บทที่ 1208 ทำให้ฉินซีจำทุกอย่างให้ได้
ถังย่ากลับไม่ได้ตื่นตระหนกกบคำพูดของลู่เซิ่นแม้แต่น้อย “อย่าดูถูกฉันเลยค่ะประธานลู่”
ในตอนท้ายถังย่าก็ชิงพูดขึ้นมาก่อน “ประธานลู่ สิ่งเดียวที่ฉันพูดได้ตอนนี้ก็คือ คุณไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องความปลอดภัยของฉินซีเลย เธอเป็นหนึ่งในสมาชิกหลักขององค์กรเรา พวกเราใช้ความพยายามอย่างมากในการฝึกฝนให้เธอมีความสามารถที่เป็นเลิศ เรื่องแค่นี้ไม่สามารถส่งผลกระทบอะไรเธอได้ ไม่อย่างนั้นทางเราก็คงไม่ใช้ความพยายามเป็นอย่างมากในการดึงตัวเธอกลับมาหรอกค่ะ ถ้าหากเราคิดจะทำอะไรไม่ดีกับเธอจริงๆ ก็คงไม่บอกเรื่องนี้ให้คุณทราบแน่”
บรรยากาศระหว่างคนสองคนที่ประจันหน้ากันมีบรรยากาศมาคุขึ้นเล็กน้อย
ความเครียดบนใบหน้าของลู่เซิ่นไม่ได้คลายลงแม้แต่น้อย “คุณเพิ่งจะพูดว่าที่คุณสะกดจิตเธอ เพื่อที่จะให้ความทรงจำกลับมา?”
ถังย่าพยักหน้า “ใช่ค่ะ พวกเรานำตัวเธอกลับมา เพราะจุดประสงค์นี้——”
“คุณรู้ไหมว่าถ้าทำให้เธอจำเรื่องทั้งหมดได้ จะทำให้เธอเจ็บปวด” ลู่เซิ่นพูดขัดจังหวะถังย่า ด้วยความโกรธเกรี้ยวบนใบหน้า
เขาไปพบจิตแพทย์ครั้งแรกเป็นเพื่อนฉินซี
เขาจำได้ชัดเจนว่า ตอนนั้นหมอเสนอแผนสองแบบให้เธอ แผนแรกคือใช้การสะกดจิตเพื่อให้ฉินซีกลับมาจำทุกอย่างได้
ในเวลานั้นเขาไม่สามารถทนเห็นความเจ็บปวดของฉินซีได้ดังนั้นเขาจึงล้มเลิกแผนการรักษาอันนั้นไป
และตอนนี้พวกเขาก็จะใช้แผนที่เขาล้มเลิกไปเพื่อเธอเนี่ยนะ!
ฉินซีจะเจ็บปวดแค่ไหน? จะรับได้ไหม?
เมื่อลู่เซิ่นนึกถึงสิ่งนี้ความเป็นปรปักษ์ของเขาต่อองค์กรก็เริ่มร้ายแรงขึ้น
“ประธานลู่” มีความประหลาดใจบนใบหน้าของถังย่าไม่คิดมาก่อนว่าเขาจะใส่ใจกับปัญหาตรงนี้ “ร่างกายของฉินซีได้รับการจัดระเบียบและฝึกฝนมาดี เธอจะทนความเจ็บปวดนี้ได้แน่นอน ถ้าทำให้เธอจำเรื่องทุกอย่างได้ มันจะทำให้ดีกับทุกคนนะคะ”
ลู่เซิ่นหัวเราะ “พวกคุณที่เรียกตัวเองว่าองค์กร ไม่เห็นใจความเป็นคนสักนิดเหรอ? ผ่านการฝึกฝนมาแล้ว? ถึงแม้ฉินซีจะรับมือกับความเจ็บปวดแบบนี้ได้ก็จริง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอต้องมาทนทุกข์ทรมาน คุณบอกเองว่าตอนนี้เธอกำลังพักผ่อน ต้องการการฟื้นตัว? นี่ยังไม่ชัดอีกเหรอว่าเธอกำลังทรมาน?”
