บทที่ 1199 ความสงสัยที่มากยิ่งขึ้น
รอจนลู่เซิ่นจัดการเอกสารกองนี้หมดแล้ว หลินหยังผลักประตูเดินเข้ามาเหมือนรู้เวลา
“ประธานลู่” สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความจริงจัง “ฝ่ายเทคโนโลยีเชิญให้คุณไปสักรอบครับ มีบางเรื่องจำเป็นต้องพูดกับคุณด้วยตัวเอง”
ลู่เซิ่นเห็นสีหน้าของเขาแล้ว ก็รู้ว่าฝ่ายเทคโนโลยีพบบางสิ่งเข้าแล้ว จึงไม่รีรออีก ลุกขึ้นยืน “ไปเถอะ”
ก่อนหน้านี้ลู่เซิ่นมาเยือนที่ฝ่ายเทคโนโลยีด้วยตัวเองน้อยมาก ส่วนใหญ่ได้รับรายงานแล้วก็จบเรื่อง ครั้งนี้คาดว่าเรื่องราวซับซ้อนอยู่บ้าง ทั้งยังพัวพันกับฉินซี ดังนั้นผู้รับผิดชอบฝ่ายจึงได้เชิญให้เขาไปหา
ตอนที่เขาเดินไปถึง ผู้รับผิดชอบก็รออยู่ที่หน้าประตูแล้ว
“ประธานลู่” เขาไม่ได้มีพิธีรีตองมากมาย นำคนเข้าไปในห้องทำงานตัวเองทันที เชิญให้เขานั่งบนโซฟา และวางคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งไว้ด้านหน้าเขา “กล้องวงจรปิดมีปัญหาอยู่สองสามจุดครับ ผมกลัวว่าคุณจะรอรายงานไม่ไหว จึงเอ่ยพูดแบบนี้เลย”
ลู่เซิ่นไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่พยักหน้า
“ก่อนอื่น ผมต้องบอกคุณว่า รายละเอียดภายในวิดีโอ ทั้งหมดล้วนถูกสับเปลี่ยนแทนที่มาแล้ว” ประโยคแรกของผู้รับผิดชอบก็ทำให้คิ้วของลู่เซิ่นขมวดแล้ว
“ทั้งหมดหรือ” เขาเอ่ยทวนอีกรอบ
ผู้รับผิดชอบชะงักไป เอ่ยเสริมว่า “นอกจากกล้องวงจรปิดตัวนี้ที่อยู่ในมุมด้านนอกสุดครับ”
ผู้รับผิดชอบเอ่ย ก็คือกล้องวงจรปิดตัวที่ลู่เซิ่นและหลินหยังพบตอนที่อยู่ด้านนอกบริษัทของถังย่า
สาเหตุที่กล้องวงจรปิดตัวนี้ไม่ได้ถูกสับเปลี่ยนรายละเอียด…..ลู่เซิ่นก็พอจะเข้าใจได้ เพราะตำแหน่งที่ติดตั้งกล้องวงจรปิดยอดเยี่ยมจริงๆ
ภายนอกอาคารสวนเหวินช่วงล้วนดูเก่าแก่เล็กน้อย กำแพงด้านนอกของหลายอาคารล้วนเต็มไปด้วยต้นบอสตันไอวี่ ต้นบอสตันไอวี่เหล่านี้เจริญงอกงามดีมาก ซ้อนทับกันเป็นชั้นๆ ทำให้คนมองไม่ออกถึงสภาพเดิมของกำแพง
ส่วนกล้องวงจรปิดตัวนี้ ก็ถูกซ่อนอยู่ท่ามกลางแมกไม้เหล่านี้พอดี
เขาไม่รู้ว่าทำไมบริษัทที่อยู่ด้านข้างถึงได้ติดตั้งกล้องวงจรปิดตัวนี้เอาไว้ที่นี่แบบนี้ เพราะภาพภายในกล้องวงจรปิดสามารถจินตนาการออกมาได้ว่า ช่วงเวลาส่วนใหญ่น่าจะถูกใบไม้บดบังเอาไว้อย่างมิดชิด
ผู้รับผิดชอบเห็นสีหน้าเข้าใจชัดเจนที่เขาเผยออกมาแล้ว ก็ไม่ได้อธิบายต่อไป แต่เปลี่ยนไปเอ่ยว่า “ก่อนอื่นเมื่อวานหรือเมื่อวานซืน กล้องวงจรปิดในบริษัทแห่งนี้ไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่จุดที่แปลกมากก็คือ ช่วงเวลาที่คุณผู้หญิงเข้าไปในบริษัท กล้องวงจรปิดทั้งหมดล้วนถูกปิดลง”
