บทที่ 1207 กระทบกระเทือนอย่างรุนแรง
“เมื่ออายุได้เพียงยี่สิบต้นๆ จากหญิงสาวตัวเล็กๆ ก็กลายเป็นสาวสะพรั่ง หลังจากที่เธอเข้ามาทำงานในองค์กรสิ่งต่างๆมากมายก็เกิดขึ้น อย่างแรก ผู้อาวุโสที่สำคัญของเธอที่รู้จักกันภายในองค์กรได้จากโลกไป” ถังย่าพูดให้การตายของฟางฟางเป็นเรื่องเล็กน้อย เหมือนจะเป็นเพียงแค่อุบัติเหตุสำหรับเธอ “แถมยังมีเรื่องภายในบ้านอีก พ่อแม่ของเธอหย่ากัน พ่อเธอไม่เพียงเอาชู้เข้าบ้าน และยังเอาหนี้สินทั้งหมดโยนไปให้แม่ของเธอใช้อีก จนแม่ของเธอทนไม่ไหว ต้องเลือกจบชีวิตตัวเองด้วยการกระโดดตึกตาย” แม้ว่าถังย่าจะเล่าเรื่องน่าเศร้าแบบนี้ แต่น้ำเสียงของเธอก็สงบมากราวกับว่าสิ่งที่กำลังพูดถึงไม่ใช่ชีวิตมนุษย์ แต่เป็นแค่สิ่งไม่สำคัญที่ถูกโยนทิ้งไป
“เพราะเรื่องนี้มันหนักหนาเกินไป จนเธอเกือบจะกระโดดตึก” น้ำเสียงถังย่าดูเปลี่ยนไป แต่ฟังดูตำหนิมากกว่าสงสาร
“องค์กรทนไม่ได้ที่จะให้เธอรู้สึกหดหู่แบบนั้น จึงขอให้หมอปิดกั้นความทรงจำที่เจ็บปวดเหล่านั้นของเธอไว้ชั่วขณะ รอให้เธอดีขึ้นกว่านี้แล้วค่อยเรียกกลับมา” ถังย่าพูดต่อ “แต่ไม่คิด ว่าเธอยังไม่ล้มเลิกความตั้งใจที่จะฆ่าตัวตาย เธอวิ่งไปที่ทะเลสาบที่แม่ของเธอชอบไป เพื่อที่จะกระโดดลงไปตาย แต่โชคดีที่ได้รับการช่วยเหลือโดยบังเอิญ”
พูดมาถึงตรงนี้ถังย่าเงยหน้าขึ้นมองลู่เซิ่น แต่กลับไม่ได้ถามอะไร
ถังย่าเองก็ไม่ได้สนใจเช่นกันเมื่อลู่เซิ่นไม่ตอบ เธอจึงพูดต่อ “พระเอกของเรื่องนี้ก็คือคุณที่กำลังหาคนนั้น คุณฉินซี”
เมื่อเธอพูดจบ ก็ก้มลงไปจิบน้ำ
บรรยากาศพลันเงียบลง
“เรื่องนี้เกี่ยวกับการหายตัวไปของฉินซียังไง?” ลู่เซิ่นพูดออกมาในที่สุด
ถังย่ายิ้มจางๆ แต่ไม่ได้ตอบคำถามของเขาโดยตรง กลับพูดว่า “ฉันเชื่อว่าคุณฟังมาถึงตรงนี้ ไม่เข้าใจคงเป็นไปไม่ได้ การสูญเสียความทรงจำของฉินซีไม่ใช่เพราะถูกกระตุ้นจากการตายของแม่เธอ แต่เป็นเพราะพวกเราทำ มันแสดงให้เห็นถึงอะไรล่ะ? แสดงให้เห็นว่า เธอไม่รู้ว่าตัวตนของเธอเป็นอย่างไร และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอคือใคร เธอได้มาพบคุณภายในสถานการณ์แบบนั้น คนที่คุณรู้จัก ไม่ใช่คนที่สมบูรณ์แบบทุกอย่างเหมือนเธอหรอก”
