บทที่ 1158 อดทนต่อไม่ได้
เหมือนฉินซีจะอดทนต่อไปไม่ไหว เซถอยหลังจากจุดที่ยืนไปหลายก้าว
จริงแล้วเธอเห็นตัวอักษรที่ฟางฟางใช้เลือดเขียนทิ้งไว้อย่างชัดเจน
เขียนไม่เยอะ แต่ทุกตัวอักษรบอกถึงวิธีการลักพาตัวและทำร้ายเธอ
ในที่สุดฉินซีก็เข้าใจประโยคที่ฟางฟางพูดกับเธอแล้ว “ฉันจะทำเพื่อองค์กรครั้งสุดท้าย” คืออะไร
เธอติดต่อกับนักข่าวไว้เรียบร้อย และกระโดดตึกลงมาต่อหน้ากล้อง เขียนวิธีการตายของตัวเองไว้ และยังทิ้งข่าวที่น่าสะเทือนใจไว้อีกด้วย
ตัวอักษรที่ใช้เลือดเขียนนั่น เป็นอีกจุดดึงดูดความสนใจของผู้คน
สองเรื่องรวมกัน ไม่ต้องห่วงเรื่องการกระโดดตึกฆ่าตัวตายของเธอจะไม่ใช่แค่การพาดหัวของวันพรุ่งนี้ แต่จะกระจายทั่วทั้งโซเชียลมีเดีย
และโซเชียลมีเดียจะไม่หยุดแค่การเศร้าเสียใจจากการตายของเธอเท่านั้น แต่สิ่งที่พวกเขารักที่สุด คือการขุดหาสาเหตุต้นตอ
ดังนั้นพวกเขาต้องตรวจสอบได้แน่นอนถึงสาเหตุที่ฟางฟางถูกขังไว้ที่นี่
และบริษัทผลิตยาฉางเซิ่งก็จะตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก
ข่าวอื้อฉาวแบบนี้ หุ้นของบริษัทต้องตกดิ่งลงแน่ และต้องใช้เวลานานกว่าจะกลับมาได้อีก
นี้คือสิ่งที่พ่อของจ้านเซินต้องการ เวลาที่ดีที่สุดในการเข้าซื้อ
ทั้งหมดถูกจัดไว้อย่างดี ถ้าฉินซีเป็นคนที่เห็นแค่ผลประโยชน์ขององค์กร เธอจะต้องรู้สึกขอบคุณฟางฟางและช่วยจัดการ
แต่เธอรู้ดีว่าเธอไม่ใช่
สำหรับเธอแล้วฟางฟางมีความหมายมากที่เธอคิด
ไม่งั้นเธอคงไม่กล้าไปพบเธอ และคงไม่กล้าที่จะไปบอกลาเธอ
เธอรู้ดีว่าในใจเธอเองยังมีความหวังริบหรี่ในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ราวกับว่าตัวเองไม่ได้บอกลากับเธอ ฟางฟางไม่ได้จากไปไหน
เธอแค่ไปแอบอยู่ในมุมใดมุมหนึ่งของโลก ที่ทำให้ตัวเองหาไม่เจอ ไม่พบร่องรอยอะไรเท่านั้น
แต่จ้านเซินยังคงนั่งคุกเข่าอยู่ที่เดิม ราวกับตกอยู่ในฝันร้าย จ้องมองโทรศัพท์ตรงหน้า
“ในเมื่อ…เธอไม่อยากอยู่ขนาดนี้” จ้านเซินพึมพำ “ต่อให้ต้องตาย ก็ไม่ยอมกลับมา”
ฉินซีไม่รู้จะอธิบายกับจ้านเซินยังไง จึงไม่ได้พูดอะไรออกไป
