บทที่ 115 ใจอ่อนง่าย
“คุณผู้หญิง คุณไปพักผ่อนก่อนเถอะครับ ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว” พ่อบ้านเขามาเตือน ก่อนหน้านี้มู่วี่สิงตกดึกถึงจะกลับมาอยู่บ่อยๆ เพียงแต่ตอนนี้แต่งคุณนายเข้ามา งานก็ไม่ได้ยุ่งขนาดเมื่อก่อนแล้ว
เวินจิ้งหาวออกมา มองดูเวลา จากนั้นหันกลับมามองอาหารด้านหน้าที่เย็นหมดแล้วอีกครั้ง สุดท้ายก็พยักหน้า
เพิ่งจะกลับไปที่ห้องนอน ด้านนอกก็ดังสะท้อนเสียงฝีเท้าขึ้นมาระลอกหนึ่ง เธอใกล้จะหลับแล้ว มู่วี่สิงถึงได้กลับมา
“ฮู่…” เสียงลมหายใจที่คุ้นเคยเข้ามาใกล้ เวินจิ้งพลิกตัวไปอีกด้าน หันหลังให้กับเขาอย่างรู้สึกโกรธเล็กน้อย
“คุณนายมู่ คืนนี้มีธุระนิดหน่อย ขอโทษด้วยครับ”
เมื่อครู่นี้เขาได้ยินจากปากพ่อบ้านรู้แล้วว่าเวินจิ้งเตรียมอาหารเย็นให้เธอตั้งแต่หัวค่ำ ยังรอมาตลอดจนถึงตกดึก
“ค่ะ” เวินจิ้งตอบรับออกมา ในใจไม่ใช่ว่าไม่รู้สึกผิดหวัง
เพียงแต่ เธอไม่เคยแสดงออกมาให้เห็น
วันถัดมา ตอนที่เวินจิ้งลุกขึ้นจากเตียง ตำแหน่งที่อยู่ด้านข้างนั้นว่างเปล่า ลงไปที่ห้องรับแขก คิดไม่ถึงว่าจะเห็นมู่วี่สิงกำลังยุ่งอยู่ในห้องครัวอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
เขาคงจะตื่นขึ้นมาตั้งแต่เช้ามาก บนโต๊ะอาหารวางอาหารเช้าสไตล์ฝรั่งที่ประณีตเอาไว้ กลิ่นของกาแฟและน้ำเต้าหู้ผสมผสานกัน
มู่วี่สิงอยู่ที่ฝั่งตรงข้ามของเธอ เปลี่ยนจานเฟรนช์โทสที่หั่นเสร็จแล้วให้กับเธอ
“รสชาติเป็นยังไงบ้างครับ?”
นี่ยังคงเป็นครั้งแรก ที่เขาตื่นตั้งแต่เช้าเพื่อมาทำอาหารเช้าให้กับเธอ
เวินจิ้งกัดไปหนึ่งคำ คิดไม่ถึงว่ายังจะอร่อยกว่าที่ไปทานในร้านอาหารข้างนอกเสียอีก
“พอใช้ได้ค่ะ” เธอก้มศีรษะลง ไม่อยากที่จะชมเขา
บนใบหน้าของมู่วี่สิงปรากฏสีหน้าที่ผิดหวังออกมา “แค่พอใช้ได้หรอครับ? งั้นต่อไปไม่ทำดีกว่า คุณนายมู่ดูเหมือนจะไม่ชอบ”
เวินจิ้งตกตะลึง ได้ยินดังนั้น เธอรู้สึกเสียใจเล็กน้อย
เธอก็ถือว่าเป็นกึ่งนักกิน อาหารเช้าในวันนี้เป็นมื้อที่พอใจมาก
เห็นท่าทีที่ได้รับความไม่ธรรมของเธอ มู่วี่สิงจิบกาแฟเข้าไปหนึ่งคำ นัยน์ตาสะท้อนรอยยิ้มออกมา
“อยากทำก็ทำไม่อยากทำก็ไม่ต้องทำค่ะ” เวินจิ้งเอ่ยขึ้นอย่างโมโห
“คุณชอบไหมครับ หืม?” เขาถามขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
