บทที่ 1281 ช่อดอกไม้งานแต่ง
จุมพิตนี้เป็นเพียงสัมผัสที่ริมฝีปากเท่านั้น เมื่อเทียบกับความใกล้ชิดของฉินซีกับลู่เซิ่นก่อนหน้านี้ ดูเหมือนจะเรียกได้ว่าบริสุทธิ์ แต่จูบที่ใสซื่อและอดกลั้นไว้นั้น กลับทำให้ภายในตัวฉินซีราวกับถูกจุดไฟ
หาใช่ความปรารถนาไม่ แต่กลับทำให้เธออบอุ่นไปทั้งร่าง
จูบของสองคนจบลงอย่างผิวเผิน แต่เมื่อดูการแสดงออกของลู่เซิ่น คงจะมีความรู้สึกเหมือนฉินซี
เพราะนิ้วนางของฉินซีมีแหวนเพิ่มเข้ามาจึงมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น เธออดไม่ได้ที่จะเหลือบมอง ในใจมีประโยคหนึ่งดังก้องวนเวียนไม่หยุด
ฉันแต่งกับลู่เซิ่นแล้ว
ไม่รู้ว่าใครเป็นคนเริ่มก่อน เสียงปรบมือเปาะแปะค่อยๆ ดังขึ้น
โบสถ์ใหญ่โต แต่มีแขกร่วมพิธีเพียงไม่กี่คน เสียงปรบมือฟังอย่างไรก็ไม่กึกก้อง ทว่าความรู้สึกที่ส่งออกมาผ่านเสียงปรบมือนั้น กลับเพียงพอที่จะทำให้ฉินซีสัมผัสได้
เธอเงยหน้ามอง ใบหน้าทั้งสี่คนที่อยู่ร่วมในพิธีเปื้อนรอยยิ้มขณะปรบมือ แสงอาทิตย์สาดส่องผ่านหน้าต่างกระจกสีที่อยู่สูงขึ้นไป ทำให้ทั้งโบสถ์ดูแล้วเหมือนความฝันในจินตนาการ
คิดถึงตรงนี้ รอยยิ้มที่มุมปากของเธอก็หายไปช้าๆ
ใครกันบอกว่าเธอไม่ได้กำลังฝันอยู่ล่ะ
เธอเหมือนซินเดอเรลล่า มีเวลาแห่งความสุขเพียงสั้นๆ เมื่อเสียงนาฬิกาบอกเวลาดังขึ้น เธอจำต้องกลับไปใช้ชีวิตเดิมของตัวเอง
ตอนนี้ พิธีเสร็จสิ้นก็ถึงเวลาที่ต้องจากลาแล้ว
ฉินซีกวาดตามองไปรอบๆ อย่างอาลัยอาวรณ์ เริ่มจากโบสถ์อลังการ ถึงรอยยิ้มของลู่เหวย สูหยิงและถังย่า สุดท้ายสายตาก็มาหยุดนิ่งที่ใบหน้าของลู่เซิ่น
เธอคิดอยากจะเอ่ยคำลา แต่ในสายตาของลู่เซิ่น เธออ้าปาก แต่กลับพูดอะไรไม่ออก
ลู่เซิ่นเข้าใจดีเธอจะทำอะไร
แต่การบอกลาที่คาดคิดไว้ยังมาไม่ถึง ทันใดนั้นเบื้องหน้าฉินซีก็พร่ามัวลง
เธอกะพริบตา ถึงเห็นว่าผ้าคลุมหน้าถูกคลุมลงบนศีรษะของเธออีกครั้ง
เธอยังไม่ทันทำอะไร ก็ถูกลู่เซิ่นโอบเข้ามาในอ้อมกอด
ฉินซีก็ทำเช่นเดียวกันโอบคอของลู่เซิ่นแน่น อดไม่ได้ที่จะถาม “คุณจะทำอะไรคะ”
ไม่ใช่เฉพาะเธอ ทุกคนในที่นั่น นอกจากบาทหลวงที่ยังยิ้มจนตาหรี่ ต่างมีสีหน้าสงสัย
นี่ไม่ใช่เรื่องที่เตรียมไว้ และไม่ได้อยู่ในแผนใดๆ
