บทที่ 1260 ระบายความในใจทั้งหมด
ฉินซีไม่ตอบ
ความจริงแล้ว เธอก็ไม่มีอะไรที่จะสามารถโต้กลับได้
นับตั้งแต่ที่เธอเข้าสู่องค์กรนั้น จ้านเซินปฏิบัติต่อเธอพิเศษจริงๆ เธอไม่สามารถชี้แจงอะไรได้
“ทุกอาทิตย์ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ไหน ล้วนจากไปเพื่อฝึกอบรมเป็นเพื่อนเธอ หลังจากที่เธอเข้าสู่องค์กรอย่างเป็นทางการ ยิ่งโต้แย้งในความคิดเห็นที่ไม่เห็นด้วยของผู้คนมากมาย และยืนหยัดในความคิดของตัวเองมากขึ้น ดึงเธอไปอยู่ภายใต้การดูแลของตัวเขาเองโดยไม่สนใจอะไร ไม่ยอมรับการจัดการมอบหมายใดๆจากแผนกอื่น” ถังย่าคล้ายกับว่าสามารถมองเห็นสีหน้าความรู้สึกของฉินซีผ่านความมืดได้ หัวเราะเยาะออกมา “เกรงว่าเธอคงจะไม่รู้สินะว่า เขาทะเลาะกับพ่อของเขาใหญ่โตเพื่อเธอ กระทั่งย้ายแม่เขาออกไป สุดท้ายจึงทำให้พ่อของเขาเห็นด้วยกับวิธีการของเขา”
ฉินซีเม้มปาก
เธอ…..ไม่รู้จริงๆ
มิน่าล่ะ ตอนนั้นฟางฟางถึงได้พูดว่า เธอรู้ว่าสำหรับจ้านเซินแล้ว ฉินซีมีความสำคัญที่ไม่เหมือนกันมาก ที่แท้ก็ยังมีเรื่องแบบนี้ด้วย
“เธอดูสิ ไม่ว่าอะไรเธอก็ไม่รู้ แต่ว่ากลับทำให้ผู้คนควักหัวใจออกมาได้เพื่อเธอ” น้ำเสียงของถังย่าแฝงไปด้วยการประชดประชัน “คนอื่นล้วนพูดว่า ภายในเวลาไม่กี่ปี บริษัทพีอาร์ของฉันที่ประเทศF บริหารได้ดีมาก ฉันจะต้องพยายามอย่างยากลำบากแน่นอน แต่มีเพียงแค่ฉันเท่านั้นที่รู้ว่า ก่อนที่เธอจะกลับมายังประเทศF บริษัทของฉันล้วนอาศัยฉันดำเนินการรักษาคนเดียว แต่รอถึงตอนที่เธอกลับมาหลังจากที่ปิดผนึกความทรงจำแล้ว เขาก็ทุ่มเททรัพยากรทางการเงิน กำลังคน และทรัพยากรทางกายภาพให้กับบริษัทของฉันเป็นจำนวนมากอย่างกะทันหัน เธอดูสิ ความสำคัญในการคงอยู่ของบริษัทฉันนั้น ก็แค่เพื่อที่เขาจะสามารถมองเธอได้อย่างถนัดเท่านั้นเอง”
ฉินซีขมวดคิ้วเล็กน้อย
พูดถึงบริษัทพีอาร์แล้ว เธอก็นึกถึงประสบการณ์ที่ตัวเองถูกจ้านเซินบังคับพาตัวไปด้วยอย่างอดไม่ได้
ไม่ว่าจะเกิดจากสาเหตุอะไร เธอล้วนไม่ให้อภัยคนที่จำกัดอิสระของตัวเอง
“ฉันก็เพิ่งจะค้นพบในตอนนี้ว่า ฉันไม่สามารถหลอกตัวเอง แสร้งทำเป็นว่าความรู้สึกที่ฉันมีให้เขาไม่มีแล้วได้อีก” น้ำเสียงของถังย่าเจือความเย็นชา “ฉันสามารถแสร้งทำเป็นว่า ไม่เคยใจเต้นกับเขามาก่อน แสร้งทำมาหลายปีขนาดนี้ ก็ไม่เกิดการติดขัดใดๆ แต่ว่า…….ฉันไม่มีหนทางที่จะแสร้งว่า ฉันไม่เกลียดเธอ”
คิ้วฉินซีขมวดเป็นปม หันหน้าไปมองถังย่า
สายตาของเธอไม่ได้มองฉินซี แต่กลับมองความว่างเปล่าที่อยู่เบื้องหน้าเธอ “ฉันเห็นว่า อะไรเธอก็ไม่ต้องทำ แต่สามารถได้เขาทั้งหมด เห็นในสายตาเขามีเพียงแค่ท่าทางของเธอ ฉันก็ไม่สามารถแสร้งทำเป็นว่า ฉันไม่เกลียดเธอต่อไปได้”
ฉินซีหรี่ตาลงเล็กน้อย อ้าปากพูดเป็นครั้งแรกว่า “แต่ว่าฉันไม่ต้องการความชอบของเขา”
ถ้าหากว่าความชอบของจ้านเซินคือ การบีบบังคับให้เธออยู่ในองค์กร บังคับเธอให้อยู่ข้างกายเขา อย่างนั้นฉินซียอมให้ จ้านเซินเป็นคนที่จะมีก็ได้ ไม่มีก็ได้สำหรับตัวเอง
ถังย่าหัวเราะอยู่หลายที “นี่เธอกำลังโอ้อวดหรือ พูดว่าความชอบของเขานั้นไร้ค่าสำหรับเธอ กับคนที่ชื่นชอบเขา แต่ไม่ได้เขามานั้น ฉินซี เธอแทงมีดได้เก่งจริงๆ”
น้ำเสียงของฉินซีจริงจัง “ฉันไม่ได้…….”
