บทที่ 1236 แลกแหวน
เช้าวันรุ่งขึ้น สำนักข่าวบันเทิงเกือบทั้งหมดต่างปล่อยข่าวซุบซิบออกมาเป็นเรื่องเดียวกัน
“บริษัทลู่ซื่อออกแถลงการณ์ ประกาศว่าประธานลู่เซิ่นแต่งงานแล้ว”
ข่าวนี้ได้จุดชนวนในใจของหนุ่มสาวที่ชอบในการซุบซิบนินทาตามท้องถนน และตรอกซอกซอยในทันที ตั้งแต่แผงขายของตอนเช้าที่ทางเท้า ไปจนถึงร้านกาแฟชั้นล่าง แทบทุกคนพูดถึงสิ่งเดียวกันบนโซเชียล จำนวนอดีตรักของประธานลู่, ใครคือสะใภ้ตระกูลลู่ บทความที่ไม่มีเค้ามูลอะไรเลย ก็สามารถทำให้ทุกคนเอามาคุยกันได้อย่างกระตือรือร้นว่าที่จริงแล้วเจ้าสาวของลู่เซิ่นคือใครกันแน่
“อ่านข่าวยัง เขาปฏิเสธทุกคนที่มีข่าวออกมาตอนนี้!”
“ฉันเห็นแล้ว! เธอว่าในประเทศ F ไม่ใช่ตระกูลหลี่ แล้วก็ไม่ใช่ตระกูลหวัง แล้วจะมีใครให้เลือกอีก!”
“เป็นไปได้ไหมที่จะแต่งงานกับคนที่ไม่ได้มาจากตระกูลใหญ่”
“เป็นไปได้ยังไง! ผู้หญิงธรรมดาที่ไหนจะสามารถแต่งเข้าตระกูลลู่ได้”
ฉินซีซึ่งอยู่บนเกาะที่ห่างออกไป เมื่อเปิดทีวีเห็นข่าวนี้โดยธรรมชาติ
เธอเม้มริมฝีปาก และต้องการเปลี่ยนช่อง แต่พบว่าสถานีโทรทัศน์เกือบทุกช่องออกอากาศข่าวเดียวกัน
“ ทำไมไม่ดู”
จ้านเซินที่ไม่รู้ว่ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ เดินเข้าไปข้างๆเธอ และเงยหน้าขึ้นมองเนื้อหาในทีวี จากนั้นก็หันไปมองฉินซียิ้มๆ “ทำไมล่ะ ลู่เซิ่นจะแต่งงานแล้ว รู้สึกไม่ดีหรอ”
ฉินซียิ้มอ่อนๆ
ตอนนี้เธอสามารถปกปิดความคิดภายในที่แท้จริงของเธอได้อย่างชำนาญ และผู้คนไม่สามารถมองเห็นข้อบกพร่องได้เลย
“ฉันแค่อยากดูสิ่งที่เป็นประโยชน์ แต่คิดไม่ถึงว่าข่าวทั้งหมดจะเป็นข่าวซุบซิบ”
จากนั้นจ้านเซินก็ถอนสายตาจับผิด และยิ้มจางๆ “เขาเป็นถึงหัวหน้าตระกูลลู่ ช่องข่าวบันเทิงต้องอยากรู้คู่แต่งงานของเขาอยู่แล้ว และช่องทางการเงินก็ต้องการทราบว่าข่าวนี้จะส่งผลต่อราคาหุ้นของบริษัทลู่ซื่อยังไง แม้แต่ช่องข่าวดั้งเดิมส่วนใหญ่ก็ต้องออกอากาศเช่นกัน”
ฉินซีพยักหน้า แล้วเปลี่ยนช่องอีกสองสามช่อง จนในที่สุดก็เลิกหาข่าวอื่น และพยายามแสดงออกอย่างไม่สนใยในขณะที่ฟังเนื้อหาในข่าว
เธอรู้สึกว่าจิตวิญญาณของเธอถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน ครึ่งหนึ่งยังคงวิ่งอยู่ในร่างกายเพื่อควบคุมท่าทาง และอีกครึ่งหนึ่งกำลังบินออกจากร่าง มองดูตัวเองอย่างเวทนา
แม้จะรู้สึกว่าตัวเองน่าขำ แต่เนื้อหาของข่าวยังคงเข้าหูเธอทุกคำ
“โฆษกของบริษัทลู่ซื่อกล่าวว่า ประธานลู่จดทะเบียนสมรสเมื่อเร็วๆนี้ และจะไม่มีการประกาศชื่อ และตัวตนของเจ้าสาวในขณะนี้ งานแต่งงานยังเป็นงานแต่งงานส่วนตัว และจะจัดขึ้นในบ้านเก่าของตระกูลลู่ เฉพาะผู้ที่ได้รับคำเชิญเท่านั้นที่สามารถเข้างานได้….”
