นี่ไม่ใช่ความผิดของคุณน่ะ! เพราะเขาไม่ให้คุณเข้าใกล้จ้านเซิน”
ฟางฟางส่ายหน้ายิ้มน้อยๆ และไม่ได้แก้ไขอะไร
“แค่พริบตาเดียว ฉันก็อยู่ในองค์กรมาหลายปีแล้ว” เสียงของฟางฟางฟังดูห่างไกล “จริงๆ แล้วฉันดูออก เขาไม่ได้ทำอะไรผิดต่อฉัน ไม่งั้นคงไม่ปล่อยให้คนแตกต่างอย่างฉันอยู่ที่นี่นานขนาดนี้ ตอนที่จ้านเซินยังเด็กเพราะถูกเขาอบรมสั่งสอนอย่างเข้มงวดจนร้องไห้โวยวาย ฉันแอบไปปลอบเขา เขาก็ปิดตาข้างเดียวทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น ฉันไม่ผ่านเงื่อนไขขององค์กรตั้งแต่ต้นแต่เขาก็ไม่เคยบังคับให้ฉันไปเรียนเสริมวิชาที่ขาดไปให้จบ เพราะท้องข้างตัวก็ไม่มีคนอื่นอีก วิธีที่ใช้กับฉันก็ไม่เคยให้ใครใช้อีก ไม่รู้ว่าเพราะรู้ว่าราคาที่ต้องจ่ายกับความรู้สึกมันมาก หรือว่าเกิดมีจิตสำนึกขึ้นมา ทั้งชีวิตนี้มีจ้านเซินเป็นลูกแค่คนเดียว”
“แต่เรื่องนี้กับความเจ็บปวดที่เขามอบให้คุณมันเทียบกันไม่ได้!” ฉินซีพูดอย่างโมโห
ฟางฟางตกใจและยิ้มออกมาน้อยๆ : “ใช่ ความลำบากของฉันเป็นเพราะเขา ความผิดเล็กน้อยพวกนี้ไม่มีอะไรทดแทนได้ กลับเป็นเครื่องมือที่ทำให้ฉันสงสัยในตัวเองในบางครั้ง สงสัย…ว่าเขาจะมีความลำบากอะไร”
ฉินซีตัดสินใจอ้าปากแก้ไขแต่กลับไปมีเสียงพูดออกมา
เธอไม่ใช่ต้นเรื่อง ความจริงแล้วเธอไม่เข้าใจอะไรเลย
เธอเคยเจอพ่อของจ้านเซิน ถึงอายุยังน้อยแต่เป็นผู้ชายที่หล่อมีรสนิยมแน่นอน
เขาทำให้ฟางฟางใจอ่อนได้ง่ายๆ ทั้งยังทำให้เธอยอมทำทุกอย่างเพื่อเขา ถ้าอย่างนั้นวิธีการเดียวกันนี้ก็ใช้กับคนอื่นได้ไม่ยาก
แต่เขากลับไม่เคยใช้อีก
ฟางฟางเห็นสีหน้างงงวยของฉินซี จึงหัวเราะเบาๆ : “แต่ว่าตอนนี้ฉันไม่สงสัยอะไรอีกแล้ว ไม่ว่าเขาจะรู้สึกกับฉันจริงไหม ตอนนี้เรื่องมันก็ผ่านไปแล้ว”
ฉินซีฟังประโยคนี้ก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ : “แปลว่าอะไร?”
ฟางฟางพูดอย่างเรียบเฉย : “ที่ฉันอยู่ที่นี่ก็เป็นเพราะ…เขา”
ฉินซีตกใจตาโต
ครั้งนี้ฟางฟางคงจะมองท่าทีที่เปลี่ยนไปของฉินซีออกแล้ว ดูตลกและน่าสนใจ จากนั้นจึงหัวเราะและพูดต่อ
“ฉันรู้คุณมีหน้าที่ตรวจสอบ ดังนั้นคุณก็คงรู้ว่าคนที่ลักพาตัวฉันไปครั้งนี้เป็นคนของบริษัทผลิตยาฉางเซิ่ง” ฟางฟางลดสายตาลง “ดังนั้นคุณต้องสงสัยแน่นอนว่าฉันเข้าร่วมการทดลองได้ยังไง และรู้ที่อยู่ของฉันได้ยังไง”
ฉินซีรู้สึกเสียวสันหลัง : “คุณจะบอกว่า…เขาเปิดเผยมัน?”
