บทที่ 1284 ทำไมไม่ตามเธอไป
กระทั่งหลินยี่เข้ามาหา ลู่เซิ่นยังคงยืนพิงประตูเหมือนเดิม คล้ายกับไม่ได้เคลื่อนไหวเลย
“ไปแล้วหรือ” หลินยี่ถามอย่างเข้าใจทุกอย่าง
ลู่เซิ่นไม่ตอบคำถามของเขา ไม่แม้แต่จะมองเขาสักนิด ใบหน้าเย็นชาเดินเข้าไปในห้อง
“เข้าไปทำไม” หลินยี่ยื่นมือไปขวางเขา “นายพูดว่าผมตกลงแล้ว ต่อไปยังมีเรื่องอีกมากมายรอให้นายแก้ไขปัญหาอยู่นะ”
ลู่เซิ่นสีหน้ารำคาญ แต่ไม่พูดตอบโต้อะไร
“ฉันรู้ ตอนนี้นายอารมณ์ไม่ดี” หลินยี่หยุดนิดหนึ่ง เดินไปข้างลู่เซิ่น ยื่นมือไปตบไหล่เขา “ในเมื่ออาลัยอาวรณ์ขนาดนี้ ทำไมนายปล่อยให้เธอไปล่ะ”
ลู่เซิ่นเงยหน้ามองเขาแวบหนึ่ง ยังคงเงียบ
หลินยี่คิดอยากจะเป็นพี่ใหญ่รู้ใจ ไม่รบเร้าให้ลู่เซิ่นลงไปร่วมงานเลี้ยงฉลองมงคลสมรส เดินเข้าไปในห้องลู่เซิ่น นั่งลงที่โซฟา ค่อยเงยหน้ามองลู่เซิ่นที่ยังนั่งอยู่เหมือนเดิม ถามย้ำอีกรอบ “เสียดายขนาดนี้ ทำไมไม่ตามเธอไปล่ะ”
ลู่เซิ่นจ้องมองหลินยี่ครู่หนึ่ง มุมปากเหยียดตรง แต่สุดท้ายก็เดินมานั่งลงตรงหน้าหลินยี่
“ถ้ามีหนทาง ฉันไม่มีทางปล่อยเธอไปแน่” สายตาลู่เซิ่นเย็นชา “แม้แต่ตอนที่รอฉินซีในโบสถ์ ในหัวฉันมีแค่ความคิดเดียว จะต้องทำวิธีไหนถึงจะรั้งเธอไว้”
หลินยี่มองเขา เข้าใจทุกอย่าง
เขาไม่มีหนทางรั้งตัวฉินซีไว้
เธอรู้ดีกว่าใคร ถ้าเธออยู่ที่นี่ต่อ จะต้องทำให้บริษัทลู่ซื่อกับองค์กรปะทะกัน ถ้าหากตาต่อตาขึ้นมา คงจะต้องพังกันทั้งคู่
เธอไม่มีทางเป็นห่วงองค์กร แต่ไม่มีทางยอมสร้างความลำบากมากขนาดนั้นให้ลู่เซิ่นแน่นอน
แม้ว่าเธออยากจะอยู่เคียงข้างลู่เซิ่นมากแค่ไหน แต่ก็ทำไม่ได้
แต่ความคิดของลู่เซิ่นไม่ใช่อย่างนี้
คืนวาน ตอนที่ฉินซีสารภาพกับเขา เขายังคิดว่าตัวเองจะนิ่งพอที่จะเผชิญหน้ากับการจากลาได้
แต่ขณะที่ฉินซีจะไปจริงๆ เขากลับพบว่าตัวเองอยู่ห่างไกลจากความรู้สึกสบายๆ อย่างที่เคยคิดไว้
“งั้นนาย…” หลินยี่อดไม่ได้ที่จะถาม
ลู่เซิ่นส่ายศีรษะ “แต่ฉันทำไม่ได้”
หลินยี่สีหน้าประหลาดใจ “ทำไมล่ะ”
ใบหน้าลู่เซิ่นฉายความเย็นชาแวบหนึ่ง “ถ้าฉินซีอยู่ต่อ พวกเขาจะต้องลงมือกับฉินซีแน่”