คิ้วลู่เซิ่นขมวดเป็นปมแน่นยิ่งกว่าเดิม “ปิดลงหรือ”
ผู้รับผิดชอบพยักหน้า “จากบันทึกในภายหลังสามารถเห็นได้ว่า ไม่ใช่หยุดจ่ายไฟหรือเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันอะไร แต่เป็นการที่พนักงานจงใจปิดการทำงาน”
มุมปากของลู่เซิ่นเหยียดตึงเป็นเส้นตรง
ตอนที่ฉินซีเข้าไป…..มีปัญหาอะไรหรือ
ทำไมต้องปิดการทำงานของกล้องวงจรปิดทั้งบริษัทกัน
เป็นปัญหาของฉินซี หรือว่า……คนที่อยู่ด้วยกันกับฉินซีมีปัญหาอะไร
ผู้รับผิดชอบเห็นสีหน้าของเขาไม่น่าดู ก็ค่อยๆหยุดพูด ลู่เซิ่นกลับเชิดคางขึ้น เป็นสัญญาณให้เขาพูดต่อ
ผู้รับผิดชอบถึงได้เอ่ยพูดใหม่
“กล้องวงจรปิดด้านนอกบริษัทในเวลานั้น ก็ถูกสับเปลี่ยนภาพเช่นกัน” เขาพูดไป พร้อมกับคลิกเมาส์ของคอมพิวเตอร์เครื่องที่อยู่ด้านหน้าลู่เซิ่นไป เพื่อฉายวิดีโอที่อยู่บนหน้าจอ
บนหน้าจอคือภาพหลายบริษัทที่อยู่ด้านข้างบริษัทถังย่า ล้วนเป็นกล้องวงจรปิดที่สามารถมองเห็นบริษัทถังย่าได้
คนในสวนเหวินช่วงมีไม่มาก ดังนั้นเมื่อดูภาพแล้วก็แทบจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
“ตอนนี้ยังมองไม่ออกว่ามีอะไรไม่เหมือนกัน” ผู้รับผิดชอบอ้าปากอธิบาย “แต่หลังจากกดเร่งความเร็วแล้ว…….”
เขาควบคุมการทำงานไป พร้อมกับพูดไปพลาง “คุณสังเกตสักหน่อยว่าในจุดที่ไกลตรงนั้นมีคนคนหนึ่งใช่หรือไม่ เดินบนถนนเส้นนี้สองรอบหรือ”
ลู่เซิ่นมองตามสถานที่ที่เขาชี้ไป เป็นคนที่มีท่าทางเหมือนพนักงานทำความสะอาดคนหนึ่งกำลังลากถังขยะเดินไปอีกทิศทางหนึ่ง
“ผมจะฉายภาพกล้องวงจรปิดทั้งสองช่วงเวลานี้พร้อมกัน คุณก็จะสามารถพบได้แล้ว” ผู้รับผิดชอบคว้าคอมพิวเตอร์มากดสองสามครั้ง หน้าจอก็แบ่งออกเป็นสองส่วน ปรากฏภาพขึ้นมาสองภาพ
ภาพเหมือนกัน แต่เวลากลับไม่เหมือนกันอย่างเห็นได้ชัด
ลู่เซิ่นพยักหน้า เป็นสัญญาณว่าตัวเองเข้าใจแล้ว
ผู้รับผิดชอบเอ่ยต่อว่า “ภาพอื่นๆก็มีสถานการณ์พอๆกับภาพนี้ ผมคงไม่ให้คุณดูแล้ว”
ในสมองของลู่เซิ่นมีความสงสัยยิ่งขึ้นไปอีก
ก่อนอื่น กล้องวงจรปิดมากมายขนาดนี้ การแทรกแซงและแก้ไขไม่ใช่เรื่องง่ายเรื่องหนึ่ง แม้ว่าจะเป็นเขาก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าสามารถทำได้สำเร็จ ใครกันที่มีความสามารถยอดเยี่ยมขนาดนี้ ทำจนถึงแบบนี้ได้
รองลงมา ไม่ว่าจะเป็นใคร ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย
ที่จริงแล้วการปรับเปลี่ยนข้อมูลในกล้องวงจรปิดเป็นเรื่องที่มองไม่ออกถึงวัตถุประสงค์ ถึงแม้ว่าจะเป็นถังย่า สำหรับการมาบริษัทพีอาร์ของฉินซีก็ไม่มีอะไรที่จะต้องปฏิเสธ เพราะไม่ว่าจะคนขับรถหรือพ่อบ้าน ล้วนสามารถยืนยันในจุดนี้ได้
