บทที่ 1234 ความเงียบของเธอ
หลังจากที่ลู่เซิ่นพูดจบ ห้องก็เงียบลงทันที
รอยยิ้มบนใบหน้าของหลินยี่ค่อยๆหุบลง
ในช่วงสามเดือน ร่างกายของเขาเกือบจะฟื้นตัวเต็มที่แล้ว เขายังคงนั่งอยู่บนรถเข็น เพื่อรักษาขาที่หักให้หายสนิทเท่านั้น
แต่ถึงแม้เขาจะนั่งอยู่ ดวงตาของเขาก็จริงจังมาก เมื่อเขามองไปที่ลู่เซิ่น
“นายคิดดีแล้วหรอ” หลินยี่หยุดไปครู่หนึ่งก่อนจะถาม
ลู่เซิ่นไม่ได้ตอบในทันที เขาเพียงแค่ก้มหน้า และยิ้ม ก่อนจะพูดถึงหัวข้อที่ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวข้องแทน “ตอนฉันเลิกงานวันนี้ ฉันได้รับอะไรบางอย่าง”
หลินยี่ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงพูดเรื่องนี้ขึ้นมา เขาจึงเลิกคิ้วขึ้นมา โดยไม่ตอบ
ลู่เซิ่นไม่สนใจที่เขาไม่ตอบ เขาพูดกับตัวเองว่า “คนที่โทรมาคือถังย่า”
หลินยี่หรี่ตา “เธอให้นายดูอะไรเกี่ยวกับฉินซีหรอ”
ลู่เซิ่นเม้มริมฝีปาก และพยักหน้า “ใช่ เธอให้ฉันดูวิดีโอ”
ฉินซีในวิดีโอดูมีสุขภาพดี และไม่มีความทุกข์ แทบจะตรงกันข้ามกับเขาที่กังวล และนอนไม่หลับเกือบทุกวัน
ลู่เซิ่นไม่ได้พูดคำพูดเหล่านี้ออกมา
แต่หลินยี่ดูเหมือนจะรู้อะไรขึ้นมา
“ดังนั้นนายถูกกระตุ้นด้วยวิดีโอนี้ จึงยอมแต่งงานกับน้องสาวของฉันใช่ไหม” หลินยี่เลิกคิ้วสูง และมองลู่เซิ่นขึ้นลง “นี่ไม่ใช่สิ่งที่นายสามารถทำได้”
ลู่เซิ่นยิ้มจางๆ และมองไปที่หลินยี่ “ตั้งแต่ฉันเห็นฉินซี ฉันทำอะไรแล้วเหมือนฉันบ้าง”
หลินยี่รู้สึกจุกขึ้นมากับคำพูดนี้ เมื่อนึกถึงสิ่งที่ลู่เซิ่นทำในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ก็อดไม่ได้ที่จะพยักหน้า “จริง”
ลู่เซิ่นเงยหน้าขึ้น และหันเดินไปที่หน้าต่างอีกครั้ง “ที่นายพูดตอนนั้น ที่กระจายข่าวว่าฉันกับเวินจิ้งแต่งงานกันบางทีมันอาจจะไปกระตุ้นฉินซี และทำให้เธอปรากฏตัว ตอนนั้นฉันยังลังเล เพราะไม่มีอะไรยืนยันได้ว่าฉินซีจะมา แต่….พอวันนี้ถังย่าส่งวิดีโอมา ฉันถึงค่อยมั่นใจในเรื่องนี้”
ตอนนี้หลินยี่รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย “นายกำลังจะบอกว่า ถังย่าบอกว่าฉินซีมีชีวิตที่อิสระงั้นหรอ”
ลู่เซิ่นส่ายหัว “เธอไม่ได้พูดแบบนั้น แต่ดูจากวิดีโอ ก็เหมือนจะเป็นอย่างนั้น”