เวินจิ้งประสานเข้ากับดวงตาดำขลับที่สว่างไสวราวกับอัญมณีสีดำก็ไม่ปาน จากนั้นพยักหน้าอย่างว่านอนสอนง่าย
หลังจากอาหารมื้อเช้าผ่านไป ความโกรธของเวินจิ้งในที่สุดก็สลายหายไปไม่น้อย
เธอใจอ่อนง่ายจริงๆ…
โรงพยาบาลเหรินหมินยังคงกำลังดำเนินงานก่อสร้างใหม่หลังจากเกิดเหตุอัคคีภัย มู่วี่สิงยังไม่มีประกาศให้ไปทำงาน อาทิตย์นี้ยังคงอยู่ที่ห้องแล็บ
เวินจิ้งได้รับแจ้งจากทางตำรวจ เกี่ยวกับความคืบหน้าคดีที่เจี่ยนอีถูกรบกวนในก่อนหน้านี้ ได้ล็อคตัวผู้ต้องสงสัยเอาไว้แล้วสองสามคน เวินจิ้งไปที่นั่นเพื่อบันทึกคำให้การ
และในขณะเดียวกัน ฉืออี้เหิงก็ถูกจับกุมมาทำการสอบสวนที่โรงพัก
ตอนที่ออกจากที่นี่ไปกับเจี่ยนอี ฉืออี้เหิงก็ออกมาพอดีเช่นเดียวกัน
มองเห็นเขา เจี่ยนอีก็ต่อว่าอย่างโมโห “แกไอ้สารเลว!ในปีนั้นฉันมองแกผิดไปจริงๆ!ใช้วิธีอันธพาลอะไรกัน…”
ฉืออี้เหิงสีหน้าเย็นชา ได้ยินดังนั้นก็เพียงแค่ยกมุมริมฝีปากบางขึ้น “คุณน้า ผมไม่รู้ว่าคุณน้ากำลังพูดอะไรอยู่”
“แกไม่รู้…แกเสแสร้งต่อไปอีก!” เจี่ยนอีโมโหจนถึงขีดสุดแล้ว “แกมองเห็นลูกสาวของฉันมีชีวิตที่ดีไม่ได้ใช่หรือเปล่า จะต้องมาทำลายความสุขของเธอ!”
ฉืออี้เหิงเดินเข้ามาใกล้ทีละก้าวๆ สายตาที่เฉียบคมมองไปยังเวินจิ้ง “ผมเห็นว่าเป็นเวินจิ้งที่ไม่ยอมแพ้เรื่องผม ดังนั้นจึงคิดอยากทำลายความสุขของผมอยู่ตลอด เวินจิ้ง ผมดูคุณผิดไปแล้วจริงๆ”
เวินจิ้งสีหน้าบึ้งตึงลงมา “ฉืออี้เหิง โรคคิดเพ้อเจ้อของคุณควรจะรักษาได้แล้วนะคะ คุณตอนนี้ก็ไม่มีอะไรเลยแม้แต่น้อยที่จะสามารถทำให้ฉันชอบได้ คุณอย่ามาปรากฏตัวต่อหน้าฉันทำให้ฉันพะอืดพะอมอีกได้หรือเปล่า?”
เขากับฉินเฟยจะเป็นยังไงก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเธอแล้ว แต่หลังจากที่สองคนนี้กลับมาที่เมืองหนานเฉิงแล้วก็ดันเหมือนเงาดำมืดที่ติดตามตัวอยู่ตลอดยังไงอย่างงั้น
ใครมันจะยังคิดถึงไอ้ผู้ชายกากๆคนนี้อยู่อีก
ฉืออี้เหิงกำหมัดแน่น แทบจะไม่เชื่อคำพูดของเวินจิ้งเลยแม้แต่น้อย เขายิ้มเยาะอย่างเยือกเย็นพร้อมกับเอ่ย “งั้นหรอ? เวินจิ้ง คุณกล้าพูดไหมว่าการแท้งของฉินเฟยไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับคุณ? คุณมันก็คือทนเห็นลูกของเรากำเนิดออกมาไม่ได้ จิตใจของคุณคิดไม่ถึงว่ามันจะโหดเหี้ยมอำมหิตได้ถึงขนาดนี้!”