บทที่ 1191 จัดการด้วยตัวเอง
กลับมาสู่เวลาในช่วงปัจจุบัน
จ้านเซินเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในปีนั้นจนจบแล้ว ทั้งห้องก็เข้าสู่ความเงียบ
ฉินซีประมวลผลข้อมูลที่ได้รับมาอย่างยากลำบาก
“ก็หมายความว่า…….ตอนแรกคุณก็ไม่ได้จะปล่อยฉันไปอยู่แล้วใช่ไหม” น้ำเสียงของฉินซีเผยความรู้สึกที่ยากจะเชื่อออกมา “เดิมคุณก็ตั้งใจว่า ถ้าหากมีโอกาส ก็จะดึงฉันกลับมาหรือ”
จ้านเซินพยักหน้าตรงไปตรงมา “ถูกต้อง ฉินซี ตอนนั้นจิตใจของคุณไม่ปกติ ดังนั้นจึงไม่สามารถถือว่าคำพูดที่คุณพูดเป็นความจริง”
เรื่องทั้งหมดนี้มันเหลวไหลเกินไปแล้ว ฉินซีแทบอยากจะหัวเราะออกมา “จ้านเซิน ตอนนั้นที่ฉันจินตนาการถึงคุณแม่ฉันออกมา ไม่ได้หมายความว่า ฉันจะตัดสินใจในเรื่องอื่นๆให้ถูกต้องไม่ได้ ฟางฟางบอกกับฉันแล้ว ตัวฉันเองก็จำได้แม่น หากพวกเราต้องการจะไปจากองค์กรจริงๆแล้วล่ะก็ ไม่ใช่เรื่องที่ไม่สามารถทำได้”
ท่าทีของจ้านเซินเด็ดเดี่ยวเกินกว่าที่คาดเดาเอาไว้ เขาเพียงแค่มองฉินซีตรงๆ เอ่ยเรียบๆว่า “คุณรู้ไหมว่า การไปจากองค์กรต้องจ่ายค่าตอบแทน”
ฉินซีไม่รู้ว่าทำไมสีหน้าของเขาถึงได้จริงจังเช่นนี้ ดังนั้นจึงมองเขา รอให้เขาพูดต่อ
“ตัดมือข้างหนึ่งทิ้ง กำจัดความทรงจำทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับองค์กรไป” จ้านเซินมองฉินซี เอ่ยพูดเนิบนาบ
สีหน้าของฉินซีเปลี่ยนไปในทันที
……..แม้ว่าเธอจะเคยคิดว่าจำเป็นต้องจ่ายการตอบแทนบางสิ่ง แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะเป็นค่าตอบแทนที่โหดร้ายเช่นนี้
จ้านเซินเห็นสีหน้าของฉินซี ก็รู้แล้วว่าเธอไม่ได้คาดเดาว่าเรื่องจะเป็นแบบนี้
“คุณคงจะไม่คิดว่า แค่ปิดผนึกความทรงจำที่เกี่ยวข้องกับองค์กรแล้ว คุณก็จะหลุดพ้นจากองค์กรจริงๆหรอกนะ” จ้านเซินเปิดเผยความจริงอย่างไม่ปราณี “คุณคิดย้อนกลับไปสักหน่อย ตอนที่คุณเพิ่งจะคิดความทรงจำขององค์กรขึ้นมาได้ แม้ว่าจะเจ็บปวด แต่ก็แทบจะไม่มีความยากอะไร ถ้าหากว่าคุณถูกคนที่ต้องการใช้ประโยชน์จากคุณพาตัวไป ดำเนินการสะกดจิต ให้คุณคิดเรื่องทั้งหมดออก อย่างนั้นองค์กรก็จะตกอยู่ในสภาพที่ไม่ปลอดภัยไม่ใช่หรือ”
คิ้วฉินซีขมวดเป็นปม “ดังนั้น……การกำจัดความทรงจำ………”
จ้านเซินเข้าใจความหมายของเธอในทันที จึงอธิบายต่ออย่างรวดเร็วว่า “ความทรงจำที่เกี่ยวข้องกับองค์กรของคุณ แค่ถูกปิดผนึกเอาไว้ชั่วคราวเท่านั้น ก็เหมือนกับความทรงจำเหล่านี้ถูกบรรจุเอาไว้ด้วยหีบห่อ เพียงแค่มีคนที่มีเทคนิค ล้วนสามารถเปิดหีบห่อนี้ได้ แต่การกำจัดความทรงจำนั้น……..ทรมานกว่าสิ่งที่คุณเคยได้รับมากนัก เป็นการฝืนขุดเอาความทรงจำในสมองของคุณไปทั้งอย่างนั้น หลังจากนี้ไม่ว่าใคร ก็ไม่มีหนทางที่จะทำให้คุณคิดสิ่งเหล่านี้ออกได้”
