flash marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1211 ใช่ว่าไม่เห็นแก่ตัว

บทที่ 1211 ใช่ว่าไม่เห็นแก่ตัว

เอกสารชุดนี้ได้มาในเวลาที่เหมาะเจาะ ลู่เซิ่นไม่พูดมาก เพียงแต่รับเอกสารนั้นมา

รายละเอียดในเอกสารนั้นชัดเจน ไม่ผิดอะไรกับที่ถังย่าพูดคืนนี้

องค์กรที่ชื่อ “เฟิง” สำนักงานใหญ่อยู่ที่เกาะส่วนตัว อำนาจที่อยู่เบื้องหลังขององค์กรซับซ้อนยากที่จะต่อกร พวกเขารักษาดุลอำนาจได้อย่างเฉียบแหลม

“ร่วมมือกับหน่วยงานทางทหาร…” ลู่เซิ่นกวาดตามองรายชื่อยาวเป็นหางว่าว เลิกคิ้วนิดๆ “น่าสนใจ”

หลินยี่กลับไม่รู้สึกผ่อนคลายแบบเดียวกับเขา ขมวดคิ้วนิดหนึ่ง มองลู่เซิ่นอย่างกังวล “ลู่เซิ่น นายอย่าใช้วิธีพุ่งเข้าชน”

ลู่เซิ่นยิ้ม “นายกลัวฉันไปหาเรื่องมันหรือไง”

หลินยี่เพียงแค่ขมวดคิ้ว ไม่ได้พูดอะไร

ลู่เซิ่นส่ายศีรษะ “ไม่ถึงกับต้องกังวลหรอก”

แม้ว่าหลินยี่ไม่เชื่อ เขาไม่ได้ซักถามต่อ แต่กลับถามว่า “คืนนี้นายไปหาถังย่ามาหรือ”

ลู่เซิ่นพยักหน้า ยิ้มเย้ยนิดหนึ่ง “เธอเป็นคนที่น่าสนใจ”

หลินยี่เอียงศีรษะ รอเขาพูดต่อไป

“เธอโอ้อวดแสนยานุภาพองค์กรของเธอเจ๋งแค่ไหน” ลู่เซิ่นยิ้มนิดๆ “เธอบอกฉันด้วย ฉินซีปลอดภัยดีตอนนี้ไม่มีอะไรน่าห่วง”

หลินยี่ประหลาดใจไม่น้อย “เธอยอมรับตรงๆ อย่างนี้เลยหรือ เธอเป็นคนขององค์กร แถมฉินซีถูกพวกเธอจับไปนี่นะ”

ลู่เซิ่นสะบัดข้อมูลในมือ “นี่คือความมั่นใจของเธอ”

หลินยี่พยักหน้า “ก็จริง”

“จากนั้น…” สายตาของลู่เซิ่นเปลี่ยนเป็นครุ่นคิด “เธอเล่นละครฉากหนึ่ง”

“เล่นละครงั้นหรือ” สีหน้าหลินยี่เปลี่ยนเป็นสับสน “เล่นละครอะไร”

ลู่เซิ่นยิ้ม “แสดงว่าหัวหน้าของเธอเป็นคนน่าสงสารรักแล้วไม่ได้ครอบครอง บอกกับฉัน ฉินซีกับหัวหน้าเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่วัยเด็กมีใจให้กันมาก่อน ไม่ให้ฉันเข้าไปแทรกกลางความรู้สึกของพวกเขา”

หลินยี่อึ้งไปครู่หนึ่ง

“ฉินซีกับหัวหน้าของพวกเธอ” หลินยี่แสดงสีหน้ายากที่จะเข้าใจคำพูดนี้ “ฉินซีจะไปเกี่ยวกับหัวหน้าของพวกเธอได้ยังไง”

เรื่องของฉินซีกับองค์กรยาวมาก ลู่เซิ่นคร้านจะอธิบายซ้ำทั้งหมด จึงอธิบายเพียงสั้นๆ “เมื่อก่อนฉินซีเป็นคนขององค์กร”