ลู่เซิ่นมองไปที่เธอสักพักจากนั้นก็ยิ้มขึ้นมาทันที “ถังย่า อย่าคิดเล่นตุกติก ผมไม่ได้ต้องการให้คุณมาตัดสินวุ่นวายกับความสัมพันธ์ของเราสองคน ผมมีตา ดูเองได้ สิ่งที่คุณต้องทำ คือตอบผมมาว่าฉินซีตอนนี้อยู่ที่ไหนกันแน่ ”
ความประหลาดใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของถังย่า
เธอค่อนข้างแน่ใจว่า ถ้าเปิดเผยอดีตที่ผ่านมาของฉินซีให้ลู่เซิ่นฟังแล้ว จะทำให้คนที่มีทิฐิสูงอย่างเขาโกรธที่ถูกหักหลัง ทนไม่ได้ที่ถูกปกปิดความลับจากฉินซี
ที่เธอพูดเรื่องนี้ เพื่อตั้งใจที่จะยั่วให้ลู่เซิ่นโกรธ แค่เขาพูดอะไรรุนแรงออกมาก็ได้ ถือว่าเป้าหมายของเธอวันนี้สำเร็จ
ไม่คาดคิด ว่าความสนใจทั้งหมดของลู่เซิ่นยังคงอยู่ที่ว่าตอนนี้ฉินซีอยู่ไหน
แต่ความประหลาดใจของถังย่า ก็เกิดขึ้นเสี้ยววินาทีเดียว ก่อนเธอจะพูดตอบกลับไปอย่างเร็ว “ประธานลู่ คุณก็รู้ว่าฉินซีปกปิดคุณมากแค่ไหน ทำไมถึงไม่โกรธ และยังคงสนใจแค่ว่าตอนนี้เธออยู่ที่ไหน มันเป็นความรักที่ล้ำลึกดั่งท้องทะเลจริงๆ”
ลู่เซิ่นยิ้มบางๆ “ขอบคุณที่ชมครับ แต่ถ้าหากตอนนี้คุณยังไม่บอกผมว่าเธออยู่ไหน ผมจะทำให้รู้ว่าความรู้สึกที่ล้ำลึกเหมือนทะเลมันเป็นยังไง”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ก็เริ่มสัมผัสถึงการคุกคามจากเขาแล้ว
แต่รอยยิ้มของถังย่ากลับล้ำลึกขึ้น “ถ้าหากฉันเป็นแค่เบาะแสเดียวที่คุณหาเจอ คุณก็ทำอะไรฉันไม่ได้หรอก”
ลู่เซิ่นยักไหล่ “ลองดูไหมล่ะ?”
ท่าทีของเขาดูแข็งกร้าวขึ้นมาถังย่านิ่งไปชั่วครู่
“ประธานลู่ ความทรงจำของฉินซีตอนนี้ถูกบล็อกไว้ก็จริง แต่ยังไงเธอก็ยังเป็นคนขององค์กร ตอนนี้ดูเหมือนสภาพจิตใจของเธอจะดีขึ้นแล้ว พวกเราต้องพาเธอกลับองค์กร” ลู่เซิ่นอดไม่ได้ที่จะขำขึ้นมา “องค์กรพวกคุณจัดการเรื่องกันดีนี่ ผมลงทุนลงแรงอยู่แก้ไขปัญหาทุกอย่างของฉินซี คุณแค่พูดมาคำเดียวแค่ว่า เธอเป็นคนในองค์กรแล้วจะนำเธอไป เห็นเธอเป็นสิ่งของหรือยังไง?”
คราวนี้ถังย่าเม้มริมฝีปากของเธอแน่น “ประธานลู่จะพูดอะไรก็ไม่มีความหมายหรอกค่ะ ถ้าคุณพูดแบบนี้ก็เหมือนจะใช้ประโยชน์จากการที่ฉินซีไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับองค์กร พาเธอกลับไป ใช้ข้ออ้างเรื่องยืมเงินเพื่อให้เธอมาอยู่ข้างๆ แบบนี้มันเรียกว่าคุณธรรมสูงส่งนักหรือคะ?”