ฉินซีอยู่ในความสับสน ไม่สามารถยับยั้งจินตนาการของตัวเองได้ ว่างานแต่งงานของลู่เซิ่นจะเป็นอย่างไร
แม้ว่าลู่เซิ่นดูเหมือนจะไม่ใช่คนรักโรแมนติก แต่ฉินซีก็รู้ดีว่ารสนิยมทางสุนทรียภาพของเขานั้นดีมาก
ดังนั้นเจ้าสาวของเขาจะสวมชุดแต่งงานที่สวยงาม และแลกแหวนกับเขาในโบสถ์ที่ตกแต่งอย่างสวยงาม
ฉากนั้นน่าจะโรแมนติก และเป็นที่ตราตรึงมาก แต่….มันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับฉินซีแล้ว
ฉินซีรู้ว่า ถ้าเธอฟังต่อไป เธอจะต้องหลุดแน่
โชคดีที่เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมองนาฬิกา มันก็เป็นเวลาสำหรับหลักสูตรการฝึกอบรมพอดี
ดังนั้นเธอจึงยืนขึ้น และหันไปมองที่จ้านเซิน “ฉันมีเรียน ต้องไปแล้ว”
จ้านเซินพยักหน้าเบา ๆ และยืนขึ้น “งั้นไปด้วยกันเถอะ”
เมื่อทั้งสองเดินไปถึงทางแยกบนถนน พวกเขาก็แยกจากกัน ฉินซีค่อยๆผ่อนคลายลงเล็กน้อยในที่สุด
ที่จริงหลักสูตรของเธอลดลงมามากแล้ว เธอจึงมีเวลาว่างมากขึ้นเรื่อยๆ
ฉินซีมีลางสังหรณ์ว่าเธอจะได้รับงานใหม่ในไม่ช้า
ถ้าเป็นอย่างนี้ เธอก็จะมีโอกาสจากไปแล้ว
หรืออย่างน้อย ก็มีโอกาสที่จะได้พบกับลู่เซิ่น
ฉินซีไม่มีเจตนาที่จะทำลายชีวิตแต่งงานของเขา และเธอไม่สนใจที่จะเป็นคนชั่วร้าย เธอแค่อยากรู้ว่าการแต่งงานของลู่เซิ่นในครั้งนี้ เริ่มต้นในรูปแบบของมือที่สามหรือไม่
เธอรู้ว่าคำตอบนี้ ไม่มีความหมายในทางปฏิบัติสำหรับตัวเอง
ใช่หรือไม่ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงได้
แต่….นี่คือสิ่งที่อยู่ในใจของเธอ
ถ้าคำตอบคือใช่ เธอก็จะไม่มีทางให้อภัยลู่เซิ่นไปตลอดชีวิต
เธอคิดอย่างนี้ แล้วเธอก็เดินไปถึงหน้าห้องที่เธอจะต้องเรียน
ฉินซีทำได้เพียงรวบรวมความคิดทั้งหมดของเธอ และหายใจเข้าลึกๆในความเงียบ ก่อนจะยื่นมือไปเคาะประตู
…
แต่นักแสดงนำชาย ลู่เซิ่น ที่กำลังเป็นที่พูดถึงของสาธารณชนขณะนี้ กลับกำลังผ่อนคลายอยู่ในบริษัทลู่ซื่อ
สีหน้าของเขาผ่อนคลาย และดูเข้าถึงได้ง่ายกว่าปกติ ราวกับว่าเรื่องที่น่ายินดีกำลังใกล้เข้ามา
นอกจากหลินหยังผู้ช่วยคนสนิทคนแรกของเขา คนอื่นๆในบริษัทแทบไม่มีปฏิสัมพันธ์กับลู่เซิ่นเลย
แน่นอนว่า ไม่รวมถึงสองคนที่ยืนอยู่ในห้องทำงานตอนนี้ด้วย
ลู่โยวโยวและลู่เจิ้นยืนอยู่คนละฝั่งของโต๊ะทำงานของลู่เซิ่น พร้อมจ้องมองไปที่เขา
สีหน้าของลู่โยวโยวตื่นเต้นมาก และน้ำเสียงของเธอก็สูงขึ้น “พี่! พี่แอบไปแต่งงานกับคนอื่นเมื่อไหร่! ทำไมพี่ถึงปิดบังได้แม้กระทั่งฉัน!”
