บทที่ 1197 เธอเคยมาที่นี่สองครั้ง
แต่ว่าในตอนนี้ เมื่อคิดว่าถ้าหากถังย่าเป็นบุคคลต้องสงสัย ส่วนเธอก็เกือบจะรู้และเข้าใจเรื่องราวของบริษัทลู่ซื่อ……..
ลู่เซิ่นก็รู้สึกว่าทั้งร่างไม่เป็นธรรมชาติอยู่บ้าง สายตาก็เย็นยะเยือกขึ้นเรื่อยๆ
ถังย่าคล้ายกับสังเกตเห็นถึงสายตาที่เปลี่ยนแปลงไปของลู่เซิ่น
แต่สีหน้าเธอยังคงสงบนิ่ง เพียงแค่ยิ้มบางๆ พร้อมกับเอ่ยถามว่า “เรื่องในคราวนี้……ยุ่งยากมากหรือคะ ดูท่าทางอารมณ์ของประธานลู่จะไม่ค่อยดีเสียเท่าไร”
ลู่เซิ่นกดความคิดเมื่อครู่ของตัวเองลงไป หัวเราะเสียงเบา พลางเอ่ยตอบ “ก็ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอะไร และก็ไม่ได้ต้องการประชาสัมพันธ์เรื่องอะไรในบริษัท เพียงแต่…….มีสองสามเรื่องที่ต้องการถามคุณเท่านั้นเอง”
ถังย่าแสดงท่าทางประหลาดใจเล็กน้อย แต่สีหน้าเช่นนี้กลับทำได้ไม่สำเร็จมากนัก เหมือนกับ……. AI ที่เลียนแบบการพูดจาของมนุษย์ มีร่องรอยการเลียนแบบและแสร้งทำอย่างเห็นได้ชัด “ประธานลู่มีเรื่องที่ต้องถามฉันหรือคะ”
ลู่เซิ่นขี้เกียจจะอ้อมไปอ้อมมากับเธอ จึงเอ่ยอย่างตรงไปตรงมาว่า “ก่อนหน้านี้สองวันฉินซีมาที่บริษัทพวกคุณหลายครั้ง ใช่ไหม”
ถังย่าพยักหน้า “ใช่ค่ะ เธอเคยมาสองครั้ง”
เธอไม่มีความลังเลเลยแม้แต่น้อย นี่อยู่ภายใต้การคาดเดาของลู่เซิ่น ถึงอย่างไร…..เรื่องที่ฉินซีมาที่นี่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ปิดบังได้ง่ายๆ
“เธอมีเรื่องอะไร ถึงจำเป็นต้องมาที่บริษัทบ่อยขนาดนี้” ลู่เซิ่นถาม พร้อมกับมองถังย่าด้วยสายตาที่ใช้ตรวจสอบ
บนใบหน้าของถังย่ายังคงมีรอยยิ้มสุภาพประดับอยู่ “นี่เป็นธุรกิจส่วนตัวของเธอ พวกเราต้องรักษาความลับนี้เอาไว้เพื่อลูกค้า ไม่สะดวกจะเปิดเผยกับคุณค่ะ”
ลู่เซิ่นมุมปากกระตุก ยิ้มเหยียด “ถังย่า คำพูดชี้แจงพวกนี้ไว้โกหกคนอื่นก็ช่างเถอะ แต่พูดกับผมแบบนี้ ไม่มีความหมายนะ ฉินซีเคยบอกกับผมแล้วว่า เธอจะจัดนิทรรศการภาพถ่าย ดังนั้นเธอจึงมาพบคุณ ก็เพื่อเรื่องงานนิทรรศการภาพถ่าย ถูกไหม”
ใบหน้าของถังย่าไม่มีแม้แต่กระทั่งความประหลาดใจ ฟังลู่เซิ่นเอ่ยจบแล้ว ก็พยักหน้าคล้อยตาม “ในเมื่อคุณรู้แล้ว ยังมีคำถามอะไรที่ต้องถามฉันอีกคะ”
ลู่เซิ่นหรี่ตาลง “ผมเพียงแค่ประหลาดใจ การจัดการงานประชาสัมพันธ์ที่ตึงมือของบริษัทคุณนั้นรวดเร็วมาก เรื่องใหญ่ของบริษัทลู่ซื่อเรื่องหนึ่ง ประชุมครั้งเดียวก็สามารถแก้ไขได้แล้ว กระทั่งบางครั้งก็ไม่จำเป็นต้องพบหน้าคุณ ทำไมภรรยาของผมที่จัดงานนิทรรศการภาพถ่ายงานหนึ่ง จะต้องมาพบคุณที่บริษัทติดกันสองครั้งกัน”