หลินยี่จ้องตาโต “ฉินซีเป็นคนขององค์กรงั้นหรือ”

ลู่เซิ่นพยักหน้า

หลินยี่มีคำถามผุดขึ้นมากมาย แต่เงียบอยู่นานสองนาน เพียงแค่ถามขึ้นสั้นๆ “งั้นตอนนี้นายคิดจะทำยังไง”

ลู่เซิ่นมีท่าทีผ่อนคลายกว่าหลินยี่อยู่บ้าง เขาแทบไม่ลังเล พูดน้ำเสียงจริงจัง “ขอแค่เธอไม่ได้อยากไปด้วยตัวเอง ฉันจะพาเธอกลับมา”

หลินยี่ชะงักไป พูดขึ้นอย่างลังเล “แต่…ถ้าฉินซีเป็นคนขององค์กรแต่แรก ถึงตอนที่เธอจากไปจะไม่เต็มใจก็เถอะ แต่หลังจากนั้น …ใช่ว่าเธอจะถูกบังคับให้อยู่ที่นั่นจนไม่กลับมา”

ลู่เซิ่นขมวดคิ้วนิดหนึ่ง หันไปมองหลินยี่ “นายหมายความว่า ตอนนี้เธอยังไม่ปรากฏตัว ก็เพราะเธอเองไม่อยากกลับมา”

หลินยี่ยักไหล่ “ฉันก็แค่เดาไปเรื่อย ไม่แน่ว่ามันจะเป็นอย่างนั้นซะหน่อย”

ลู่เซิ่นขมวดคิ้วแน่น หันไปมองอีกทางหนึ่ง

แน่นอน ตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ เขารู้สึกมั่นใจมาตลอด ฉินซีไม่กลับมา เพราะถูกองค์กรจับตัวไว้ ไม่มีอิสระไปไหนมาไหน

เขาไม่เคยคิดถึงความเป็นไปได้อีกด้านหนึ่ง ถ้าฉินซีจำได้ทุกอย่าง รู้สึกว่าตัวเองเคยเป็นคนขององค์กร ไม่อยากกลับมาอีกแล้วล่ะ

สีหน้าลู่เซิ่นเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม

เขาไม่มีทางยอมให้เรื่องนี้เกิดขึ้นแน่นอน

ไม่ว่าเพราะสาเหตุอะไร เขาไม่มีทางยอมให้ฉินซีไปจากเขา

“ถังย่าไม่ได้บอกนายหรือ ตอนนี้สถานการณ์ของฉินซีเป็นยังไง” หลินยี่ถาม

ลู่เซิ่นเม้มปาก “เธอบอกว่าตอนนี้ฉินซียังปรับร่างกายอยู่ ไม่สะดวกเจอหน้าฉัน รอเวลาที่เหมาะสม จะให้ฉันคุยกับเธอ”

หลินยี่พยักหน้าครุ่นคิด “ถ้าเธอพูดอย่างนี้…งั้นฉินซีคงจะออกมาไม่ได้ นายลองคิดสิ ไม่ว่าถังย่าพูดยังไง แน่นอนว่าสู้ฉินซีพูดกับนายเองว่าเธอจะไปจากนายไม่ได้ ตอนนี้พวกเขายังไม่กล้าให้นายคุยกับฉินซี ก็เห็นชัดว่า…อารมณ์ของฉินซียังไม่มั่นคง”

ลู่เซิ่นมองหลินยี่อย่างสงสัย “ทำไมนายพูดกลับไปกลับมา”

หลินยี่ยิ้ม “ฉันก็แค่กลัวว่าพูดอะไรผิดไปแล้วนายจะโกรธ ทำอะไรไม่คิดจนแก้ไขอะไรไม่ได้”

ที่เรียกว่าทำเรื่องที่ย้อนไปแก้ไขไม่ได้ ลู่เซิ่นเข้าใจดี นั่นคือไปปะทะกับกับองค์กร