ฉินซีเม้มริมฝีปาก ผ่านไปครู่หนึ่งถึงได้เอ่ยว่า “ดังนั้น…….ช่วงระยะเวลาที่ผ่านมานี้ ฉันไม่ได้ไปจากองค์กรจริงๆ
จ้านเซินพยักหน้า
ฉินซีเข้าใจแจ่มแจ้ง
เมื่อเป็นแบบนี้ ทั้งหมดก็อธิบายได้ง่ายแล้ว
ทำไมจ้านเซินถึงได้เข้าใจการใช้ชีวิตของตัวเองในหนึ่งปีกว่านี้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้งเช่นนี้ คล้ายกับว่าทั้งหมดอยู่ในการควบคุมของเขา เพียงแต่เพราะว่า…….ไม่ได้เป็นคนที่ไปจากองค์กรจริงๆ การถูกสอดแนมตลอดเวลาจึงเป็นเรื่องที่ปกติมาก
เพียงแต่…..ฉินซีไม่รู้ว่า ถ้าหากเป็นกฎระเบียบขององค์กร เธอคงจะไม่ได้ถูกสอดแนมอย่างใกล้ชิดแบบนี้ เพียงแค่รายงานสักหน่อย ในตอนที่เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นมาก็ได้แล้ว
แต่เธอกลับถูกคนขององค์กรจับตามองทุกย่างก้าว การเคลื่อนไหวเกือบอยู่ภายใต้การควบคุมขององค์กรทั้งหมด
นี่ก็เป็นเพียงแค่…..ข้อเรียกร้องของตัวจ้านเซินเองเท่านั้น
ที่จริงแล้ว ตอนที่อยู่ในองค์กร เรื่องทั้งหมดของฉินซี ล้วนเป็นจ้านเซินจัดการด้วยตัวเอง
ดังนั้นแม้ว่าฉินซีจะไปจากองค์กรชั่วคราว เขาก็ไม่สามารถทนให้ตัวเองสูญเสียการควบคุมที่ตัวเองมีต่อฉินซีไป
“แต่ว่าการพาฉันกลับมาในตอนนี้ แน่ใจแล้วหรือว่า สภาพจิตใจของฉันฟื้นฟูสู่สภาพปกติ” เสียงของฉินซีแฝงไปด้วยแววเย้ยหยันอย่างไม่ปิดบัง “ดังนั้นคุณจึงสามารถใช้วิธีแบบนี้พาฉันกลับมา ไม่กลัวว่าจะทำให้ฉันมีอาการป่วยอะไรใหม่หรือ”
จ้านเซินไม่สะทกสะท้านต่อการเสียดสีของเธอ “ฉินซี ถ้าหากว่าผมไม่พาคุณกลับมา คุณก็จะฝ่าฝืนกฎระเบียบขององค์กรแล้ว”
ฉินซีขมวดคิ้วเล็กน้อย “ฝ่าฝืนกฎระเบียบหรือ”
สายตาของจ้านเซินลึกล้ำขึ้นมา
“คุณ……คิดจะสารภาพรักกับลู่เซิ่นต่อหน้าฝูงชน คุณลืมไปแล้วหรือ”
เมื่อได้ยินชื่อของลู่เซิ่นกะทันหัน หัวใจของฉินซีก็เหมือนถูกแทงด้วยเข็ม หดตัวลงไปครู่หนึ่ง
ไม่กี่ชั่วโมงมานี้ เธอหลีกเลี่ยงที่จะคิดถึงชื่อของลู่เซิ่น และสามารถไม่คิดถึงเรื่องที่ตัวเองถูกหลอกและหักหลังได้
“ฉินซี กฎระเบียบขององค์กร ตอนที่คุณอายุ 13 ปี ก็เข้าใจแล้ว” จ้านเซินเอ่ยต่อ “พวกเราไม่สามารถมีความรักหรือแต่งงาน ไม่สามารถมีความรู้สึกรักได้ ไม่สามารถแสวงหาการใช้ชีวิตเหมือนคนธรรมดาทั่วไปได้”
ฉินซีหรี่ตาลง “คุณใช้วิธีการแบบนี้พาฉันกลับมา เพียงเพราะว่าฉันจะสารภาพรักกับลู่เซิ่นในงานนิทรรศการภาพวาดหรือ”
