บทที่ 1285 จากลา
ลู่เซิ่นแสดงออกว่าดูถูกคนพวกนั้นไม่น้อย “คนพวกนี้ขนาดมางานแต่งของผมยังไม่พาภรรยาตัวเองมา เห็นชัดพวกเขาคิดยังไงกับการแต่งงานใช่มั้ยครับ”
สูหยิงเม้มปาก โต้แย้งไม่ออกจริงๆ
“พวกคนที่ล้อเล่นกับการแต่งงานมาร่วมงานของผม ผมรู้สึกว่าไม่เป็นมงคล” ลู่เซิ่นไม่พอใจ
สูหยิงหรี่ตา “ลู่เซิ่น แกอย่าทำเกินไปดีกว่า อย่าคิดว่าแม่ไม่รู้นะ แกเอาเรื่องนี้มาเฉไฉ”
ลู่เซิ่นถูกเปิดโปงความในใจก็ไม่รู้สึกผิด ได้แต่ยักไหล่พูดกับสูหยิง “ผมไปหาพ่อล่ะ”
สูหยิงได้แต่ทำมือ ปล่อยให้เขาไป
ลู่เซิ่นรู้ว่าเมื่อตัวเองปรากฏตัวแล้ว จะกลับขึ้นไปชั้นบน ปลีกตัวออกจากงานไม่ใช่เรื่องง่ายๆ
เป็นไปตามคาด เขาเดินไปได้ไม่เท่าไร ก็มีหลายคนเดินเข้ามาหาเขา
เขาจึงเลิกล้มความคิดจะกลับขึ้นไป ยกแก้วแชมเปญที่บริกรถือมา สูดลมหายใจลึก ปรับอารมณ์ของตัวเอง เริ่มชนแก้วครึกครื้นกับแขกเหรื่อ
ห้องโถงใหญ่บ้านตระกูลลู่หรูหราโอ่อ่า แขกที่มาร่วมงานล้วนเป็นมหาเศรษฐีและบุคคลสำคัญ ผู้คนเดินกันขวักไขว่ หญิงสาวสวมชุดสวยสง่า
แต่ลู่เซิ่นกลับรู้สึกว่าที่นี่เหมือนพื้นที่ใหญ่โตว่างเปล่า
ที่ที่ไร้คนสำคัญที่สุด ไม่มีอะไรจะมาเติมเต็มได้
……
ฉินซีลากชุดแต่งงานแสนหนักเลี้ยวตามถังย่าไปหลายเลี้ยว ขณะที่ใกล้ถึงห้องแต่งตัว อยู่ๆ ถังย่าก็ถามขึ้น “ฉันคิดว่าเธอจะไม่กลับไปเสียอีก”
ฉินซียิ้ม “ทำไมถึงคิดอย่างนั้นล่ะคะ”
ถังย่าไม่หยุดเดิน ยังคงก้าวต่อไปข้างหน้า เปิดประตูให้ฉินซี
รอจนฉินซีเข้าไป เธอค่อยพูดต่อ “เห็นๆ ว่าเธอยังอาลัยอาวรณ์”
ฉินซีรู้ว่าพวกเธอมีเวลาไม่มาก จึงไม่หยุดให้เสียเวลา ขณะที่ถังย่าช่วยถอดชุดเจ้าสาว เธอก็พูดไปด้วย “ถ้าเป็นไปได้ ลู่เซิ่นต้องยืนกรานให้ฉันอยู่แน่ค่ะ”
ถังย่าถอดสายรัดที่หลังออก เดินไปข้างหน้าช่วยเธอจัดชายกระโปรง “เธอแน่ใจขนาดนั้นหรือ”
ฉินซียิ้ม “ฉันแน่ใจค่ะ”
คงจะไม่มีใครเข้าใจสายตาของลู่เซิ่นแปลว่าอะไรได้ดีไปกว่าเธอ
เช้าวันนี้ตอนที่แยกกัน สายตาของลู่เซิ่นบ่งบอกว่าต้องการให้เธออยู่
แต่ตอนที่ลู่เซิ่นอุ้มเธอไปโยนช่อดอกไม้ ฉินซีรู้ว่า เขาตัดสินใจแล้ว จะปล่อยเธอไป