ถังย่าเป็นคนฉลาด ลู่เซิ่นยิ้มเยาะ “ผมไม่ได้บังคับให้เธอมาอยู่ข้างกาย ทุกอย่างที่ฉินซีทำเธอทำด้วยความเต็มใจที่จะทำเอง แต่พวกคุณนำตัวเธอไปด้วยยาแบบนี้ เป็นผม ผมไม่ทำหรอกนะ”
เขาโบกผ้าเช็ดหน้าในถุงปิดผนึกไปทางถังย่า
ถังย่ารู้สึกสะอึกไปชั่วขณะแต่ก็สวนอย่างรวดเร็วกลับไป “แต่ว่า ตอนที่พวกเราพาเธอไปก็แค่ใช้แค่วิธีการนี้เท่านั้น ประธานลู่ก็ตรวจสอบแล้วนี่คะ ยานี้ไม่เกิดผลอะไรกับร่างกายในอนาคตแน่นอน พวกเรามีแค่วิธีนี้วิธีเดียวเท่านั้นในการนำเธอกลับไป ถึงอย่างไรเธอก็จำพวกเราไม่ได้ พาเธอไป มันก็ง่ายแบบนี้”
“พวกคุณพาเธอไปไว้ที่ไหน? แล้วตอนนี้เธอเป็นยังไงบ้าง?”ลู่เซิ่นอดไม่ได้ที่จะขัดเธอ
เขาไม่ต้องการพูดคุยประเด็นอะไรกับถังย่าที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับฉินซีอีก
“ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้หรอกค่ะ” ถังย่ายิ้ม “เรานำตัวเธอไปอยู่ที่สำนักงานใหญ่ขององค์กร และดูแลเธอเป็นอย่างดี จะไม่มีอันตรายใดเกิดขึ้นกับเธอหรอกค่ะ”
“สำนักงานใหญ่?”ลู่เซิ่นขมวดคิ้ว
ถังย่าพยักหน้า “ที่ตั้งของสำนักงานใหญ่องค์กรเราเป็นความลับค่ะ ขออภัยที่ไม่สามารถเปิดเผยไปมากกว่านี้”
ปากเธอพูดขออภัย แต่บนใบหน้านั้นไม่มีความรู้สึกผิดเลยสักนิด
ลู่เซิ่นรู้ดีว่าสำนักงานใหญ่ขององค์กรต่างๆส่วนใหญ่อยู่บนเกาะที่ไม่มีใครอยู่ และเป็นเรื่องยากสำหรับคนอื่นที่จะหาที่ตั้งแต่เขาไม่ได้คาดหวังให้ถังย่าบอกเขาโดยตรง
เขาขมวดคิ้วและพูดต่อ “ผมจะมั่นใจได้ยังไงว่าเธอปลอดภัย”
ถังย่าเอียงศีรษะ ก่อนถามว่า “คุณต้องการหลักฐานอะไรล่ะคะ?”
ลู่เซิ่นขอร้องอย่างตรงไปตรงมา “ผมอยากคุยกับฉินซี”
ถังย่ายิ้ม พลางส่ายหัว “ขอโทษที่ฉันทำตามคำขอของคุณไม่ได้”
ก่อนที่ลู่เซิ่นจะพูดอีกครั้ง เธอก็พูดขัดขึ้นมา “เมื่อวานนี้ฉินซีเพิ่งได้รับการสะกดจิต ความทรงจำที่ถูกปิดผนึกไว้ตอนนี้กลับมาแล้ว ตอนนี้เกรงว่าเธอยังคงต้องพักผ่อนสักพัก รอเธอกลับมาฟื้นตัวดีเมื่อไหร่ ฉันจะทำตามความต้องการของคุณนะคะ”
ลู่เซิ่นหัวเราะด้วยความโกรธกับเหตุผลของเธอ
“ให้รอถึงตอนนั้น? ทำไมคุณไม่คิดบ้างว่า คุณจะมีชีวิตอยู่ถึงตอนนั้นหรือเปล่า?”