ถ้าอย่างนั้น กล้องวงจรปิดที่ลบภาพการมาของฉินซี จะมีความหมายอะไรกัน
ความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวที่ลู่เซิ่นคิดได้ก็คือ ภายในภาพนั้น นอกจากฉินซีแล้ว ยังมีคนที่ไม่สามารถให้ผู้อื่นเห็นว่าอยู่ด้วยได้
เขาแทบจะคิดถึงคนที่บุกเขาไปในรีสอร์ทชิงหยวนคนนั้นในทันที
หรือจะบอกว่า คนที่บุกเข้ามาในรีสอร์ทชิงหยวนคนนั้น จะยืนต้อนรับฉินซีอยู่ที่หน้าประตูอย่างใจกว้าง และพาเธอเข้าไปด้วยหรือ
เมื่อลู่เซิ่นคิดถึงความเป็นไปได้นี้แล้ว ก็รู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างมาก
ผู้รับผิดชอบเห็นสีหน้าของลู่เซิ่นเย็นชาขึ้นเรื่อยๆ ความเร็วในการพูดก็เพิ่มขึ้นไม่น้อย “แต่ว่าพวกเราโชคดีที่ยังพบอะไรเล็กน้อย! นั่นก็คือพวกเราพบบางสิ่งภายในกล้องวงจรปิดที่ไม่ได้ถูกสับเปลี่ยนภาพครับ”
ลู่เซิ่นสงสัยเล็กน้อย
กล้องวงจรปิดที่ถูกบดบังอย่างมิดชิดจะสามารถถ่ายอะไรได้กัน
ผู้รับผิดชอบคล้ายกับว่าสามารถมองเห็นความสงสัยบนใบหน้าของเขา จึงยิ้มเรียบๆ “คาดว่าคนที่ปรับเปลี่ยนภาพในกล้องวงจรปิดเหล่านี้ ก็คิดว่ากล้องวงจรปิดตัวนี้ถ่ายอะไรไม่ได้ ถึงไม่ได้ตรวจสอบละเอียด แต่ว่า…….คุณดูตรงนี้สิครับ”
เขาเปิดวิดีโออีกคลิปหนึ่งขึ้นมา และกดปุ่มเล่น
คราวนี้ไม่ได้กดเร่ง แต่เป็นการกดให้เล่นช้าลง
ภาพทั้งหมดหนึ่งนาที ด้านหน้าสิบกว่าวินาทีนั้น ภาพทั้งหมดล้วนเป็นสีเขียวมืดสลัว เพียงแค่สว่างขึ้นเล็กน้อยในบางโอกาส และก็มืดสลัวลงในบางครั้ง มองเห็นได้ว่าน่าจะถูกใบไม้บดบังไป
จนถึงช่วงวินาทีที่ 36 ภาพก็สว่างขึ้นมาอย่างฉับพลัน เหมือนกับผ้าที่บังอยู่ด้านหน้าถูกดึงออกไป
ผู้รับผิดชอบตาไวมือเร็วกดหยุดเอาไว้
“หนึ่งวินาทีนี้อาจจะมีลมพอดี จึงพัดให้ใบไม้ทั้งหมดเปิดออก เผยให้เห็นกล้องวงจรปิดที่สามารถถ่ายภาพที่สมบูรณ์เอาไว้ได้
ร่างกายของลู่เซิ่นเอนไปด้านหน้า พิจารณาภาพเบื้องหน้าอย่างละเอียด
ที่จริงแล้วตำแหน่งของกล้องวงจรปิดตัวนี้ยอดเยี่ยมมาก ถ้าหากไม่ถูกใบไม้บดบัง ก็สามารถถ่ายภาพประตูใหญ่ของบริษัทถังย่าได้พอดี
ดังนั้นภาพที่เหลือเอาไว้ในหนึ่งวินาทีนี้ มุมยอดเยี่ยมมาก
รถที่ลู่เซิ่นคุ้นเคย คนขับรถของตระกูลลู่ยืนเอามือพาดหลังอยู่อีกด้าน ฉินซียืนอยู่ไม่ไกลจากท้ายรถ ในภาพคือใบหน้าด้านข้างของเธอ
สายตาของลู่เซิ่นเหมือนถูกติดอยู่บนใบหน้าของฉินซี
เมื่อตั้งใจนับดู เขา…..ก็ไม่ได้พบกับฉินซีนานมากแล้ว
แต่ตอนที่ได้เห็นจริงๆแล้ว ถึงได้รู้สึกว่า ที่แท้ตัวเอง…..ก็คิดถึงเธอมากขนาดนั้น