“โอเค” ถังย่าเอ่ยตัดบทเธอ “ฉันไม่สนใจว่าเกิดจากการระมัดระวังอะไรของเธอ สำหรับฉันแล้วไม่สำคัญอะไร เธอไม่ต้องอธิบายกับฉัน ในทางเหตุผล แน่นอนว่าฉันรู้ว่า การที่จ้านเซินชอบเธอ ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเธอ แต่ในเรื่องของความรู้สึก ฉันจะแยกได้ชัดเจนได้อย่างไรกัน”
ฉินซีเงียบกริบ
“เธอไม่มีทางจินตนาการได้เลยว่า ในหนึ่งปีที่เธอสูญเสียความทรงจำ และอยู่ข้างกายลู่เซิ่นนั้น ฉันผ่านคืนวันอย่างไร” น้ำเสียงของถังย่าแหบแห้งเล็กน้อยจากการพูดมากเกินไป “จ้านเซินยุ่งมาก ธุระก็เยอะ ดังนั้นร่องรอยของเธอในทุกวัน เป็นฉันที่รับผิดชอบจับตามองอย่างใกล้ชิด สรุปออกมาแล้วก็รายงานให้กับเขา ตลอดทั้งปี เรื่องที่ฉันทำมากที่สุดในทุกวัน กลับเป็นการจับตาเฝ้าดูศัตรูหัวใจของฉันแทนคนที่ฉันรัก”
ถึงตอนนี้ ฉินซีเข้าใจแล้วว่า “เพียงแค่อยากหาสถานที่ที่สามารถพูดคุยได้แห่งหนึ่ง” ที่ถังย่าพูดถึงนั้น หมายความว่าอะไร
คาดว่าคำพูดเหล่านี้ เธอไม่เคยพูดกับคนรอบข้างมาก่อน และไม่กล้าที่จะพูดกับคนอื่น ทำได้เพียงแค่เก็บเอาไว้ในใจตัวเอง
ฉินซีกลับเป็นเพียงแค่ตัวเลือกเดียวที่เธอสามารถเอ่ยระบายความในใจทั้งหมดออกมาด้วยได้
เธอรู้ว่า ถังย่าน่าจะระบายความรู้สึกที่อดกลั้นเก็บเอาไว้ในใจนานขนาดนี้ออกมาทั้งหมด ดังนั้น เธอไม่จำเป็นต้องพูดอะไร เพียงแค่ทำตัวเป็นผู้ฟังเงียบๆคนหนึ่งก็พอแล้ว
“วันที่เธอแต่งงานกับลู่เซิ่น ฉันคิดแล้วคิดอีก สุดท้ายก็บอกเขา สุดท้ายวันนั้น เดิมจ้านเซินควรจะพูดคุยเจรจาอยู่อีกประเทศหนึ่ง ก็มาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ ยังเป็นฉันที่ชักแม่น้ำทั้งห้ามาพูดว่า เธอกับลู่เซิ่นเพียงแค่ใช้ประโยชน์ซึ่งกันและกัน เขาถึงได้ยกเลิกความคิดที่จะรับเธอกลับองค์กรในทันทีไป” ถังย่ายิ้มเจื่อนๆ “เธอเริ่มจริงใจกับลู่เซิ่นตั้งแต่เมื่อไร ฉันไม่รู้ แต่ว่าฉันไม่ใช่คนโง่ หลายเดือนมานี้ ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับลู่เซิ่น ไม่ใช่การใช้ประโยชน์ซึ่งกันและกันจากการแต่งงานง่ายๆแบบนั้นแน่นอน”
ฉินซิรู้สึกว่า แม้ว่าจะได้ยินชื่อลู่เซิ่นออกมาจากปากคนอื่น แต่หัวใจของเธอก็เต้นผิดจังหวะอย่างอดไม่ได้