“นักข่าวคนนั้นขึ้นไปถ่ายรูป ถ่ายรูปข้อมูลทั้งหมดที่จะถ่ายได้ และลงมาด้านล่าง พ่อของฉันยังยืนอยู่ที่เดิม มองร่างไร้วิญญาณของฟางฟางอย่างว่างเปล่า” จ้านเซินยิ้มออกมาอย่างน่ากลัวในทันที “แต่เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของนักข่าว พ่อของฉันก็ดึงสติกลับมาได้ในทันที ตรวจสอบข้อมูลที่นักข่าวถ่ายไว้ และยังปรึกษากันอีกด้วยว่าจะรายงานยังไงให้ได้ผลดีที่สุด รอจนนักข่าวกลับไปหมดแล้ว ถึงจะโทรหาฉัน บอกข่าวที่ฟางฟางกระโดดตึกลงมาตรงหน้าเขา”
ฉินซีเม้มปากแน่นเป็นเส้นตรง
ครั้งที่สองแล้ว
เธอเจอคนแบบนี้เป็นครั้งที่สองแล้ว
ฉินซึ่งเทียน พ่อของจ้านเซิน เหมือนกันทั้งหมด
ในใจของพวกเขามีแต่ผลประโยชน์ มีแค่ตัวเอง ผลประโยชน์ทั้งหมดก็เพื่อตัวเอง คนแรกเอาสิ่งสกปรกทั้งหลายสาดใส่อดีตภรรยา เอากระดาษสัญญาแผ่นเดียวโอนหนี้มาให้ คนที่สองปล่อยให้แม่ของลูกตัวเองนอนบนพื้นเย็นๆ รอให้ตัวเองจัดการธุระเสร็จ ค่อยไปจัดการกับร่างของเธอ
ฉินซีไม่เข้าใจคนพวกนี้เลย
ในตัวของพวกเขาจะมีหัวใจที่กำลังเต้นอยู่จริงไหม? ในสมองของพวกเขาจะมีสิ่งที่เรียกมโนธรรมอยู่ไหม?
ถ้ามีอยู่จริง ทำไมถึงทำเรื่องโหดร้ายยิ่งกว่าสัตว์ร้ายได้?
จ้านเซินมีท่าทีดูสะเทือนใจอย่างยิ่ง ดูสูญเสียการควบคุมตัวเอง เขายังคงนั่งคุกเข่าบนพื้นและพึมพำ : “เขาไม่แม้แต่จะรอให้ฉันมาถึง ก็เดินทางออกไปแล้ว ตอนที่ฉันมาถึง มีคราบเลือดในที่เกิดเหตุ ฟางฟางนอนจมหลับตาปิดสนิท แต่มีรอยยิ้มที่ปากอยู่ในกองเลือด หรือสำหรับเธอแล้วการจากไป คือการปลดปล่อยอย่างหนึ่งสิน่ะ”
“คุณ…” ฉินซีทนดูต่อไปไม่ไหว ท่าทีของจ้านเซินตอนนี้ดูแปลกเกินไป เธอลังเลอยู่ไม่กี่วินาที จึงพูดออกไป “คุณลุกขึ้นมาก่อนเถอะ”
จ้านเซินยิ้มจางๆ และลุกขึ้น : “ฉันอยากจะบอกลากับเธอดีๆ จึงส่งเธอมาที่นี่ ฉันเดาว่า…ฉันคิดว่าคุณก็คงอยากจะบอกลาเธอจริงๆ จังๆ โดยไม่โดนคนอื่นรบกวน จึงเรียกคุณมา”
ฉินซีขมวดคิ้วและหันหน้ามองเขา
เธอรู้สึกรางๆ ว่าคำพูดของจ้านเซินจะมีความหมายอื่นซ่อนอยู่