สีหน้าจ้านเซินยังคงเยือกเย็น แต่คำพูดกลับไม่ปรานีอะไร “ยิ่งไปกว่านั้น คนที่คุณมอบความจริงใจให้ ก็ไม่ใช่คนดีอะไร ไม่ใช่หรือ”
ปากของฉินซีเหยียดเป็นเส้นตรงในเสี้ยววินาที
จ้านเซินแค่เห็นก็รู้แล้วว่า ในใจของเธอใส่ใจทุกการกระทำของลู่เซิ่นมาก
แต่สิ่งที่เขาพูดกับฉินซี ก็ไม่ได้เป็นความจริงเสียทั้งหมด
การที่เขาพาฉินซีกลับมา ก็เป็นเพราะพบว่าเธอมีใจให้กับลู่เซิ่นจริงๆแล้วเท่านั้น
ภายในระยะหนึ่งปีกว่ามานี้ การเคลื่อนไหวทุกย่างก้าวของฉินซีล้วนอยู่ภายใต้การจับตามองอย่างใกล้ชิดของเขา
ดังนั้นเขาจึงรู้ว่าระหว่างลู่เซิ่นและฉินซีมีความสัมพันธ์ทางกายแนบชิดกันแค่ไหน
จ้านเซินไม่ชำนาญที่จะจัดการความรู้สึกของตัวเอง ดังนั้นเขาจึงยากจะอธิบายได้ว่า ตอนที่รู้ข่าวนี้นั้น ทำไมหัวใจของตัวเองถึงคล้ายกับถูกมีดเฉือนไปครั้งหนึ่ง
เขาไม่ได้คิดว่าตัวเองจะมีความรู้สึกอิจฉาริษยาประเภทนั้น เพียงแต่คิดว่า…….ตัวเองกำลังโกรธที่ฉินซีเพิ่งจะไปจากองค์กร ก็ฝ่าฝืนกฎระเบียบขององค์กรแล้ว
ดังนั้นเขาจึงฝืนบังคับให้ตัวเองสงบลง อ่านรายงานที่เพิ่งส่งมาอย่างละเอียดรอบคอบ
เมื่ออ่านรายงานจบแล้ว อารมณ์ของจ้านเซินก็เย็นลงเล็กน้อย
ฉินซีไม่ได้ฝ่าฝืนกฎระเบียบ
ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับลู่เซิ่นก็เป็นแค่ข้อตกลงอย่างหนึ่ง
คำพูดเหล่านี้ปลอบใจจ้านเซินได้เล็กน้อย
ในใจของเขายังคงมีโทสะที่ไม่รู้สาเหตุอยู่บ้าง แต่เขาก็ตัดสินใจเพิกเฉยใส่พวกมัน
“สอดแนมต่อไป”
เขาเพียงแต่ออกคำสั่งนี้ต่อผู้ใต้บังคับบัญชา
ภายในเวลาหนึ่งปีกว่า เขาได้รับรายงานทางอีเมลแบบนี้ฉบับหนึ่งเกือบทุกวัน
ทุกครั้งที่อ่านอีเมลเสร็จ ความรู้สึกกระวนกระวายใจของเขาที่เกิดขึ้นเพราะฉินซีก็จะลดลงเล็กน้อย
ฉินซีนอนอยู่บนเตียงของผู้ชายคนอื่น เมื่อคิดถึงความจริงในข้อนี้แล้ว เขาก็ถูกม้วนเข้าไปอยู่ในโทสะที่ไม่มีชื่อ เพียงแค่เห็นคำพูด “ระหว่างฉินซีและลู่เซิ่นเป็นเพียงแค่ข้อตกลง” ที่เกือบจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงในทุกวัน ถึงจะสามารถลดทอนความโกรธของเขาลงได้
ผ่านไปแบบนี้ปีกว่า จนถึงเมื่อไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้ จู่ๆรายละเอียดในอีเมลที่เขาได้รับก็เปลี่ยนไป
เขาเห็นตัวอักษรเริ่มต้นไม่กี่ตัวของอีเมลอย่างชัดเจนว่า “ฉินซีแต่งงานกับลู่เซิ่นแล้ว” ก็เกือบจะบุกไปที่รีสอร์ทชิงหยวนเพื่อพาฉินซีกลับมา
ฉินซีจะแต่งงานได้อย่างไรกัน
จะแต่งงานกับลู่เซิ่นได้อย่างไร
ในใจของจ้านเซินมีความคิดมากมาย ทุกความคิดล้วนเร่งให้เขาพาฉินซีกลับมา
เขาไม่สามารถปล่อยให้เรื่องราวทั้งหมดดำเนินต่อไปได้แล้ว