ลู่เซิ่นทำอย่างนี้ ต้องการจะทำอะไรกันแน่
แต่ลู่เซิ่นไม่คิดจะอธิบายกับใคร เพียงแต่กระซิบฉินซีกำชับให้เธอกอดเขาให้แน่น จากนั้นก็สาวเท้าออกไปข้างนอก
ฉินซีงงงวย แต่ด้วยสัญชาตญาณของเธอ เลือกที่จะเชื่อลู่เซิ่น ไม่ซักถามอะไรอีก เลือกที่จะทำตามคำพูดของเขา กระชับกอดลู่เซิ่นเงียบๆ
สี่คนที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลังมองตากัน เลือกตามไปโดยพร้อมเพรียง
ลู่เซิ่นอุ้มฉินซีเดินออกจากโบสถ์ ไปที่อาคารข้างๆ ไม่มีอาการลังเลสักนิดเดียว จากนั้นขึ้นบันไดไปชั้นสองของอาคาร
ลู่เหวยที่อยู่ข้างหลังมองตามเส้นทางที่เขาเลือก สีหน้าแสดงออกว่ากำลังครุ่นคิดบางอย่าง
ดูเหมือนเขาจะรู้ว่าลู่เซิ่นคิดจะทำอะไร
เมื่อคิดเช่นนี้ เขาชะลอฝีเท้าลง
สูหยิงเดินตามมาข้างหลังเขา เพราะเขาชะงักฝีเท้าจึงเกือบชนเขา อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วถาม “ทำไมล่ะเดินเร็วสิ ลู่เซิ่นลูกคนนี้ เล่นพิเรนทร์อะไรอีก”
ลู่เหวยหันมามองเธอ ส่ายหน้า “พวกเราไม่ต้องตามไป”
ขณะที่เขาพูด ถังย่ากับหลินยี่ก็ตามมาทันพอดี
พวกเขาสองคนเงยหน้ามองทางที่ลู่เซิ่นเดินไป เหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่าง พยักหน้าพร้อมกัน หยุดฝีเท้าเช่นกัน
ถังย่าถึงกับยิ้มออกมา ไม่หยุดอยู่ตรงนั้น หันเดินออกไปทางสวนที่ให้แขกรวมตัวกัน
หลินยี่มองตามหลังเธอคล้ายกับคิดอะไรครู่หนึ่ง ก็เดินตามไป
สูหยิงไม่ใช่คนโง่ เดี๋ยวเดียวก็เข้าใจความคิดของลู่เซิ่น
รอยยิ้มที่มุมปากของเธอแฝงด้วยความจนใจ ส่ายหน้า ยืนอยู่ที่เดิมกับลู่เหวย
จังหวะก้าวของลู่เซิ่นรีบร้อนมาก ราวกับถูกอะไรสักอย่างไล่ตาม เดินพรวดไม่กี่ก้าวก็ถึงชั้นสอง เลี้ยวทีหนึ่ง แล้วเดินไม่กี่ก้าว ในที่สุดก็หยุดเท้า
ฉินซีเมื่อถูกวางลง ก็พิจารณาไปรอบๆ
ที่นี่คือตึกเล็กอยู่ใกล้โบสถ์มากที่สุด ตอนนี้เธอยืนกับลู่เซิ่นที่ระเบียงของตึกเล็ก
ระเบียงหันไปทางสวนของบ้านตระกูลลู่หรือก็คือสถานที่รับประทานบุฟเฟ่ต์กลางแจ้งของแขกบริษัทลู่ซื่อ
ในใจฉินซีตื่นเต้น ทันใดนั้นดูเหมือนจะรู้ว่าลู่เซิ่นคิดจะทำอะไร
แต่ลู่เซิ่นไม่ได้อธิบายอะไรกับเธอ และไม่รอทั้งสี่คนที่ตามหลังมา เพียงแต่มองคนในสวนเพราะเห็นว่าพวกเขาทยอยมารวมตัวกันที่นั่น
ประธานลู่