“ตอนที่ฉันเก็บร่างของฟางฟาง พ่อฉันโทรหาฉัน” จ้านเซินแสดงสีหน้าลังเลและหยุดอีกครั้ง แต่ครั้งนี้หยุดไม่นาน “เขา…บอกการจัดการหลังจากนี้แบบคร่าวๆให้ฉันฟัง พรุ่งนี้เช้า ข่าวที่ตัดต่อเสร็จแล้วจะออกประกาศในทุกช่องรายการโทรทัศน์ข่าวเช้า จะเป็นการค้นหายอดนิยมในทุกแพลตฟอร์มโซเชียล เขาไม่ยอมเสียดายการตายของฟางฟาง ดังนั้นต้องทำให้เรื่องนี้ใหญ่ที่สุด ให้เธอเป็นภาพพจน์หนึ่งเดียวของการอุทิศตนเพื่อวิทยาศาสตร์ ใช้วิธีการที่ดีที่สุดนี้มากดดันบริษัทผลิตยาฉางเซิ่ง ตำรวจก็จะเข้าแทรกแซงด้วย เขาจะแถลงผลการตรวจสอบของตำรวจโดยเร็วที่สุด หลังแถลงผลการตรวจสอบ ราคาหุ้นของบริษัทผลิตยาฉางเซิ่งจะดิ่งลงอย่างแน่นอน หลังจากตกลงมาจนถึงจุดที่พวกเราตั้งไว้ ฉันถึงจะต้องออกหน้าไปเจรจากดราคาลงไปอีก และซื้อบริษัทผลิตยาฉางเซิ่งมา”
ฉินซีอดไม่ได้ที่แสดงรอยยิ้มน่าขบขัน
จริงๆ เลย ไม่ยอมที่จะเสียดายการตายของฟางฟางแม้แต่นิด
แบบนี้แหละที่จะทำให้คนที่ตายไปดูมีคุณค่าที่สุด และก็เหมาะสมกับจิตวิญญาณขององค์กร
แต่ฉินซีอดทนต่อไปไม่ไหวแล้ว
“คุณจะทำตามความต้องการของเขาไหม?” เธอทนจนทนไม่ไหว เงยหน้ามองจ้านเซิน
ร่องรอยของความสับสนปรากฏบนใบหน้าของจ้านเซิน แทบจะไม่เข้าใจว่าทำไมฉินซีถึงถามคำถามนี้ : “การจัดการนี้…จะมีปัญหาอะไรไหม?”
ฉินซีไม่โกรธแต่กลับหัวเราะ : “ทำตามแผนการต่อไป งานศพของฟางฟางคงต้องรออีกนานใช่ไหม?”
จ้านเซินหลบสายตาเธอ : “งานศพ…คุยกันตอนนี้ยังเร็วไปหน่อย ร่างกายฟางฟางต้องผ่านการตรวจสอบทางนิติวิทยา รอผลการตัดสินขั้นสุดท้าย ถึงจะมีโอกาสจัดงานศพได้ ถึงเวลานั้น ความคิดเห็นของประชาชนก็น่าจะไม่มีอะไรมากแล้ว น่าจะมีคนไม่น้อย…ที่จะมาส่งเธอ”
ตอนนี้เองฉินซีไม่มีแม้แต่แรงจะยิ้ม : “แล้วคุณตั้งใจเรียกฉันมาเพื่ออะไร?”
จ้านเซินเงยหน้ามองเธอแวบหนึ่ง : “วันนี้ฉันติดสินบนตำรวจ ให้พวกเขาเอาร่างไร้วิญญาณของฟางฟางวางไว้ที่นี่หนึ่งคืน กลัวว่า…หลังจากนี้จะไม่โอกาสได้เข้าใกล้ร่างของเธออีก กระทั่งงานศพ ก็น่าจะมีนักข่าวหลายสำนัก ฉันกลัวจะไม่มีโอกาสได้บอกลาเธอดีๆ สักครั้ง เลย…เรียกเธอมา”
ฉินซีถอนหายใจ
ที่จ้านเซินทำทั้งหมด ทำให้เธอไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี
ตำแหน่งของเขาน่าอึดอัดกว่าตัวเอง ดังนั้นพฤติกรรมก็จะค่อนข้างแบ่งแยก
ดูราวกับว่าเป็นหุ่นยนต์ที่อยากจะเป็น “มนุษย์” จริงๆ ที่พยายามเข้าใจความคิดของมนุษย์ และเลียนแบบท่าทางทั้งหมด
แต่จากก้นบึ้งของหัวใจ พฤติกรรมของเขาทั้งหมดยังคงทำตามผลประโยชน์