ความระแวงปรากฏขึ้นทั่วใบหน้าของหลินยี่ “เป็นไปได้ไหมว่าถังย่ากำลังหลอกอยู่”
ลู่เซิ่นดูเหมือนจะคิดเกี่ยวกับคำถามนี้มานานแล้ว จึงถามว่า “หลอกฉันแล้วได้อะไร”
หลินยี่ขมวดคิ้ว และพูดว่า “ถ้าเธอแค่โกหกนาย จริงๆแล้วฉินซีไม่ได้เป็นอิสระ ส่วนนายก็ประโคมข่าวมากมายว่ากำลังจะแต่งงานอีกครั้ง อย่างนี้แล้วปล่อยให้ฉินซีเห็นว่านายแต่งงานกับคนอื่น แล้วถ้าเกิดเธอหมดใจขึ้นมา จะทำยังไง”
ลู่เซิ่นยิ้มบางๆ “ใครบอกว่าฉันจะแต่งงานกับคนอื่น”
หลินยี่รู้สึกสับสนกับเขาอย่างจัง “ไม่สิ เมื่อกี้นายเพิ่งพูดเองว่าตกลงแต่งงานกับเสี่ยวจิ้ง แล้วทำไมจู่ๆถึงบอกไม่แต่งแล้ว จะเอายังไงกันแน่ พูดมาดีๆ”
ลู่เซิ่นส่ายหัวทิ้ง โดยไม่ตอบอะไร จากนั้นก็เดินไปที่ประตู และผลักไปทางอู๋ชิง แล้วพูดว่า “ช่วยไปบอกคุณเวินจิ้งมาหน่อย”
อู๋ชิงเหลือบมองไปที่หลินยี่ และเห็นว่าเจ้านายของเขาพยักหน้าเห็นด้วย จากนั้นจึงเดินไปที่ประตูอีกบานที่ทางเดิน และเคาะประตู
หลินยี่หรี่ตามองลู่เซิ่น “นายต้องการพูดตรงๆกับเสี่ยวจิ้งหรอ”
ลู่เซิ่นยิ้ม “ไม่ ฉันต้องการปรึกษากับทั้งสองคน”
เวินจิ้งมาถึงประตูห้องนอนของหลินยี่อย่างรวดเร็ว เธอเคาะประตูเบาๆ และเมื่อเธอเดินเข้าไป เธอก็พบว่าลู่เซิ่นอยู่ที่นั่นด้วย ลางสังหรณ์ไม่ค่อยดีก็เกิดขึ้นในใจของเธอทันที
แต่ตอนนี้เธอ และหลินยี่อาศัยลู่เซิ่นกินอยู่ เธอจึงทำได้เพียงแค่พยักหน้า และทักทายลู่เซิ่น “ประธานลู่”
ลู่เซิ่นพยักหน้าเบาๆเป็นการตอบรับ และหลินยี่ก็กวักมือเรียกเธอ “มานี่ นั่งลงข้างพี่นี่”
เวินจิ้งไม่รู้ว่าทำไม แต่ก็ยังทำตาม
เมื่อเธอนั่งลงอู๋ชิงก็ปิดประตู ลู่เซิ่นเหลือบมองไปที่สองพี่น้องที่นั่งอยู่ด้วยกัน และค่อยๆเปิดปากของเขา
“เวินจิ้งคุณจำสิ่งที่ผมพูด ตอนที่ผมกำลังจะช่วยคุณออกจากคุกเมืองหนานได้ไหม”
ลู่เซิ่นพูด พลางกวาดตามองไปที่เวินจิ้ง
สีหน้าของเวินจิ้งเริ่มแข็งขึ้น มือของเธอบีบมุมเสื้อโดยไม่รู้ตัว และไม่กี่วินาทีต่อมาเธอก็เงยหน้าขึ้น และพูดว่า “แต่ตอนนั้นฉันไม่ได้สัญญากับคุณ”
“โอ้” ลู่เซิ่นหัวเราะ “คุณรู้จักการกลับคำด้วยหรอ ถ้าคุณต้องการ ผมสามารถเอาเสียงบันทึกให้คุณฟังก็ได้นะ ให้คุณคิดย้อนกลับไปว่า ตอนที่อยู่เมืองหนาน คุณทำท่ายังไง”
เวินจิ้งเม้มปาก