“แม้ว่า การเฝ้าดูเธอในหนึ่งปีนี้ จะเป็นปีที่ฉันได้ติดต่อกับจ้านเซินมากที่สุดปีหนึ่ง แต่ว่า……แต่ว่าฉันพอแล้วกับการใช้ชีวิตแบบนี้!” เสียงของถังย่าสั่นเล็กน้อย “ดังนั้น ฉันจึงรายงานแผนงานนิทรรศการภาพถ่ายที่ยังคงสภาพเดิมไว้ โดยไม่ได้มีการแตะต้องให้เขารู้”
ในที่สุด ปัญหาที่รบกวนฉินซีมาเป็นเวลานาน ก็ถูกเปิดเผยออกมา
เธอประหลาดใจมาโดยตลอด ถ้าหากว่าจ้านเซินเฝ้าดูตัวเองตลอดเวลาล่ะก็ อย่างนั้น ที่จริงแล้วความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับลู่เซิ่นใกล้ชิดกันมาก มีร่องรอยให้ติดตามนานแล้ว ทำไมเขาถึงเลือกโอกาสนี้มาพบกับตัวเอง
ที่แท้ก็เป็นเพราะถังย่า……
“นับตั้งแต่ตอนที่เธอแต่งงานกับลู่เซิ่น ฉันก็รู้แล้วว่า ขอเพียงแค่เธอมีความเคลื่อนไหวอะไร จ้านเซินจะต้องคิดหาวิธีพาเธอกลับไป ก่อนหน้านี้ฉันลังเลมาตลอด แม้ว่าการเฝ้าดูเธอจะเป็นเรื่องทรมานสำหรับฉัน แต่เทียบกับการส่งเธอกลับไปอยู่ข้างกายจ้านเซินแล้ว ความทรมานนี้ก็กลายเป็นสิ่งที่ไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น” ถังย่าเอ่ย “แต่เมื่อพบว่าเธอเกิดความรู้สึกหวั่นไหวกับลู่เซิ่นทั้งหมดแล้ว กระทั่งวางแผนจะสารภาพต่อหน้าผู้คนในนิทรรศการภาพถ่าย ฉันก็รู้ว่า ตัวเองไม่สามารถทำแบบนี้ต่อไปได้แล้ว”
หางเสียงของถังย่าสั่น หลังจากที่เธอหยุดพูด ภายในเวลาไม่กี่วินาที ก็ไม่มีใครพูดอะไรอีก
“การกลับไปสำนักงานใหญ่ของฉันในครั้งนั้น เดิมตั้งใจจะไปหาเธอ แต่ว่าเธอถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด ฉันไม่มีช่องทางในการติดต่อเธอ และก็ไม่ใช่สถานที่ที่เหมาะแก่การพูดคุย” ถังย่าเงียบไปนานมาก ค่อยเอ่ยพูดต่อว่า “ดังนั้น ได้ยินว่าเธอจะมาปฏิบัติภารกิจที่ประเทศF ฉันถึงได้เลือกสถานที่แห่งนี้เป็นพิเศษ”
ภายในห้องมืดสนิท กลับไม่มีใครลุกขึ้นมาเปิดไฟ แสงไฟที่อยู่ในอาคารที่อยู่อาศัยไกลๆ กลับส่องมุมเล็กๆมุมนี้ให้สว่างไม่ได้
“ทำไมเธอ…..จะต้องพูดเรื่องพวกนี้กับฉันด้วยล่ะ” สุดท้ายแล้วฉินซีก็ยังเอ่ยถามในสิ่งที่ตัวเองสงสัยออกมา
นอกจากที่ตัวเองอาจจะเป็นตัวเลือกเดียวที่ถังย่าสามารถระบายความในใจได้แล้ว เธอจะต้องมีเหตุผลอะไรอย่างอื่นแน่นอน
ถังย่ายิ้ม “ฉันนึกว่าเธอจะถามฉันก่อนเสียอีกว่า เลือกที่นี่ มีเหตุผลอื่นอะไรอีกใช่หรือไม่”
ฉินซีชะงัก หันหน้าไปมองถังย่า
ท่ามกลางความเลือนราง เธอมองเห็นเพียงแค่เค้าโครงร่างของถังย่า และก็สามารถมองเห็นเธอยักไหล่ให้กับตัวเอง