บทที่ 1200 คนรักที่ไร้วาสนาเคียงคู่
ยังคงเป็นผู้รับผิดชอบที่กระแอมไอเบาๆครั้งหนึ่ง ถึงได้เบนความสนใจของลู่เซิ่นไปได้
คนที่ยืนอยู่ด้านหน้าฉินซี มีอยู่สองคน
คนที่อยู่ใกล้หน่อย……คือถังย่า
คนที่อยู่ไกลหน่อย……คิ้วของลู่เซิ่นขมวดเล็กน้อย
คนที่ยืนอยู่ด้านหลังถังย่า ควรจะมีตำแหน่งต่ำกว่าถังย่าถึงจะถูก
เขาไม่รู้ว่าคนคนนี้เป็นใคร แต่แค่ภาพนี้ภาพเดียว เมื่อมองดูแล้ว เขาก็ไม่เหมือนกับพนักงานทั่วไปคนหนึ่ง
อย่างน้อย……ก็ไม่เหมือนกับผู้ใต้บังคับบัญชาของถังย่า
ที่จริงแล้วภาพกล้องวงจรปิดไม่ถือว่าชัดนัก ดังนั้นภาพใบหน้าคนที่ถ่ายได้จึงไม่ชัดเจน เขาเพียงแค่สามารถแยกแยะรูปร่างหน้าตาของคนคนนี้ได้อย่างเลือนราง คล้ายกับว่ามุทะลุและดุดันอยู่บ้าง
เหมือนกับผู้นำขององค์กรอะไร แต่ไม่ใช่พนักงานของบริษัทพีอาร์
บริษัทพีอาร์ไม่ต้องการอันธพาล
ผู้รับผิดชอบเอ่ยพูดได้ประจวบเหมาะพอดี
“ในเมื่อฝ่ายตรงข้ามทุ่มเทลบวิดีโอทั้งหมดทิ้งไป อย่างนั้นก็น่าจะไม่ต้องการให้คนเห็นเหตุการณ์ตอนที่คุณผู้หญิงไปถึง ดังนั้นพวกเราจึงดำเนินการตรวจสอบคนทั้งหมดที่อยู่ในนี้ รวมถึงตัวคุณผู้หญิงด้วย”
เขาพูดถึงตรงนี้แล้ว น้ำเสียงก็แฝงไปด้วยความระมัดระวังเล็กน้อย เหมือนกับกลัวว่าจะถูกลู่เซิ่นตำหนิ
แต่ลู่เซิ่นโบกมือ ไม่ถือสาเอาความ
ผู้รับผิดชอบถึงได้โล่งใจ เอ่ยต่อว่า “พวกเราใช้ AI ในการจัดการความคมชัดของภาพ จากนั้น ก็ดำเนินการแยกแยะใบหน้าคน ถัดมาก็พบปัญหา”
เขาพูด พร้อมกับชี้นิ้วไปยังชายหนุ่มที่รูปร่างสูงมากคนนั้น “คนคนนี้ ไม่มีรายชื่อพนักงานอยู่ในบริษัทถังย่า”
คิ้วของลู่เซิ่นขมวดอีกครั้ง แต่ประโยคถัดไปของผู้รับผิดชอบ กลับทำให้เขาเหลือบตาขึ้นมองอย่างรวดเร็ว
“กระทั่ง ในฐานข้อมูลทะเบียนประชากร ก็ไม่มีข้อมูลของเขา”
การค้นหาฐานข้อมูลทะเบียนประชากรของตระกูลลู่นั้นเป็นของทางการ นั่นก็หมายความว่า เมื่อตรวจสอบสำมะโนครัวของคนปกติทุกคนแล้ว ยังตรวจสอบไม่พบ
การที่ตรวจสอบไม่พบนั้น มีเพียงสองประเภท