ฟางฟางไม่ขยับอะไร เพียงแค่พูดอย่างเรียบเฉยว่า : “คุณไม่คิดว่าหลายปีมานี้จ้านเซินดูแลองค์กรอยู่หรือไง?”
ฉินซีพยักหน้าอย่างไม่เข้าใจ
ฟางฟางยิ้ม : “คุณเคยคิดไหมว่าเขายังหนุ่มยังแน่น ทำไมถึงยอมปล่อยอำนาจของตัวเองไปง่ายๆ?”
ฉินซีอ้าปากกว้างไม่รู้จะพูดอะไรดี
ฟางฟางส่ายหน้าเบาและพูดต่อ : “จะบอกว่าไม่วางมือ ก็ไม่ถูก เขาแค่เอาอำนาจส่วนใหญ่ในมือให้จ้านเซิน แต่…อำนาจการตัดสินใจหลักยังอยู่ในมือเขา”
ฉินซีไม่รู้ว่าเธอต้องการพูดอะไร ทำได้แค่พยักหน้า
“ดังนั้น ต้องการซื้อบริษัทผลิตยาฉางเซิ่ง ก็เป็นการตัดสินใจของเขา” ฟางฟางกล่าวเสียงเรียบ
สีหน้าของฉินซีเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
เธอแอบเดาในใจ แต่…เธอไม่อยากจะเชื่อ
“การวิจัยยาของบริษัทผลิตยาฉางเซิ่งมาถึงจุดคับขัน แต่ก่อนหน้านี้งานพี่พวกเขาทำนั้นสมบูรณ์แบบ ปรับแก้พื้นฐานนิดหน่อยก็จะได้ผลลัพธ์ที่ดีมากๆ” ฟางฟางพูดต่อ “แต่สำหรับคนที่ต้องการซื้อบริษัทผลิตยาฉางเซิ่งแล้ว ถ้าพวกเขาวิจัยออกมาได้สำเร็จ หุ้นจะต้องมีราคาสูงขึ้นอีก ถึงเวลานั้นค่อยขาย เม็ดเงินที่ได้ไม่ใช่แค่ไม่กี่เท่าตัว”
“ดังนั้น…เขากำลังสร้างปัญหา?” ฉินซีถามอย่างไม่อยากเชื่อ
แต่ฟางฟางกลับพยักหน้าเบาๆ : “เขาหาวิธีการกระจายข่าวออกไปว่าเกิดข้อผิดพลาดใหญ่ขึ้นระหว่างการวิจัยยา บังคับให้พวกเขาดิ้นรนหาคนมาพิสูจน์ จากนั้นหาโอกาสกระจายเบาะแสของฉันออกไป แม้แต่…คนที่จับฉันไป เขาก็เป็นคนจัดการ”
ข่าวที่สอดคล้องกันนี้ทำให้ฉินซีตกใจจนไม่รู้จะแสดงท่าทียังไง
“ถึงแม้คนของบริษัทผลิตยาฉางเซิ่งจะติดกับแล้ว เงินที่ลงทุนมาหลายปีไม่งอกเงย พวกเขาให้คนไปสืบมาแล้วมาว่าฉันเป็นนักวิจัยด้านนี้และสามารถช่วยแก้ปัญหาได้ จากนั้นจึงติดต่อกับคณะที่เขาจัดไว้ ขณะที่ฉันกำลังกลับบ้านจึงจับฉันมัดไว้และมาที่นี่” ฟางฟางยิ้มมุมปากแบบเย้ยหยัน “ตอนแรกพวกเขาพูดจาดีพยายามเกลี้ยกล่อมให้ฉันเปิดเผยข้อมูลการพัฒนาการวิจัยขององค์กร แล้วฉันจะได้กลับไปอย่างปลอดภัย แต่ไม่ว่ายังไงฉันก็ไม่ยอมร่วมมือก็เลยขังฉันไว้ที่นี่ ให้ข้าวน้ำกินนิดหน่อย เพื่อรอให้ฉันคิดได้เอง”
ฟางฟางหยุดพูดไปสักครู่ และยิ้มออกมาอย่าเห็นได้ชัด
“แต่ฉันไม่ได้โกหกพวกเขา จริงๆ แล้วไม่รู้อะไรเลย”
ฉินซีตกใจและเงยหน้ามองเธอ
“เขาเป็นคนปล่อยข่าว แน่นว่าเขาเองก็ต้องกลัวว่านักวิจัยตัวจริงเมื่อถูกข่มขู่แบบนี้จะเปิดเผยความลับของการวิจัยออกมา ดังนั้นเขาจึงหาคนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการวิจัยมาเป็นเหยื่อแทน”