การกระทำที่อยู่นอกเหนือแผนไม่ใช่เรื่องปกติที่ลู่เซิ่นจะทำ
แต่ในเมื่อเขาเลือกทำอย่างนี้ ก็บ่งบอกชัดแล้ว เขาตัดสินใจที่ทำให้ตัวเองไม่มีความสุข เขาต้องการทำอะไรอย่างอื่นเพื่อระบายความไม่พอใจของตัวเอง
ถังย่าไม่ตอบ เพียงแต่ก้มหน้าช่วยเธอถอดชุดแต่งงานที่ซับซ้อน
ครู่ใหญ่ ในที่สุดก็ถอดชุดแต่งงานเรียบร้อย
ฉินซีหันไปสวมชุดของตัวเอง หยิบกระดาษเปียกบนโต๊ะเครื่องแป้งมาลบเครื่องสำอาง มองกระจกเริ่มเช็ดเครื่องสำอาง
ถังย่าพินิจชุดแต่งงานที่เพิ่งเอากลับไปแขวน ยืนห่างไปไม่กี่ก้าวมองท่าทางของฉินซีในกระจก
ฉินซีลบเครื่องสำอางคล่องแคล่ว ไม่นานก็เช็ดออกเกือบหมด
เธอทิ้งกระดาษเปียกที่เลอะแล้วลงในถังขยะ ลุกขึ้น ทำท่ากับถังย่าให้รู้ว่าเธอพร้อมแล้ว
ถังย่ากลับยืนนิ่งอยู่ที่เดิม
สายตาของเธอดูเหมือนจะทะลุผ่านฉินซี กำลังมองอย่างอื่น
ฉินซียืนอยู่ที่เดิมหลายวินาที ขณะที่เธออดไม่ได้กำลังจะเรียกดึงสติของถังย่า อยู่ๆ เธอก็พูดขึ้นมา
“เขารักเธอมากจริงๆ”
ฉินซีอึ้งไป
“รัก” คำนี้ออกมาจากปากของถังย่า ฟังแล้วรู้สึกว่าขัดกับตัวเธอ
แต่วันนี้การแสดงออกที่ถังย่าตั้งใจทำเป็นล้อเล่นเวลานี้เลือนหายไปจากใบหน้าของเธอ รอยยิ้มที่ปกติแล้วจะเห็นบ่อยๆ ก็หายไปเช่นกัน การแสดงออกของเธอเวลานี้ว่างเปล่า เหมือนคนกำลังจมน้ำที่คว้าขอนไม้ลอยน้ำไม่ถึง
ฉินซีเม้มปาก ไม่รู้ว่าควรจะตอบอย่างไรดี
ถ้าหากพยักหน้า เหมือนเป็นการโอ้อวด
การโอ้อวดเช่นนี้กับถังย่าในเวลานี้ ดูเหมือนเป็นคมมีดบาดที่รับไม่ได้
ดีที่ถังย่าไม่ได้คาดหวังให้เธอตอบคำถามอะไร เธอพูดออกมาอย่างนั้นก็เหมือนกับทอดถอนใจเท่านั้น ครู่หนึ่ง ใบหน้าของเธอที่ว่างเปล่าก็หายไป รอยยิ้มเหมือนหุ่นยนต์ที่คุ้นเคยก็กลับมาบนใบหน้าของเธออีกครั้ง
“ไปกันเถอะ”
เธอไม่ได้มองฉินซีอีก เดินไปผลักประตูออกไปข้างนอก
ฉินซีไม่ชักช้า เดินตามออกไป
เสียงฝีเท้าของพวกเธอเงียบหายไปที่มุมหนึ่งไม่นาน ก็มีเงาคนหนึ่งเดินลับๆ ล่อๆออกมาจากระเบียงอีกด้านหนึ่งของห้องแต่งตัว
คนผู้นี้มองซ้ายมองขวา แน่ใจแล้วว่าไม่มีใครอยู่แถวระเบียง ก็ผลุบหายเข้าไปในห้องแต่งตัว
ไม่กี่นาทีต่อมา คนรับใช้สองสามคนถูกส่งขึ้นมา ต่างสบตากัน แล้วเคาะประตู