หลินยี่อึ้งไป “แต่ฉินซีเป็นคนของพวกเขานะ…”
พูดยังไม่ทันจบ เขาก็ตระหนักถึงความจริงขึ้นมา
ในองค์กรของหลินยี่เอง คนที่ทรยศองค์กร จะต้องถูกลงโทษ
ถ้าพูดว่าไม่ให้ฉินซีไปนั่นหมายถึงเธอทรยศองค์กร นั่น…เป็นเรื่องที่จะต้องเกิดขึ้น
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เขาเริ่มเข้าใจการกระทำของลู่เซิ่นขึ้นมาบ้าง
แต่ลู่เซิ่นไม่ได้พูดความจริงกับหลินยี่ทั้งหมด
ในหัวของเขานึกย้อนไปถึงข้อความสั้นในมือถือของตัวเอง
ข้อความสั้นที่ถังย่าเป็นคนส่งมา เวลาส่งคือตอนที่เขารอฉินซีในโบสถ์พอดี
ข้อความนั้นสั้นกระชับมาก แต่ทำให้เขาเย็นวาบไปทั้งตัว
“ที่ข้อมือขวาของฉินซีมีสมาร์ทชิป สามารถควบคุมระยะไกลได้ ตำแหน่งอยู่ใกล้ชีพจร”
ข้อความมีเพียงเท่านี้ ไม่ได้พูดให้ชัดเจน แต่พูดทุกอย่างที่ต้องการหมดแล้ว
ชิปใกล้ชีพจร…
เมื่อควบคุมแล้ว จะกลายเป็นอย่างไร
ลู่เซิ่นไม่กล้าคิด
แต่เขาแน่ใจได้ ถังย่าส่งข่าวนี้ให้เขา เพราะเรื่องนี้เกี่ยวกับความปลอดภัยของฉินซีเป็นแน่
แต่ทำไมฉินซีไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้…
สัญชาตญาณของลู่เซิ่นรู้สึกว่า ตัวเธอเองไม่แน่จะรู้ว่า ในร่างกายตัวเองมีของอันตรายอย่างนี้
ข้อความสั้นนั้นทำให้เขาไม่วู่วาม และทำให้เขาไม่เลือกใช้วิธีการใดๆ รั้งตัวฉินซีไว้
เขาเองก็ไม่รู้ว่าทำไม จึงไม่ได้บอกเรื่องความลับในตัวเธอกับฉินซี
“เธอบอกมั้ย จะกลับมาตอนไหน” หลินยี่ไม่รู้ว่าลู่เซิ่นกำลังคิดอะไร ได้แต่ถามเขา
ลู่เซิ่นส่ายหน้า “ไม่ได้บอก”
ที่จริงเขาเองก็ไม่ได้ถาม
ในเมื่อตอนนี้เขารู้สถานการณ์ของฉินซีแล้ว ถ้าบังคับถามเธอ ถ้าเธอต้องเสี่ยงปรากฏตัว เพื่อมาพบกับเขา จะอันตรายแค่ไหน
ทุกอย่างมีความปลอดภัยของฉินซีเป็นเงื่อนไขอันดับแรก
เขาจึงไม่กล้าสร้างแรงกดดันให้ฉินซี แม้ว่าในใจตัวเองจะต้องเจ็บปวดเป็นทุกข์ ก็แสดงออกมาไม่ได้
เขาไม่ได้พูดออกมา แต่หลินยี่สนิทสนมกับเขามานานปี ความลำบากใจของเขาที่เก็บซ่อนไว้ หลินยี่ดูเหมือนจะมองเห็นชัดเจน
