flash marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1232 งานแต่งงานที่ได้รับพร

บทที่ 1232 งานแต่งงานที่ได้รับพร

หลังจากส่งจ้านเซินออกไปจากประตู ฉินซีก็เพิ่งจะรู้ว่าหลังของเธอมีเหงื่อชุ่มไปหมด

แต่เธอไม่กล้าที่จะผ่อนคลาย เธอยังคงรักษาท่าทางสงบ จนกระทั่งเดินไปที่ห้องน้ำ เธอก็ค่อยๆก้มลง

เธอฝังใบหน้าลงบนฝ่ามือ จนทำให้โดนบาดแผลที่ฝ่ามือโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่เธอไม่รู้สึกเจ็บปวดเลย

คำพูดสุดท้ายก่อนที่จ้านเซินจะออกไปยังคงก้องอยู่ในหูของเธอ

“ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป คุณไม่จำเป็นต้องเข้ารับการปรึกษาทางจิตอีกต่อไป”

หลังจากที่เขาพูดจบ เขาก็ออกจากหอพักไป

จากนั้นฉินซีก็เข้าใจว่าทุกอย่างในคืนนี้เป็นการทดสอบของจ้านเซิน

ไม่ว่าจะเป็นทีวี หรือข่าว เขาเองที่เลือกอย่างตั้งใจ

หากเธอแสดงความไม่พอใจเพียงเล็กน้อยต่อลู่เซิ่น ภายใต้การกระตุ้นที่รุนแรงเช่นนี้ สิ่งที่เธอพยายามทำในช่วงสองเดือนครึ่งที่ผ่านมาก็จะเปล่าประโยชน์

โชคดีที่เธอแบกมันไว้ และได้รับความไว้วางใจจากสุดท้ายจ้านเซิน

เธอรู้ว่าการที่ไม่ต้องไปที่เรียนล้างสมองอีก เป็นเพียงขั้นตอนแรก และมันไม่ได้หมายความว่าจ้านเซินจะเชื่อใจเธออย่างสมบูรณ์เหมือนเมื่อก่อน

แต่นี่เป็นพัฒนาการที่ดีมาก

อีกไม่นาน…เธออาจจะสามารถออกจากงานได้ ออกจากองค์กรนี้ได้

คนในองค์กรค่อนข้างมีอิสระในการปฏิบัติงาน

พวกเขาไม่รักษาการติดต่ออย่างใกล้ชิดกับองค์กรอีกต่อไป ซึ่งเป็นการปกป้ององค์กร

และในกรณีนี้…ถ้าฉินซีใช้ประโยชน์จากมันดีๆ เธออาจจะได้หยุดพัก และได้พบกับลู่เซิ่น

แต่เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ฉินซีก็รู้สึกสับสนอีกครั้ง

เธอจำเป็นต้องพบกับลู่เซิ่นจริงๆหรือ

เขากำลังจะแต่งงานแล้ว

คำตอบที่ฉันต้องการนั้นยังมีความหมายอยู่หรือไม่

เธอไม่สามารถให้คำตอบกับตัวเองได้

ฉินซีหลับตา ยืนขึ้น และเปิดก๊อกรองน้ำเย็นในมือสาดลงบนใบหน้าของตัวเอง

เธอออกจากที่นี่เพื่อลู่เซิ่น แต่ก็ไม่ใช่สำหรับเขาทั้งหมด

เหตุผลหลักที่สุดคือ เธอไม่ควรกลายเป็นเครื่องจักรขององค์กร

เธอต้องการเป็นอิสระ

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ความคิดของฉินซีที่ไม่แน่นอน และปั่นป่วนตอนนี้ก็สงบลง

ทำทุกสิ่งเพื่อคนอื่น มันสามารถเปลี่ยนแปลงได้ง่าย และการวางความหวัง หรือความไว้ใจทั้งหมดไว้กับคนอื่นก็เป็นเรื่องหลอกลวง

ทำเพื่อตัวเองเท่านั้นถึงเป็นนิรันดร์

ฉินซีตื่นขึ้นมาอย่างช้าๆภายใต้น้ำเย็นๆ จากนั้นดวงตาที่ว่างเปล่าของเธอก็แข็งขึ้นเล็กน้อย