แต่น้ำเสียงนอกเหนือจากคำพูดของหลินยี่เขาฟังออก “นายอยากจะปลอบใจฉัน เลยพูดถึงฉินซีอย่างนี้ ใช่มั้ย”

หลินยี่ไม่ตอบรับ แต่ก็ไม่ปฏิเสธ เพียงแต่มองลู่เซิ่นนิ่ง ครู่หนึ่งถึงพูดขึ้น “อันที่จริง ฉันไม่มีทางยืนยันได้ว่าตอนนี้ฉินซีอยู่ในสภาพไหน จริงๆ แล้วเธอไปแล้วไม่อยากกลับมา หรือไม่มีหนทางกลับมากันแน่”

ลู่เซิ่นยังมีท่าทางอึดอัดใจ “งั้นนายหุบปากไปเลย เสียเวลาพูดอะไรไม่ได้เรื่อง”

หลินยี่ไม่โกรธ เพียงแต่ฉีกยิ้ม “ฉันมีวิธีหนึ่ง ช่วยนายพิสูจน์ เธอคิดอย่างไรกันแน่”

ลู่เซิ่นเลิกคิ้ว หันไปมองเขา “นายมีวิธีหรือ”

หลินยี่ยิ้ม น้ำเสียงสุขุม “นายอยากจะลองดูมั้ย”

ลู่เซิ่นหงุดหงิด “ไม่ต้องมัวลีลามาก รีบพูดมาเร็วๆ”

หลินยี่ยักไหล่ “ก็ได้ งั้นฉันจะพูดตรงๆ นะ นายก็ แค่ปล่อยข่าวออกไป บอกว่าจะแต่งงานกับเสี่ยวจิ้ง เท่าที่ฉันรู้ ความสามารถรวบรวมข่าวสารขององค์กรประเภทนั้นเร็วจนคนนอกคิดไม่ถึง พอนายปล่อยข่าวไป ทางฉินซีจะต้องรู้แน่นอน ไม่ว่าฉินซีจะยอมอยู่กับองค์กรนั่น หรือถูกบีบไม่ให้หนีได้ ดูจากความสัมพันธ์ของพวกนายสองคนก่อนหน้านี้ เธอไม่มีทางยอมให้นายแต่งงานกับคนอื่นง่ายๆ แน่ ต้องหาทุกหนทางมาเจอนาย อย่างนี้…ก็ได้เจอเธอแล้วใช่มั้ยล่ะ”

ลู่เซิ่นยังคงขมวดคิ้วแน่น เขาจ้องมองหลินยี่ “ไอเดียนายไม่เข้าท่าเลยว่ะ”

หลินยี่ประหลาดใจ “ไม่เข้าท่ายังไง นี่มันไอเดียบรรเจิดชัดๆ ว่าไง นายไม่ต้องใช้ต้นทุนอะไร ก็ได้สืบข่าวฉินซีให้รู้ชัดไป นายยังมีวิธีอะไรดีกว่านี้หรือไง”

ลู่เซิ่นไม่ตอบคำถาม แต่สีหน้าเห็นชัดว่าไม่เห็นด้วย เขา อยู่ๆ ก็ถามขึ้น “หลินยี่ นายยังอยากให้น้องสาวแต่งงานกับฉันงั้นหรือ”

หลินยี่ชะงัก เงียบไป

ลู่เซิ่นแสดงออกชัดเจน “เวินจิ้งรู้ว่าพี่ชายเป็นห่วงขนาดนี้ ต้องรู้สึกปลื้มแน่ แต่ในใจของเธอมีคนอื่นแล้ว นายพรากคู่รักอย่างนี้ ไม่ค่อยเหมาะมั้ง”

เขารู้ดี แผนนี้ของหลินยี่ ใช่ว่าจะไม่เห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนตัว

หลินยี่ไม่พอใจที่เวินจิ้งยังตัดมู่วี่สิงไม่ขาด ถึงได้รีบร้อนอยากจะให้เขาแต่งงานกับตนเอง

flash marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

flash marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

Options

not work with dark mode
Reset