บทที่ 1288 จ้านเซินกลับมาแล้ว
ด้านฉินซีแน่นอนว่าเธอไม่รู้ลู่เซิ่นทำอะไรบ้างเพื่อเธอ
เธอเพียงแต่เดินตามหลังถังย่าตามเส้นทางที่วางแผนไว้ก่อนเท่านั้น หลบเลี่ยงกล้องวงจรปิด ออกจากบ้านตระกูลลู่
เดินตามกำแพงออกมา แน่ใจว่าตัวเองออกมาพ้นอาณาเขตบ้านตระกูลลู่แล้ว ฉินซีก็หันไปมองแวบหนึ่ง
เธอไวมากพอ แต่ก็ยังถูกถังย่าสังเกตเห็น
ถังย่ากลับไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่ส่ายหน้าเบาๆ พูดขึ้น “เหลือเวลาไม่มากแล้ว ไปกันเถอะ”
ฉินซีเป็นคนวางแผนเอง เธอรู้ดีว่าทุกคนน่าจะอยู่ที่จุดนัดหมาย
แม้เธอกับถังย่าจะไม่ได้เข้าร่วมโดยตรงกับคนปฏิบัติงาน แต่ในเมื่อมาแล้ว ก็ต้องเคารพกฎ
ทั้งสองคนจึงไม่รอช้ารีบเร่งฝีเท้า จนในที่สุดก็ไปถึงฐานปฏิบัติการ
แต่ยังไม่ทันก้าวเข้าไป ฉินซีก็รู้สึกว่าบรรยากาศภายในผิดปกติ
เมื่อรู้ตัวว่ามีบางอย่างผิดปกติ เธอรีบรูดแหวนที่ยังสวมเมื่อครู่จากนิ้วมือข้างซ้ายมากำในอุ้งมืออย่างรวดเร็ว แล้วเอื้อมมือไปดึงให้ถังย่าหยุด อยากจะบอกเธอว่าบรรยากาศภายในผิดปกติ ให้เธอระวังตัวหน่อย สังเกตรอบๆ ก่อนค่อยเข้าไป
แต่ถังย่าว่องไวกว่าเธอ ขณะที่เธอเพิ่งจะเอื้อมมือไปจับแขนของถังย่า เท้าข้างหนึ่งของถังย่าก็ก้าวเข้าไปด้านในแล้ว
ฉินซีรู้สึกทันทีว่าถังย่ายืนเกร็งไปทั้งตัว
ลางสังหรณ์ในทางร้ายวาบขึ้นในใจเธอ
ค่อยๆ เงยหน้าขึ้น…
“พวกเธอไปไหนมา” จ้านเซินน้ำเสียงเหมือนไม่ใส่ใจ แต่สายตาเหมือนเรดาร์ กวาดตามองถังย่ากับฉินซี
ฉินซีอึ้ง
จ้านเซินหรือ
เขามาที่นี่ได้ยังไง
เรื่องอาวุธจัดการเรียบร้อยแล้วหรือ
เหมือนจะรู้ว่าเธอสงสัย จ้านเซินพูดขึ้นเรียบๆ “เรื่องเมื่อวานทีแรกผมจะต้องไปเอง แต่พอเครื่องบินไปได้ครึ่งทางพวกนั้นก็โทรมาบอกว่าจัดการเรียบร้อยแล้ว ผมคิดว่าในเมื่อบินออกมาแล้ว กลับไปก็เสียเที่ยวเปล่า สู้มาดูหน่อยพวกคุณทางนี้มีความคืบหน้ายังไงบ้างจะดีกว่า ถ้าเรียบร้อยแล้ว จะได้พาคุณกลับไปด้วยกัน”
ใบหน้าฉินซีไม่แสดงอารมณ์ เพียงแต่พยักหน้ากับคำอธิบายของเขา
แน่นอนว่าเธอไม่มีทางเชื่อคำพูดใดๆ ของจ้านเซินง่ายๆ
ไม่ว่าเขาจัดการเรื่องเรียบร้อยแล้ว หรือว่าสงสัยเธอถึงได้กลับมา ก็ไม่สำคัญแล้ว
สำคัญที่…ถ้าจ้านเซินเกิดสงสัย…
“ตกลงพวกคุณไปไหนมากันแน่” จ้านเซินถามอีกรอบ มองฉินซีที่จับแขนถังย่า ใบหน้าคล้ายจะยิ้ม “เมื่อก่อนไม่เคยเห็นพวกคุณสนิทกันขนาดนี้ คุยเรื่องความหลังนี่ช่วยกระชับความสัมพันธ์ขนาดนี้ อึม?”