เพื่อตัวเธอเอง เธอต้องหาทางออกไป

ไปหาลู่เซิ่น…เป็นเพียงหนึ่งในเงื่อนไขเพิ่มเติม

ฉินซีอาบน้ำอย่างดี และเมื่อเธอออกมา ก็ถึงเวลาปิดไฟแล้ว

ไม่มีไฟในห้อง ห้องจึงดูมืดถนัดตา

เธออยากไปที่หน้าทีวี และหยิบรีโมทขึ้นมา เพื่อเปิดดูใบหน้าของลู่เซิ่นดีๆอีกครั้งมาก แต่เธอก็ข่มมันไว้

เธอรู้ว่า แม้ว่าห้องของเธอจะไม่ได้ติดตั้งระบบเฝ้าระวังใดๆ แต่…เธอใช้ทีวีดูข่าวอะไร จ้านเซินจะต้องรู้อย่างแน่นอน

ตะกี้เธอบอกว่าข่าวนี้ไม่น่าสนใจสำหรับเธอ ถ้าเธอหันหน้ามาอ่านอีกครั้ง มันจะดูขัดแย้งกัน

ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงแค่ระงับความคิดทั้งหมดของเธอ บังคับตัวเองให้ไปที่เตียง และฝังตัวเองลงบนหมอน

แต่ข่าวที่เห็นตอนกลางคืนก็ก้องอยู่ในหูของเธออีก

เมื่อไม่นานมานี้ เธอได้รับการฝึกอบรมเกี่ยวกับความจำเชาวน์ปัญญามากมาย แต่เธอไม่ได้คาดหวังว่าสมองของเธอจะใช้ทักษะความจำเหล่านี้เพื่อจดจำข่าวของคืนนี้ เธอยังสามารถท่องทุกประโยคที่ผู้ประกาศข่าวพูดทีละประโยคแม้ว่าเธอตั้งใจที่จะลืมทั้งหมด

งานแต่งงานที่มีแต่ความสุข …

ฉินซีกลิ้งไปมาบนเตียงอย่างหงุดหงิด และมองขึ้นไปที่เพดาน

แต่สมองของเธอก็ไม่ได้หยุดคิด เมื่อข่าวถูกขัดจังหวะ เธอก็นึกถึงวิดีโอที่จ้านเซินเอาให้ตัวเองดูได้

วิดีโอของลู่เซิ่นที่เข้าไปในเรือนจำ

ฉินซีมีเหตุผลที่จะเชื่อว่าเธอและจ้านเซิน เป็นสองคนที่อยู่นอกแผนของลู่เซิ่น ที่ได้เห็นเจ้าสาวของเขา

ทำไมเขาต้องปิดบังผู้หญิงคนนั้นอย่างหนาแน่น

เพราะเธอออกมาจากคุกหรอ

ฉินซีขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ก็ขยายใบหน้าของผู้หญิงในหัวของตัวเองโดยไม่รู้ตัว

ตอนเธอดูวิดีโอ เธอรู้สึกว่าผู้หญิงคนนั้นคุ้นมาก

แต่เห็นได้ชัดว่าพวกเขาอยู่ในเมืองหนาน และฉินซีจำไม่ได้ว่าเธอเคยรู้จักใครบ้างในเมืองหนาน

เดี๋ยวนะ

ดวงตาของฉินซีก็เบิกกว้างขึ้น

เธอจำได้ว่าเธอเคยเห็นผู้หญิงคนนี้ที่ไหน

ในวันที่เธอไปงานประชุมคณะกรรมการบริหารของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป ฉินซึ่งเทียนโยนนิตยสารทิ้งมาโดนใบหน้าของเธอ

ลู่เซิ่นบังคับให้เธอไปที่โรงพยาบาลกลางเพื่อตรวจหน้า และหมอที่รับการรักษา…คือเธอคนนั้น

ฉินซีครุ่นคิดอย่างหนัก

ชื่อของเธอคือ……

ใช่……

เวินจิ้ง!