ดูเหมือนจะไม่สามารถยอมรับการใส่ร้ายของลู่เซิ่น ในองค์กรได้และการแสดงออกของเขาก็เย็นลง: “ประธานลู่ ฉันได้พูดทุกอย่างที่ฉันสามารถพูดได้แล้วปัญหาแบบนี้อยู่นอกเหนือขอบเขตของการสนทนาของเรา”
ถังย่าดูจะยอมรับไม่ได้ที่เขาใส่ร้ายองค์กร “ประธานลู่ อะไรที่ฉันพอจะพูดได้ ฉันก็พูดไปหมดแล้ว ปัญหาของเรื่องนี้ ไม่อยู่ในขอบเขตในเรื่องที่เราต้องพูดกันค่ะ”
“คุณพูดตลอดว่าไม่ต้องให้ผมสนใจความปลอดภัยของฉินซี แต่เมื่อพูดถึงเรื่องนี้กลับบอกว่าไม่เกี่ยว”ลู่เซิ่นหัวเราะเยาะ “ถังย่า เป็นคนเขาไม่ได้เป็นกันแบบนี้เหรอ?”
ถังย่าไม่ได้คิดว่าเขาจะมาเข้ามายุ่งเกี่ยวกับปัญหานี้ เธออดไม่ได้ที่พูดกลับไปว่า
“ องค์กรรับรองว่าจะดูแลให้ทุกคนมีร่างกายและจิตใจที่ดี เป็นไปตามมาตรฐาน ประธานลู่ ถ้าหากคุณเป็นห่วงเรื่องนี้ มีแค่คำถามนี้เท่านั้น ที่ฉันจะตอบคุณได้”
ลู่เซิ่นรู้ดี ว่าพวกเขากำลังอยู่ในทางตัน
พวกเขาพาฉินซีมาโดยไม่ถามความสมัครใจเลยสักนิด ตอนนี้ก็ยังปฏิเสธที่จะให้เขาได้คุยกับฉินซีและไปเจอเธอที่องค์กรอีก แต่เขาเองก็ไม่สามารถมองเห็นฉินซีได้ แถมไม่มีวิธีที่จะวางใจสถานการณ์ของฉินซีได้เลย
การทำแบบนี้ต่อไป มีแต่จะทำให้สิ่งต่างๆแย่ลง
“ฉินซีต้องพักฟื้นอีกนานเท่าไหร่?” ลู่เซิ่นคิดสักพัก ก่อนจะเอ่ยปากถามขึ้นมา
ถังย่าส่ายหัว “เรื่องนี้ฉันก็ไม่ทราบจริงๆ แต่เมื่อถึงเวลาโทรหาคุณที่เหมาะสม ฉันจะติดต่อคุณไป”
ลู่เซิ่นกลับจับคำพูดคำนี้ของเธอแทน
เวลาโทรหาเขาที่เหมาะสม คงจะเป็นเวลาที่พวกเขาจะมั่นใจได้ว่าฉินซีจะไม่สนใจเขาอีกต่อไปแล้ว
เมื่อนึกถึงความเป็นไปได้นี้ลู่เซิ่นรู้สึกหมดแรง
แต่ท่าทีของถังย่าก็แข็งกร้าวเช่นกัน ลู่เซิ่นรู้ว่าเขาคงจะไม่ได้ข่าวอะไรที่เป็นประโยชน์จากเธออีกต่อไปแล้ว
แต่เพียงแค่รู้ว่าตอนนี้ฉินซีปลอดภัย ก็ถือว่าเป็นข่าวดีสำหรับเขาแล้ว
ลู่เซิ่นคิดอะไรได้สักพัก จึงหันไปถามเธออีกครั้ง
“พวกคุณนำเรื่องทุกอย่างมาบอกผม ไม่กลัวว่าความรู้สึกที่ผมมีต่อฉินซี จะทำให้องค์กรคุณเดือดร้อนหรือไง? ”
เมื่อถังย่าได้ยินคำถาม พลันปรากฏร่องรอยของการดูถูกขึ้นมาบนสีหน้าของเธอ
“ประธานลู่” น้ำเสียงของเธอยังคงสุภาพ แต่ลู่เซิ่นกลับสัมผัสได้ถึงความหยิ่งยโสเล็กน้อยในน้ำเสียง “ถ้าองค์กรพวกเราโดนโค่นล้มได้ง่ายขนาดนั้น เกรงว่าคงจะไม่อยู่นานถึงขนาดนี้หรอกค่ะ”