เธอไม่ได้ตอบสนองต่อคำขอแต่งงานของลู่เซิ่นโดยตรง แต่….ต่อหน้ามู่วี่สิงเธอไม่ได้ปฏิเสธข่าวที่ว่าเธอจะไปกับลู่เซิ่น และเธอก็ไม่ได้ห้ามลู่เซิ่นเรียกตัวเองว่า “ภรรยา”
ความเงียบของเธอ ถือเป็นการยอมรับ
เพราะตอนนั้นเธอกังวลเกี่ยวกับหลินยี่ และความปรารถนาของเธอที่จะมาประเทศ F นั้นแข็งแกร่งกว่าสิ่งอื่นใดดังนั้นเธอจึงไม่สนใจรายละเอียดเหล่านี้เป็นธรรมดา
แต่เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่า ลู่เซิ่นจะบันทึกทั้งหมดนี้ไว้
เวินจิ้งก้มหน้าลง และไม่พูด แต่หลินยี่กลับเป็นคนพูดแทน “ลู่เซิ่น พูดดีๆ จะแกล้งเสี่ยวจิ้งทำไม”
ลู่เซิ่นยิ้ม และหันไปมองหลินยี่ “นายตกลงให้เวินจิ้งแต่งงานกับฉันใช่ไหม”
หลินยี่มีสีหน้าตื่นๆ และไม่ได้ตอบคำถามของเขาในทันที แต่ถามว่า “นายกำลังทำอะไรอยู่”
ลู่เซิ่นยิ้มรับ และพูดทีละคำ “ฉันจะประกาศว่า ฉันจะแต่งงานกับเวินจิ้ง”
ทันทีที่เขาพูดจบ เวินจิ้งก็เงยหน้าขึ้นขมวดคิ้วมองเขา “ฉันยังไม่ได้ตกลงแต่งงานกับคุณ!”
หลินยี่ก็พูดช่วย “ลู่เซิ่น ตอนนั้นฉันหวังว่านายจะได้แต่งงานกับเสี่ยวจิ้งจริงๆ แต่คุณไม่เหมาะที่จะแต่งงานกับเธอในสถานการณ์นี้ …ทำไมนายยังดึงดันอยู่ได้!”
ลู่เซิ่นยกมุมปากยิ้ม แต่ไปไม่ถึงดวงตาของเขา “ฉันจะประกาศว่าฉันจะแต่งงานกับเวินจิ้ง แต่….ฉันไม่ได้จะแต่งงานจริงๆ”
หลินยี่ยังคงมึนงง แต่เวินจิ้งกลับมีปฏิกิริยาที่เร็วกว่าเขา
“คุณกำลังจะแต่งงานหลอกๆกับฉัน”
เธอความประหลาดใจเล็กน้อย
ลู่เซิ่นส่ายหน้า “มันไม่ใช่การแต่งงานหลอกๆกับคุณ ถ้าจะให้พูดตรงๆก็คือ….ผมอยากขอยืมชื่อคุณ”
ครั้งนี้เวินจิ้งไม่ได้พูด แต่หลินยี่รีบพูด “นายหมายความว่ายังไง นายกำลังทำอะไรอยู่”
ลู่เซิ่นหันศีรษะมองไปที่หลินยี่ และพูดด้วยเสียงไม่ดัง แต่น้ำเสียงหนักแน่น “แผนตอนนี้ของฉันคือการประกาศให้โลกภายนอกรู้ว่าฉันจะแต่งงานกับเวินจิ้ง เพื่อที่โลกภายนอกจะได้รู้ว่าคนที่ฉันจะแต่งงานด้วยคือเวินจิ้ง แต่จริงๆแล้ว ฉันจะไม่จดทะเบียนสมรสกับเวินจิ้ง และไม่จำเป็นต้องให้เวินจิ้งเข้าร่วมพิธีแต่งงาน”
หลังจากที่เขาพูดแบบนั้น สีหน้าของหลินยี่ก็ยิ่งดูสับสนมากขึ้น
“ไม่ใช่สิ….นายไม่ให้เสี่ยวจิ้งทำอะไรเลย แล้วทำไมนายถึงบอกว่านายจะแต่งงานกับเสี่ยวจิ้ง”
ลู่เซิ่นเพียงแค่ยิ้มจางๆ ไม่ได้อธิบายอะไรออกมา