สุดท้ายแล้วหลินยี่ไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่ถอนหายใจเบาๆ ลุกขึ้น ตบบ่าเขาเบาๆ
คำพูดปลอบใจไม่มีประโยชน์ หลินยี่รู้ดี สิ่งที่เขาจะทำได้นั้น แทบไม่มี
คนหนึ่งนั่งคนหนึ่งยืนเงียบๆ กระทั่งพ่อบ้านมาเคาะประตู
“คุณชายลู่” พ่อบ้านก้มหน้า “คุณผู้หญิงให้คุณ…ลงไปข้างล่างครับ”
น้ำเสียงของเขานอบน้อมมาก แต่ท่าทางเขาบอกชัดเจน ถ้าลู่เซิ่นไม่ลงไป เขาก็จะไม่ออกไป
ลู่เซิ่นไม่มีทางอื่น ได้แต่สบตากับหลินยี่ ลุกขึ้นยืน เดินตามพ่อบ้านออกไป
แขกเหรื่อมากมาย บ้านตระกูลลู่จึงเปิดชั้นหนึ่งของบ้านใหญ่และสนามหญ้าด้านนอก คนหนุ่มสาวส่วนใหญ่คุยกันครึกครื้นที่ด้านนอก ส่วนคนที่รวมตัวกันในบ้านเป็นกลุ่มคนมีอายุ และตำแหน่งการงานใหญ่โต
บริษัทจัดงานฉลองสมรสจ้างวงดนตรีมืออาชีพ มาแสดงสดที่ด้านนอก เสียงกลองและดนตรีสนุกสนานดังเข้ามา คลอกับเสียงหัวเราะคึกคักของหนุ่มสาว
เมื่อไม่กี่นาทีก่อนในหูของลู่เซิ่นเสียงนี้ ยังเต็มไปด้วยความยินดี แต่ถึงตอนนี้ กลับยิ่งทำให้เขารำคาญ
“ลู่เซิ่น ทางนี้” เขาเพิ่งจะลงบันได ก็ได้ยินเสียงเรียกของสูหยิง
หลินยี่ส่งสายตาขอให้เขาโชคดี จากนั้นก็เดินออกไปข้างนอก
ลู่เซิ่นได้แต่สูดลมหายใจลึก ปรับอารมณ์ของตัวเอง เดินไปทางสูหยิง
“ยินดีด้วยค่ะๆๆ” ข้างสูหยิงคือพวกคุณนายไฮโซ ผู้หญิงหลายคนยกแก้วเหล้ามาทางเขา “ขอแสดงความยินดีกับประธานลู่เจ้าบ่าวหมาดๆ ค่ะ”
ลู่เซิ่นรู้สึกได้ แม้พวกเธอจะพูดกับเขา สายตากลับมองเขาสลับกับบนบันไดตลอด
พวกเธอกำลังมองหาใคร…ไม่ต้องพูดก็รู้
ลู่เซิ่นจึงไม่มีอารมณ์รับการแสดงความยินดี เขาไม่หยิบแก้วเหล้า เพียงแต่พยักหน้าให้พวกเธอ แล้วก็เดินหนีไป
สูหยิงย่อมไม่รู้ว่าเขากำลังกลุ้มใจเรื่องอะไร รู้สึกแต่ว่าเธอเสียหน้า รีบพยักหน้าขอโทษทุกคน แล้วตามลู่เซิ่นไป
“แกทำอะไร!” สูหยิงขมวดคิ้ว “นี่เป็นภรรยาของหุ้นส่วนแกนะ”
ลู่เซิ่นยิ้ม “แม่ พวกนั้นเป็นภรรยาตัวจริงหรือครับ”
สูหยิงถูกคำพูดของเขาอุดปาก ตอบคำถามไม่ถูก
เธอรู้ดีกว่าใคร พวกที่เรียกว่าภรรยา บางคนคือกิ๊ก บางคนคือบ้านรอง มีแค่ไม่กี่คน ที่เป็นบ้านใหญ่