ลู่เซิ่นลูบขมับของเขาด้วยความปวดหัว ขณะที่เขากำลังจะอธิบาย เสียงของลู่เจิ้นก็ดังขึ้น “ พี่แต่งงานแล้วจริงๆหรอ”
ลู่เจิ้นถูกส่งออกไปนอกนานกว่าครึ่งปีแล้ว ชีวิตรักของลู่เซิ่นสำหรับเขา จึงยังคงอยู่ในความยุ่งเหยิงระหว่างเขากับฉินซี ในตอนนี้มันเป็นเรื่องยากที่จะบอกเขาว่าลู่เซิ่นแต่งงานแล้ว มันเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะไม่แปลกใจ
ลู่เซิ่นเม้มริมฝีปาก หลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงแค่ปิดปาก และพยักหน้า
ยังไงซะ…นี่ก็ไม่ใช่เรื่องโกหก
ดวงตาของลู่โยวโยวเบิกกว้างทันที “พี่ ทำไมพี่ถึง…”
ลู่เจิ้นจับไหล่ลู่โยวโยวที่กำลังจะกระโดดขึ้นไว้ และหันไปมองลู่เซิ่น
เขา และลู่เซิ่นสนิทกัน และอยู่กับลู่เซิ่นมานานหลายปี
แม้ว่าลู่เซิ่นดูเหมือนจะจงใจทำให้ตัวเองดูยิ้มแย้มแจ่มใส แต่เขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
ลู่โยวโยวยังคงกระโดดโลดเต้น และโห่ร้องอย่างดีใจเป็นเวลานาน จนลู่เซิ่นต้องเกลี้ยกล่อมด้วยกระเป๋ารุ่นใหม่ลิมิเต็ด เธอถึงยอมล่าถอยออกไป
แต่ลู่เจิ้นยังคงอยู่ที่เดิม
สีหน้าของเขาจริงจังขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย เขามองไปที่ลู่เซิ่นอย่างล้ำลึก และพูดว่า “พี่เกิดอะไรขึ้น พี่พูดออกมาเถอะ”
ลู่เซิ่นยกมุมปากของเขาขึ้นยิ้ม และเดินไปข้างๆเขา พร้อมตบไหล่ “นายต้องการให้พี่พูดอะไร”
ลู่เจิ้นกัดฟัน “ฉันยังรู้สึกว่า อยู่ดีๆพี่ก็แต่งงาน มันแปลกๆ….”
ลู่เซิ่นยิ้มเบาๆ “ทำไมมีอะไรผิดปกติ”
ลู่เจิ้นหันหน้ามามองเขา “พี่ไม่ใช่คนที่ตัดสินใจอะไรสุ่มสี่สุ่มห้า”
ลู่เซิ่นแอบถอนหายใจในใจ
แม้แต่ลู่เจิ้นก็ดูออก แล้วฉินซี…..จะดูออกด้วยไหม
ถ้าดูออก เธอจะพยายามกลับมาอยู่ข้างๆเขา เพราะเรื่องปกติเล็กน้อยพวกนี้ไหม