เมื่อถูกลู่เซิ่นซักถามแบบนี้ รอยยิ้มบางๆที่ประดับอยู่บนใบหน้าถังย่าก็ยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย “เมื่อเทียบกับเรื่องการประชาสัมพันธ์ที่ตึงมือพวกนั้นแล้ว ถึงอย่างไรพวกเราก็ไม่มีประสบการณ์ทางด้านนิทรรศการภาพ ภรรยาของคุณมีความคิดค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์ ไม่เหมือนใคร การที่พวกเราพบหน้าพูดคุยกันโดยตรงหลายครั้ง จะได้ผลลัพธ์ที่ค่อนข้างจะดีกว่าค่ะ”
ลู่เซิ่นเลิกคิ้ว ถามกลับ “ความคิดที่เป็นเอกลักษณ์ ไม่เหมือนใครหรือ”
ถังย่ายิ้ม “ประธานลู่คะ คุณก็อย่าทำให้ฉันลำบากใจเลยค่ะ แม้ว่าลูกค้าในครั้งนี้จะเป็นภรรยาของคุณ แต่ถึงแม้ว่าจะเป็นคุณ พวกเราก็ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดที่เป็นรูปธรรมกับคุณได้”
ลู่เซิ่นไม่ได้เซ้าซี้ถามรายละเอียดในส่วนนั้นต่อไป เขาเอนตัวไปด้านหลัง เชิดคางขึ้นเล็กน้อย “ได้ พวกคุณรักษาความลับเอาไว้ ไม่พูด ผมก็ไม่ก้าวก่าย”
ถังย่ารีบเอ่ยพูดทันที “ขอบคุณที่ประธานลู่เข้าใจการทำงานของพวกเราค่ะ”
แต่เธอยังไม่ทันเอ่ยจบก็ถูกลู่เซิ่นตัดบทเสียก่อน
“แต่ว่า คุณจะต้องมีหลักฐานที่สามารถมายืนยันได้ว่า ภรรยาของผมมาที่นี่ ก็เพื่อพูดคุยเรื่องนิทรรศการภาพถ่ายนะ”
คิ้วของถังย่าขมวดเล็กน้อยด้วยความเร็วที่ไม่อาจมองเห็นได้ แต่ในไม่ช้าก็กลับสู่ใบหน้าที่มีรอยยิ้มสุภาพเรียบร้อยเช่นเคย “ประธานลู่ คุณหมายความว่าอย่างไรกันแน่คะ”
ลู่เซิ่นยักไหล่ “ผมจะไม่อ้อมค้อมกับคุณแล้ว ผมจะบอกกับคุณอย่างตรงไปตรงมาเลยแล้วกันว่า ภรรยาของผมหายตัวไป ก่อนเธอหายตัวไป สถานที่ที่มาบ่อยที่สุดก็คือบริษัทคุณ ดังนั้นผมต้องการรู้ว่า เธอมาทำอะไรที่บริษัทคุณ”
จู่ๆเขาก็สารภาพความจริงทั้งหมดออกมาโดยไม่เก็บเอาไว้ ก็เพื่อรับมือกับถังย่าเป็นครั้งสุดท้าย ดังนั้นเขาจึงพูดไป พร้อมกับจ้องมองถังย่าเขม็งไปด้วย อยากจะมองให้ชัดเจนถึงความรู้สึกที่เปลี่ยนแปลงไปบนใบหน้าเธอทุกนาที
ถังย่าคล้ายกับประหลาดใจต่อการสารภาพของเขาเล็กน้อย ในที่สุดรอยยิ้มบนใบหน้าก็จางลงเล็กน้อย เธอค่อยๆเอ่ยซ้ำอีกรอบว่า “ภรรยาของคุณหายตัวไปแล้วหรือคะ”
ความประหลาดใจของถังย่าเพียงแค่พาดผ่านไป ความสงบนิ่งกลับมาสู่ใบหน้าของเธออย่างรวดเร็ว “ประธานลู่ คุณไม่สามารถคิดว่าเรื่องนี้เกี่ยวของกับบริษัทของพวกเรา เพียงเพราะว่าภรรยาของคุณมาที่บริษัทของฉันก่อนหน้านี้สองครั้งหรอกนะคะ”