ความหมายก็คือ นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเขาถึงหยิ่งผยอง กล้าที่จะเปิดโปงทุกสิ่งต่อหน้าลู่เซิ่น และกล้าที่จะทดสอบเขาอย่างโจ่งแจ้ง พวกเขาไม่กลัวว่าเขาจะค้นพบทุกอย่าง
พวกเขารู้ดีว่ากับลู่เซิ่นและตระกูลลู่นั้น ไม่สามารถสั่นคลอนอะไรองค์กรได้เลย
ลู่เซิ่นเม้มปากเป็นเส้นตรง
แม้ว่าเขาจะโกรธ แต่เขาก็ไม่สามารถปฏิเสธสิ่งที่ถังย่าพูดได้
กองกำลังที่อยู่เบื้องหลังองค์กรที่เรียกว่า เฟิง นี้น่าจะมีขนาดใหญ่มาก แม้ตระกูลลู่จะพยายามแค่ไหนก็สามารถได้รับผลจากการทำลายล้างได้เช่นเดียวกันและไม่มีทางที่จะสั่นคลอนรากฐานขององค์กรได้เลย
นอกจากนี้ยังเป็นไปไม่ได้ที่ตระกูลลู่จะทำเรื่องเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายแบบนี้
ใบหน้าของถังย่าสงบลงหลายส่วน รอยยิ้มสุภาพของเธอก็ได้กลับมาที่บนใบหน้าอีกครั้ง
เธอยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกาก่อนพูดว่า “เลยเวลามามากแล้ว ฉันต้องกลับบริษัทก่อน ขอตัวนะคะ”
ลู่เซิ่นยิ้ม “ในเมื่อคุณก็เป็นบุคคลสำคัญขององค์กร แล้วทำไมถึงรับบทเป็นประชาสัมพันธ์ที่รอบคอบแบบนี้ล่ะ”
ถังย่าไม่รู้สึกหงุดหงิดกับคำพูดที่ไม่สมเหตุสมผลของเขา เธอกลับตอบไปว่า “ทำหน้าที่เป็นประชาสัมพันธ์ที่ดีก็เป็นหน้าที่ขององค์กรเหมือนกัน ฉันต้องทำให้สำเร็จแน่นอนอยู่แล้ว”
เธอไม่มีความตั้งใจที่จะปิดบังอะไรจากลู่เซิ่นอีกต่อไป
เมื่อฟังคำพูดเธอจบ ลู่เซิ่นก็รู้สึกขำเล็กน้อย
“ถังย่า ผมเพิ่งเห็นคนแบบคุณเป็นครั้งแรก คนที่จะยอมถูกใช้เป็นเครื่องมือ เมื่อถูกใช้เสร็จ ก็ยังภักดีต่อไปได้ ผู้นำองค์กรของคุณเป็นใครกันนะ? ฉันอยากจะไปเรียนรู้จากเขาสักหน่อย ว่าเขาสอนคุณยังไง”
เขาได้ค้นพบแล้วว่า สำหรับ ถังย่าที่ดูเหมือนจะไม่มีความรู้สึกอะไร องค์กรกลับเป็นจุดอ่อนของเธอ
แค่พูดต่อว่าองค์กรต่อหน้าของเธอ ก็ดูเหมือนป้อมปราการเหล็กของเธอ ก็ได้พังทลายลงมาอย่างรวดเร็ว
แน่นอนว่าหลังจากที่เขาพูดจบ ดวงตาของถังย่าดูมีความขุ่นเคืองเล็กน้อย
เธอหันหน้าไปมองลู่เซิ่น ก่อนกัดปากแน่น
“ประธานลู่” ถังย่าพูดอย่างเคร่งขรึม “ฉันไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองตกเป็นเครื่องมือ”
น้ำเสียงของลู่เซิ่นกลับฟังดูผยองมากขึ้นเรื่อย ๆ “ผมไม่คิดว่าคุณจะไม่รู้สึกอะไรเลยจริงๆ ถ้าหากคุณกับผมประมือกันจริงๆจะไม่ตกอยู่ในอันตราย ผมก็ไม่ใช่คนดีอะไร ถ้าหากวันนี้ผมควบคุมอารมณ์โกรธไม่ได้ คุณคิดเหรอว่าจะได้ออกไปจากที่นี่”
ถังย่าเหล่มองเขา แต่ไม่ได้พูดอะไร