ฉินซีอึ้ง อ้าปากจะอธิบาย ถังย่ากลับแซงพูดขึ้นก่อน
“เมื่อวานพวกเราไม่มีอะไรทำ คุยเล่นกัน รู้สึกว่าสนุกดีก็แค่นั้น สนิทสนมอะไรกันคะ”
เสียงของถังย่าเป็นธรรมชาติ คล้ายกับความสนิทสนมกับฉินซีเป็นเพียงสิ่งที่จ้านเซินคิดไปเอง
ถ้าเป็นคนอื่น คำพูดของถังย่าอย่างนี้คงจะทำหน้าไม่ถูก แต่ฉินซีเข้าใจความหมายของเธอทันที
เธอจึงปรับอารมณ์ตัวเองเล็กน้อย ดึงมือตัวเองกลับให้เป็นธรรมชาติที่สุด ยิ้มตอบ “ผู้หญิงสองคนคุยกันทั้งคืน ก็ต้องเข้าใจกันมากขึ้นแค่นั้นค่ะ”
สีหน้าของจ้านเซินดูไม่ออกว่าเชื่อหรือไม่ แต่เขาก็ไม่ได้ซักถามอะไรต่อ เพียงแต่กวาดสายตามองหน้าทั้งสองคน ราวกับอยากจะมองทะลุความคิดของทั้งสองคน
“งานเลี้ยงกลางวันบ้านตระกูลลู่…ใกล้เลิกแล้วครับ”
สายตาของจ้านเซินถูกคนที่มารายงานข้างๆ ขัดจังหวะ
เขาหันไป มองคนที่มารายงานเย็นชา
คนนั้นรู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว
เดิมทีนี่ไม่ใช่ภารกิจสำคัญอะไร เมื่อได้ยินหัวหน้าบอกว่าจ้านเซินจะมาด้วยตัวเอง เขากังวลอยู่ค่อนคืน กระทั่งคืนวานได้ยินจ้านเซินมีธุระกะทันหันไม่อยู่ ค่อยโล่งใจ
นึกไม่ถึง เขาจะกลับมา
…เรื่องนี้มันเป็นยังไงกันแน่
ขณะที่ถูกสายตาของจ้านเซินมอง เขารู้สึกว่าคงไม่มีวันเข้าใจแน่
เวลานี้เองจ้านเซินดึงสายตากลับ
“ไปได้”
เสียงของเขาแผ่วเบา คนนั้นเหมือนได้รับอภัยโทษ รีบร้อนออกไป
จ้านเซินหันกลับมา เห็นว่าถังย่ากับฉินซีเข้ามาในห้อง นั่งบนโซฟาเรียบร้อยแล้ว
โซฟาหนังสำหรับสามคน ที่นั่งของแต่ละคนกว้างขวาง ฉินซีกับถังย่านั่งข้างกัน ไม่ได้นั่งด้วยกัน แต่ก็ไม่ตั้งใจนั่งห่างกันเกินไป สีหน้าแลดูปกติมาก
จ้านเซินขมวดคิ้วนิดๆ
ยิ่งปกติ ยิ่งทำให้เขารู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ
แม้ว่าเขาไม่มีหลักฐานใดๆ แต่…สัญชาตญาณกลับบอกว่า ฉินซีกับถังย่ามีอะไรแปลกๆ
จ้านเซินสะกดความสงสัยไว้ ไม่ได้ซักถามต่อ แต่เดินไปข้างๆ ทั้งสองคน นั่งลงตรงโซฟาที่นั่งตรงข้าม