ลู่เซิ่นยักไหล่ “ผมไม่ได้สงสัยพวกคุณ ผมเพียงแค่ต้องการตรวจสอบเท่านั้น ฉินซีไม่สามารถจากไปโดยไม่มีสาเหตุ ดังนั้นผู้คนที่เธอมีปฏิสัมพันธ์ด้วยทั้งหมดก่อนจากไป ผมล้วนตรวจสอบอย่างจริงจัง ไม่ใช่เพียงแค่พวกคุณเท่านั้น”
ถังย่าพยักหน้า “ถ้าหากว่าเป็นแบบนี้ ฉันก็สามารถเข้าใจได้ค่ะ”
ท่าทีของเธอดูคล้ายกับผ่อนคลายขึ้นมาเล็กน้อย ลู่เซิ่นเคาะโต๊ะเบาๆ “ถังย่า ผมบอกความจริงกับคุณหมดแล้ว อย่างนั้นคุณก็ควรจะแสดงความจริงใจให้ผมเห็นสักหน่อยใช่หรือไม่ เพียงแค่หลักฐานหนึ่งที่แสดงว่าฉินซีมาที่บริษัทคุณ เพื่อปรึกษาหารือเรื่องนิทรรศการภาพถ่ายเท่านั้น ขอเพียงแค่เธอไม่ได้มาเพราะเรื่องอื่น ก็ไม่น่าจะมีอะไรที่ยากจะแสดงสินะ”
ถังย่าเงียบไปไม่กี่วินาที และยิ้ม “ในเมื่อประธานลู่พูดแบบนี้แล้ว แน่นอนว่าฉันก็ไม่สะดวกที่จะปิดบังต่อไป คุณรออยู่ที่นี่สักครู่นะคะ ฉันจะไปนำมาค่ะ”
ลู่เซิ่นพยักหน้า
ถังย่าผลักประตูออกไปแล้ว ภายในห้องประชุมเหลือแค่ลู่เซิ่นและหลินหยังสองคน
“เรียบร้อยหรือยัง” ลู่เซิ่นเอ่ยขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
หลินหยังเหมือนกับเข้าใจว่าเขาถามอะไร ตอบในทันทีว่า “เรียบร้อยแล้วครับ”
ลู่เซิ่นพยักหน้า ไม่ได้พูดอะไรอีก
ถังย่ากลับมาอย่างรวดเร็ว
ในมือของเธอมีเอกสารบางๆอยู่ฉบับหนึ่ง เดินมาถึงข้างกายลู่เซิ่น ส่งมันให้กับเขา “นี่คือแผนงานนิทรรศการภาพถ่ายที่ภรรยาของคุณปรึกษากับพวกเราก่อนจะจากไป”
เดิมลู่เซิ่นไม่ได้มาเพื่อสัญญาฉบับนี้ แต่เมื่อเห็นสิ่งของของฉินซีแล้ว สุดท้ายก็อดไม่ได้ที่จะพลิกอ่านอยู่หลายนาที
สามารถมองออกได้ว่าแบบร่างแผนงานฉบับนี้ มีเรื่องราวมากมายที่ถูกจัดการอย่างค่อนข้างง่าย
แต่ว่า……ในทุกรายละเอียด สามารถยืนยันได้ว่า แผนงานฉบับนี้มีตัวฉินซีเข้าร่วมด้วย
เพราะรายละเอียดหลายส่วนเหมือนกันกับที่ฉินซีเคยบอกลู่เซิ่นก่อนหน้านี้
ลู่เซิ่นพลิกแบบร่างแผนงานฉบับนี้จนจบโดยที่สีหน้าไม่เปลี่ยน และวางลงบนโต๊ะ เงยหน้ามองไปที่ถังย่า “ดูท่า……การที่ภรรยาผมมาที่นี่ ก็มาเพราะเรื่องงานนิทรรศการภาพถ่ายจริงๆ”
ถังย่าพยักหน้า “เธอตั้งใจกับนิทรรศการภาพถ่ายครั้งนี้มาก ดังนั้นฉันถึงได้ให้เธอมา พูดคุยรายละเอียดกันต่อหน้า คิดไม่ถึงเลยว่าเวลาจะประจวบเหมาะอะไรเช่นนี้ จนทำให้คุณเข้าใจผิดไป”
ลู่เซิ่นก็ทอดถอนใจหนึ่งประโยค “ใช่แล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าจะบังเอิญเช่นนี้ เพียงแต่ว่า….คุณคิดว่า ในเมื่อเธอตั้งใจกับนิทรรศการภาพถ่ายในครั้งนี้มากขนาดนี้แล้ว ทำไมถึงได้จากไปอย่างกะทันหันในตอนที่ยังไม่สำเร็จกันล่ะ”
เขาถามอย่างไม่ใส่ใจเท่าไร แต่สายตากลับจ้องมองถังย่าเขม็ง