ฉินซีเชื่อมโยงทุกอย่างเข้าด้วยกัน แล้วเหงื่อเย็นๆก็ออกมาบนฝ่ามือของเธอไม่หยุด

ลู่เซิ่นและเวินจิ้ง …พบกันมานานแล้วหรือ

ฉินซียังจำได้ว่า ในเวลานั้นหลังจากที่เธอพูดถึงเวินจิ้ง ลู่เซิ่นก็จะเหม่อลอยเล็กน้อย

ในตอนนั้นเธอคิดว่าความเหม่อลอยของลู่เซิ่น เป็นเพราะตัวเธอ เพราะเขาไม่พอใจกับความไม่สนโลกๆใดๆก่อนหน้านี้ของเธอ

แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า จะเป็นไปได้ไหมว่าเป็นเพราะการมีอยู่ของเวินจิ้ง

พวกเขารู้จักกันตั้งแต่เมื่อไหร่ ความรักเกิดขึ้นเมื่อใด กำหนดชีวิตตั้งแต่เมื่อไหร่

ฉินซีรู้สึกว่ามีไฟลุกไหม้ในอกของเธอ

เดิมทีเธอคิดว่าลู่เซิ่นได้พบใครบางคนหลังจากหย่าร้างกับตัวเอง

เธอเป็นคนขอหย่าด้วยตัวเอง ดังนั้นเป็นเธอที่ยอมทิ้งโอกาสไป เธอจึงไม่สามารถโทษคนอื่นได้

แต่ถ้าเป็นเวินจิ้ง…

ถ้าทั้งสองคนรู้จักกันตั้งนานแล้ว

หรือว่าลู่เซิ่นจะติดต่อกับเวินจิ้งตั้งแต่ตอนที่เขายังแต่งงานอยู่กับเธอแล้ว

ฉินซีรู้สึกมึนงงกับข่าวที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้ไม่สามารถเย็นได้อีกต่อไป

เธอเอาเรื่องที่เกิดหลังจากตอนนั้นเรื่อยมาจนถึงตอนที่ลู่เซิ่นไม่คืนดีกับเธอมาขบคิด ทันใดนั้นก็เริ่มหวาดระแวงขึ้นมาเล็กน้อย

เมื่อคนคิดไปด้านหนึ่งแล้ว เขาก็จะเอาข้อมูลทั้งหมดโยงไปให้เป็นไปตามข้อสรุปที่ตัวเองคิดตั้งแต่แรกได้

ดังนั้นจิตใจของฉินซีในขณะนี้จึงสับสนวุ่นวาย

เธอรู้ดี ตามนิสัยของลู่เซิ่น เป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะหาคนอื่นมาแต่งงานด้วยไปเรื่อย ดังนั้นคนๆนี้จึงต้องคุ้นเคยกับเขามานาน เตรียมตัวดีแล้ว และเข้าใจกันเป็นอย่างดี

ถ้าเขาและเวินจิ้งรู้จักกันมาก่อน การแสดงของลู่เซิ่นก็ไม่จำเป็นต้องคาดเดาอีก

ตอนที่แต่งงานกับเธอ เขาก็เป็นคนอ่อนโยนสุดๆ ดังนั้นการหลอกตัวเองไม่ได้ยากขนาดนั้น

ฉินซีไม่ได้ร้องไห้ แต่คิ้วของเธอขมวดเข้าหากันแน่น

เธอไม่เข้าใจว่าทำไมลู่เซิ่นถึงทำแบบนี้

หลอกเธอ เล่นกับความรู้สึกของเธอ เป็นเรื่องที่น่ายินดีนักหรอ

เห็นได้ชัดว่าเธอไม่เคยอ่อนไหวเลย และถ้าไม่ใช่เพราะการกระทำของเขาในภายหลัง เธอก็จะไม่มีทางสนใจเขา

ทั้งหมดนี้…มันเพราะอะไรกันแน่

ฉินซีรู้สึกว่ามีไฟออกมาจากหัวใจของเธอ

มันคือความโกรธ

flash marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

flash marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

Options

not work with dark mode
Reset