อีกครั้งที่รู้สึกว่าสายตาของจ้านเซินกวาดตามอง ในใจของฉินซีรู้สึกเกร็งอีกครั้ง
เธอพยายามควบคุมกล้ามเนื้อบนใบหน้าตัวเอง ทำให้สีหน้าของตัวเองดูไม่ออกว่าผิดปกติ
แต่ในหัวของเธอกลับหมุนอย่างรวดเร็ว
ดีที่ก่อนเข้ามา สัญชาตญาณของเธอถอดแหวนออก ไม่อย่างนั้นถ้าจ้านเซินมองเห็นเข้าล่ะก็ ความลับแตกแน่นอน
แต่สุดท้ายก็รีบร้อนไปหน่อย ในเวลาสั้นๆ ไม่กี่วินาที อาศัยตอนที่จ้านเซินหันไปสนใจคนที่เข้ามารายงาน หย่อนแหวนในมือลงในกระเป๋ากางเกง
แต่ภายใต้แรงกดดันจากสายตาค้นหาความจริงของจ้านเซิน เพราะความกังวลในหัวของเธอจนเกิดความสงสัยอย่างบอกไม่ถูก
หย่อนแหวนลงในกระเป๋าแล้วใช่มั้ย ไม่ได้หล่นลงไปข้างนอกแน่นะ
กางเกงค่อนข้างรัด นั่งแล้วจะเห็นรอยแหวนมั้ยนะ
ความสงสัยพวกนี้ทำให้มือเธอมีเหงื่อเย็นซึมออกมา
เธอไม่กล้าหันไปมองถังย่า กลัวว่าตัวเองทำอะไรบุ่มบ่ามจะทำให้จ้านเซินเกิดสงสัยขึ้นมา และกลัว…ถังย่าแปรพักตร์กะทันหัน
ถ้าเป็นตอนที่เธอเพิ่งกลับมาองค์กร คงจะไม่หวาดหวั่นอะไร
อย่างมากก็ตาย แค่ชีวิตหนึ่ง ถ้าจ้านเซินต้องการปลิดชีวิตเธอ กลับกลายเป็นการปลดปล่อยและมอบอิสรภาพให้เธอเองกับมือ
แต่ตอนนี้เธอจะคิดตื้นๆ อย่างนั้นไม่ได้
เธอแต่งงานกับลู่เซิ่นเป็นคนคนเดียวกันแล้ว พวกเขาเพิ่งสาบานต่อหน้าพระเจ้า เพิ่งกล่าวคำสาบานฉันยินดี
ดังนั้นเธอจะต้องมีชีวิตต่อไป ยืนหยัดต่อไป ถึงจะมองเห็นความหวัง
แต่จ้านเซินไม่รีบเอ่ยปาก สายตาของเขาราวกับมีแก่นแท้ เหมือนตาข่ายผืนหนึ่ง กดแรงๆ ลงบนตัวฉินซี
ความสงสัยตัวเองในหัวฉินซีค่อยๆ เข้ามาครอบครองทั้งสมอง
เขาดูออกหรือไม่นะ
เขารู้แล้วหรือยังนะ
ฉันซ่อนไม่ดีพอหรือเปล่านะ
ถ้าใช่ จะทำยังไงดี
ฉินซีแทบจะได้ยินเสียงที่พรั่งพรูในหัวของตัวเอง
นิ้วมือที่อยู่ข้างตัวหยิกตัวเองอย่างรวดเร็วทีหนึ่ง
มีสติ ฉินซี พูดกับตัวเอง
จ้านเซินกำลังเล่นเกมจิตวิทยา