“คุณนายน้อยคะ คุณชายลู่ให้พวกเรามาตามค่ะ”
“เสร็จแล้วค่ะ” เสียงหญิงสาวตอบอย่างรวดเร็ว
พวกคนรับใช้ได้คำตอบแล้วยังไม่ผละไป รออยู่เงียบๆ ที่หน้าประตู
คนที่อยู่ข้างในดูเหมือนจะคาดเดาสถานการณ์นี้ได้ ผ่านไปไม่นานก็เปิดประตูออกมา
เวินจิ้งโผล่หน้าออกมา
“ฉันถอดชุดแต่งงานแล้ว ช่วยจัดการให้เรียบร้อยด้วยค่ะ” เวินจิ้งมองไปทางชุดแต่งงานที่แขวนเรียบร้อย แล้วเดินออกมา
เธอเปลี่ยนเป็นชุดกี่เพ้าสีแดงรัดรูปเรียบร้อยแล้ว ดูแล้วสัดส่วนโค้งเว้ากะทัดรัด รูปร่างอ้อนแอ้น
คนรับใช้หลายคนส่งสายตากัน พยักหน้ากับเวินจิ้ง “ค่ะ”
เมื่อพูดจบ สองคนก็เดินเข้าไปจัดเก็บชุดแต่งงานในห้องแต่งตัว ส่วนที่เหลือก็พาเวินจิ้งลงไปข้างล่าง
ติดที่เวินจิ้งอยู่ตรงนั้น พวกเขาซุบซิบกันไม่ได้ แต่อาศัยตอนที่เวินจิ้งไม่สนใจพวกเธอส่งสายตากัน
บ้านตระกูลลู่ใหญ่โตขนาดนี้ ยากที่จะไม่มีความลับ
แม้ว่าคนรับใช้บ้านตระกูลลู่จะซื่อสัตย์ภักดีกับตระกูลลู่ ไม่มีทางที่จะเปิดเผยความลับแม้แต่เล็กน้อยกับภายนอก แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะไม่ซุบซิบกันเอง
อย่างเช่นคุณชายลู่พาเวินจิ้งกลับมาบ้านเมื่อหลายเดือนก่อน ช่วงหลายเดือนมานี้เขากลับบ้านมาบ่อยๆ ก็จริง แต่พวกเขาเห็นชัด ความสัมพันธ์ของสองคนนี้ใสยิ่งกว่าน้ำเปล่า ความรู้สึกเกินขอบเขตไม่มีสักนิด แม้ว่าสองคนจะร่วมโต๊ะกินข้าวกัน แม้แต่สายตาที่มองกันและกันยังไม่มี
อย่างเช่นคุณชายลู่แม้จะประกาศแต่งงานกับเวินจิ้ง แต่หลายเดือนมานี้แยกห้องกันอยู่กับเวินจิ้ง
อย่างเช่นคืนก่อนแต่งงานคุณชายลู่ไม่ได้กลับบ้าน เวินจิ้งก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไรสักนิด
เรื่องที่ลู่เซิ่นกับเวินจิ้งไม่ได้มีใจให้กันแต่กลับแต่งงานกัน คนรับใช้ถกเถียงกันไปหลายทาง บางคนรู้สึกว่าลู่เซิ่นเพียงแต่ใช้เวินจิ้งเพื่อผลประโยชน์เท่านั้น
งานแต่งงานจัดใหญ่โตเอิกเกริกขนาดนี้ แต่เจ้าสาวไม่เปิดเผยหน้าตาตั้งแต่ต้นจนจบ
“คุณชายลู่ทำไมไม่ให้คุณเวินจิ้งออกมาล่ะ” หญิงรับใช้คนหนึ่งถาม “มีอะไรน่าอายหรือไง“
คำถามนี้ของเธอได้รับการสนับสนุนจากหลายคน