ประเภทแรกคือ “คนเถื่อน” ทั้งหมดที่ไม่ได้ลงทะเบียนสำมะโนครัว คนส่วนใหญ่เหล่านี้ล้วนเป็นเยาวชน พวกเขาส่วนใหญ่ล้วนเกิดในแหล่งเสื่อมโทรม หรือไม่ก็ถูกบิดามารดาทอดทิ้งเมื่อเกิดมา ตัวเองไม่มีความสามารถมากพอ ดังนั้นจึงไม่สามารถลงทะเบียนได้ คนที่อยู่เบื้องหน้าคนนี้ เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่
ส่วนอีกประเภทหนึ่ง……คือทหารรับจ้างที่กระจายตัวอยู่ตามองค์กรต่างๆ
แน่นอนว่าลู่เซิ่นรู้ บนโลกใบนี้ดูแล้วไม่ได้สดใสขนาดนั้นอย่างเด็ดขาด สิ่งที่เปิดเผยออกมาก็เป็นเพียงแค่ยอดของภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น ส่วนที่จมอยู่ภายใต้ทะเลนั้น ยังมีเรื่องอีกมากมายที่คนทั่วไปไม่รู้ ตระกูลและองค์กรที่มีทรัพย์สมบัติและอำนาจที่น่าตกตะลึง
ตระกูลเหล่านี้ส่วนใหญ่เรียกตัวเองว่า “ชนชั้นสูง” ไม่ยอมข้องเกี่ยวกับเรื่องยุ่งยากง่ายๆ แต่ “องค์กร” เหล่านั้น กลับทำเรื่องเสี่ยงเพราะเข้าตาจน เพื่อสะสมความมั่งคั่งให้มากกว่าเดิม ในเวลาเดียวกันก็รับสมัครนักฆ่ามากมาย รวมไปถึงทหารที่เกษียณแล้ว หรือไม่ก็ฝึกฝนด้วยตัวเอง
“องค์กรหยินเฟิง” ของหลินยี่ก็เป็นหนึ่งในนั้น ดังนั้นสำหรับลู่เซิ่นแล้ว จึงรู้เรื่องขององค์กรชัดเจนยิ่งกว่าผู้อื่น
หลายครั้งที่ภารกิจขององค์กรต้องตะลอนไปในเขตพื้นที่สีเทา ดังนั้นคนที่เข้าไปในองค์กรเหล่านี้ ไม่มีสถานะจะค่อนข้างปลอดภัย ถ้าหากว่าภารกิจล้มเหลว ก็จะไม่ถูกตามพัวพันไปถึงองค์กร
ดังนั้น เมื่อเข้าไปในองค์กร กลายเป็นนักฆ่าคนหนึ่งแล้ว ก็จะถูกลบลักษณะเฉพาะทั้งหมดไป จึงไม่มีร่องรอยการคงอยู่ใดๆภายในฐานข้อมูลเป็นธรรมดา
และชายหนุ่มที่อยู่ในภาพคนนี้……รูปร่างสูงใหญ่ บรรยากาศรอบตัวดูแล้วมุทะลุและโหดเหี้ยมมาก เกือบจะเต็มไปด้วยลักษณะเฉพาะทั้งหมดของการเป็นนักฆ่าในองค์กร
เมื่อคิดถึงตรงนี้แล้ว ลู่เซิ่นก็รู้สึกได้ว่าขนอ่อนบนร่างกายตัวเองลุกชันขึ้นมาทั้งหมด
ฉินซี…….พบกับนักฆ่าคนหนึ่งหรือ
ผู้รับผิดชอบไม่รู้แน่ชัดเกี่ยวกับองค์กรอะไรพวกนี้เท่าไร ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าลู่เซิ่นคิดอะไรอยู่ เมื่อได้ยินข้อมูลนี้ก็สีหน้าเปลี่ยนไปในทันที น้ำเสียงจึงระมัดระวังขึ้นเรื่อยๆ “ประธานลู่ คุณ…….”