พิธีเสร็จแล้ว
ขอแสดงความยินดีๆ
คนที่อยู่ข้างล่างเริ่มเงยหน้าอยากจะสนทนากับลู่เซิ่น แต่ในเวลาอันสั้นพวกเขาก็เห็นผู้หญิงสวมชุดแต่งงานยืนข้างลู่เซิ่น
นั่นคือเจ้าสาวของลู่เซิ่นหรือ
ทำไมตอนนี้ยังสวมผ้าคลุมศีรษะ
แม้ว่าจะมีใครคาดเดาไปในทางร้ายว่าเป็นเพราะเจ้าสาวหน้าตาไม่สวย ลู่เซิ่นจึงไม่ยอมให้เธอเผยโฉมหน้า แต่เมื่อดูจากสัดส่วนช่วงบนและรูปร่างสูงเพรียวของเจ้าสาว รู้สึกว่าการคาดเดานี้ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้
ลู่เซิ่นไม่ตอบอะไร กระทั่งทุกคนเดินเข้ามารวมตัวกันจนเต็มสวน เขาจึงค่อยๆ พูดขึ้น “ขอบคุณทุกท่านที่สละเวลามีค่าของท่านมาร่วมงานแต่งงานของผมครับ แม้ว่าจะเป็นพิธีส่วนตัว ทุกท่านเข้าร่วมไม่ได้ แต่ผมอยากจะแบ่งปันความยินดีในงานแต่งงานนี้กับทุกท่าน จึงอยากให้ภรรยาของผมโยนช่อดอกไม้ ส่งความสุขของพวกเราให้ทุกท่าน”
เมื่อเขาพูดเช่นนี้ ในใจของฉินซีเหมือนหินก้อนใหญ่หล่นลงพื้น
ที่แท้เขามาที่นี่เพื่อทำเรื่องนี้นี่เอง
ตอนแรกเธอจะตำหนิลู่เซิ่น ทำไมทำเรื่องที่อยู่นอกแผน ทำไมทำเรื่องเสี่ยงอันตรายเช่นนี้ ถ้าหากพลาดขึ้นมา เธอถูกเปิดเผยสถานะจะทำอย่างไร
ความรู้สึกที่ล้นเอ่อเวลานั้นไม่สนเหตุผลใดๆ แล้ว รอยยิ้มสดใสของเธอใต้ผ้าคลุมศีรษะเหมือนดอกไม้ผลิบาน
เธอรู้สึกว่าความรู้สึกโดดเดี่ยวตอนอยู่ในโบสถ์เมื่อครู่พลันมลายหายไปเพราะการกระทำของลู่เซิ่น อดไม่ได้ที่จะหันไปมองลู่เซิ่น
ใบหน้าลู่เซิ่นปรากฏรอยยิ้มแห่งความสุข
นี่เป็นช่วงเวลาหุนหันพลันแล่นไม่กี่ครั้งในชีวิตของเขาที่ไม่สนใจผลลัพธ์ใดๆ ที่จะตามมา
เขารู้ว่าการพาฉินซีออกมาเสี่ยงอันตรายมากแค่ไหน แต่เขาครุ่นคิดไม่นาน คิดว่าเขาควบคุมความเสี่ยงนี้ได้ จึงตัดสินใจทำเช่นนี้
แม้ว่าจะต้องสูญเสียอะไรไปบ้าง เขาก็ต้องทำให้สำเร็จ
เขาเคยลั่นวาจาแล้วจะจัดงานแต่งงานที่สวยงามที่สุดให้ฉินซี ต้องการส่งคำอวยพรของทุกคนให้เธอ ไม่ให้ขาดตกไปแม้สักคนเดียว
เขาอยากให้ทุกคนรับรู้ เขากำลังมีช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดในชีวิต ช่วงเวลาเพียงไม่กี่นาทีที่มีความสุขที่สุดตลอดชีวิตยี่สิบกว่าปีมานี้
เขาอดไม่ได้ที่จะประกาศก้องกับโลกทั้งใบ เขาในเวลานี้ มีความสุขมากแค่ไหน