“คุณพูดต่อไป” น้ำเสียงของลู่เซิ่นเหมือนกับแท่งน้ำแข็ง ทำให้ผู้รับผิดชอบอดไม่ได้ที่จะย่นคอ
“ส่วนใหญ่แล้ว สิ่งที่พวกเราพบก็คือสิ่งนี้ ภาพกล้องวงจรปิดที่เหลือ ผมจะให้คนไปตรวจสอบอีกรอบหนึ่ง แต่น่าจะไม่สามารถหาเบาะแสที่มีประโยชน์อะไรได้แล้ว อีกครู่หนึ่งผมจะเขียนทั้งหมดเป็นรายงานตัวอักษรส่งให้กับผู้ช่วยหลิน ผู้ชายที่อยู่ในภาพนี้ พวกเราจะตรวจสอบต่อไปครับ”
ลู่เซิ่นพยักหน้า เอ่ยสั่งขึ้นมากะทันหันว่า “ไปตรวจสอบถังย่าอีกรอบหนึ่ง”
ผู้รับผิดชอบชะงักไปเล็กน้อย และรู้สึกตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว พยักหน้ารับคำ “ครับ”
ฉินซีพบกับชายหนุ่มคนนั้นที่บริษัทพีอาร์ของถังย่า ดังนั้นผู้ชายน่าสงสัยคนนี้จะต้องมีความเกี่ยวข้องกับถังย่าอย่างแน่นอน”
ผู้รับผิดชอบรายงานเสร็จแล้ว ลู่เซิ่นก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องอยู่ต่อไปอีก
เขากลับไปที่ห้องทำงานของตัวเอง จัดการเอกสารชั่วครู่ หลินหยังก็ผลักประตูเข้ามา
“ฝ่ายเทคโนโลยีส่งข้อมูลมาแล้วครับ ผมส่งไปที่กล่องอีเมลของคุณแล้ว”
ลู่เซิ่นพยักหน้า เปิดอีเมลฉบับนั้นในทันที
เขาไม่ได้อ่านเนื้อหาของตัวอักษรให้ละเอียดอีกรอบ แต่กลับกดเข้าไปดูรูปภาพที่แนบมาด้วยรูปนั้น
ภาพที่ผู้รับผิดชอบส่งมานั้นผ่านการจัดการของAI แล้ว เพิ่มความคมชัดในกับภาพของกล้องวงจรปิดเป็นอย่างมาก อย่างน้อยใบหน้าของคนที่อยู่ภาพทั้งหมดล้วนสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ไม่ได้เลือนรางอีกแล้ว
ลู่เซิ่นควบคุมตัวเองไม่ให้มองไปที่ฉินซี แต่จ้องมองใบหน้าของชายคนนั้น สังเกตดูอย่างจริงจัง
ผ่านการจัดการความคมชัดแล้ว ลักษณะเฉพาะบนใบหน้าของชายคนนั้นก็เปิดเผยออกมา มุมของเขาประจันหน้าเข้ากับกล้องวงจรปิดตัวนั้นพอดี ดังนั้นจึงแทบจะเปิดเผยใบหน้าตรงๆทั้งหมด
โครงร่างใบหน้าแข็งแกร่งมาก ผิวค่อนข้างดำ ดูแล้วไม่เหมือนกับคนที่ใช้ชีวิตอยู่ในห้องทำงานทุกวัน
แต่สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของลู่เซิ่น กลับไม่ใช่สีผิวของเขา แต่เป็นสายตาของเขา
ผู้ชายคนนั้น……..จ้องเขม็งไปที่ฉินซี
เกือบจะเป็นสัญชาตญาณ ลู่เซิ่นขมวดคิ้วเป็นปมในทันที
สายตาที่ผู้ชายคนนี้มองไปที่ฉินซี……..เหมือนกับว่ากำลังมองเหยื่อ
หรือไม่ใช่เหยื่อ แต่เป็นคนรักที่ไร้วาสนา ไม่อาจครองคู่กันได้
ลู่เซิ่นไม่รู้สึกว่าตัวเองดูผิดไป ถึงอย่างไรตัวเขาเอง…….ก็เคยใช้สายตาที่ร้อนแรงเช่นนี้มองไปที่ฉินซีมาก่อน
สัญญาณเตือนในใจของลู่เซิ่นดังขึ้น
เมื่อเชื่อมโยงเรื่องทั้งหมดนี้เข้าด้วยกัน เรื่องนี้ก็กลายเป็นเรื่องอันตรายขึ้นมาในทันที
ถังย่าพานักฆ่าคนหนึ่งมาพบกับฉินซี วันถัดไปรีสอร์ทชิงหยวนก็ถูกผู้บุกรุกบุกเข้ามา ฉินซีก็หายตัวไป
เมื่อดูแบบนี้แล้ว นักฆ่าคนนี้……ก็เป็นคนน่าสงสัยมากที่สุด
แต่ลู่เซิ่นก็รู้ว่า ถ้าจะหานักฆ่าคนนี้จริงๆ ก็เกือบจะไม่ต่างอะไรจากการงมเข็มในมหาสมุทรเลย
เพราะในเมื่อเขามีความสามารถที่เกือบจะลบการคงอยู่ของตัวเองในกล้องวงจรปิดทั้งหมดได้ และก็เป็นบุคคลที่ไม่มีสถานะ ดังนั้นจะต้องใช้สถานะปลอมๆมายืนยันแน่นอน
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ใช้วิธีการหาคนธรรมดาคนหนึ่งในการค้นหาเขานั้น แทบจะไม่มีความเป็นไปได้เลย
แต่ว่า……..ถ้าหากไม่มีวิธีที่จะเข้าทางตัวเขา ลู่เซิ่นก็ไม่ได้คิดว่าไม่มีวิธีอื่นอีก
ถึงอย่างไรก็ยังเหลือถังย่าอีกคนหนึ่ง