บทที่ 1290 คดเคี้ยว
ถึงแม้ในใจฉินซีไม่สงสัยใดๆ กับเรื่องที่ถังย่าบอกเธอและ ความจริงที่ถังย่ามีใจให้จ้านเซินแล้ว แต่เมื่อเห็นเหตุการณ์ด้วยตัวเอง ก็ยังรู้สึกตกใจอยู่บ้าง
เท่าที่ฉินซีจำได้ ถังย่าปรากฏตัวพร้อมกับจ้านเซินต่อหน้าเธอ แค่สองครั้งเท่านั้น
ครั้งหนึ่งก็คือตอนที่เธออายุสิบปียังอยู่ที่ค่ายฝึก จ้านเซินพาเธอไปจากถังย่า พวกเขาสองคนดูเหมือนไม่ได้พูดอะไรกัน ฉินซีจึงไม่มีความประทับใจอะไรเป็นพิเศษ
อีกครั้งหนึ่งก็คือไม่กี่เดือนก่อน จ้านเซินแสร้งทำเป็นลูกน้องของถังย่าเพื่อใกล้ชิดกับฉินซี เพียงแต่ครั้งนั้นพวกเขามีเจตนาแอบแฝง ต่อหน้าฉินซียังตั้งใจปลอมแปลงสถานะ ฉินซีจึงมองไม่เห็นเบาะแสอะไร
แต่ตอนนี้…เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นความสัมพันธ์ของพวกเขาสองคนตรงๆ
ท่าทางของถังย่าไม่เหมือนจงใจ เหมือนกับความเคยชินจนกลายเป็นธรรมชาติมากกว่า เหมือนกับความห่วงใยของเธอที่มีต่อจ้านเซินไม่ต้องใช้กล้ามเนื้อสมองจดจำ
ขณะที่จ้านเซินก็ยอมรับอย่างเป็นธรรมชาติ ราวกับถังย่าทำอย่างนี้เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว
เวลาอย่างนี้เอง คนนอกมองเห็นทุกอย่างชัดเจน
คนทั้งสองที่อยู่ในสถานการณ์ดูเหมือนจะไม่รู้สึกว่าการกระทำต่อกันของคนทั้งคู่ใกล้ชิดสนิทสนมกันแค่ไหน การแสดงออกสอดประสานกันมาก ดูอย่างนี้แล้ว คงจะเคยชินกับการอยู่ร่วมกันมานานแล้ว
ฉินซีขมวดคิ้วนิดๆ
ขนาดนี้แล้ว…จ้านเซินยังไม่รู้สึกอีกหรือว่าถังย่าคิดอะไร
เบื้องหลังจ้านเซินที่เดินจากไปไม่ลังเลสักนิด ไม่มีสายตาเผื่อมองถังย่าแม้แต่น้อย ราวกับไม่คิดอะไรกับถังย่าจริงๆ
รู้แล้วแต่แกล้งทำเป็นไม่เห็น หรือไม่รู้สึกแม้แต่นิดเดียว
ฉินซีไม่รู้ว่าจ้านเซินคือแบบไหนกันแน่
“เธอมองอะไรหรือ”
เสียงของถังย่าดังขึ้นข้างหูฉินซีเบาๆ ขัดจังหวะความคิดของเธอ
ฉินซีรีบหันไป
…เมื่อครู่ต่อหน้าถังย่าโดยไม่ตั้งใจ จ้องมองจ้านเซินนานเกินไปหรือเปล่า
สายตาของถังย่ามีความหมายลึกซึ้ง ฉินซีรีบละสายตา ยิ้มให้ถังย่า “ไปกันเถอะ คนข้างหน้าเดินไปไกลแล้ว”
ถังย่ากวาดตามองเธออีกที ความหมายในสายตานั้นไม่ชัดเจน เพียงแต่พยักหน้า
ทั้งสองคนรีบก้าวเท้าตามคนนำทางข้างหน้า
ฉินซีเป็นคนกำหนดแผนเอง เธอเลือกจุดโจมตีห่างจากฐานขององค์กรไม่ไกลนัก
ฐานคือตึกที่พักเก่าแห่งหนึ่ง กล้องวงจรปิดบริเวณใกล้เคียงเสียไปมาก จึงมีจุดบอดหลายแห่ง และความสูงของตึกไม่เท่ากัน กลายเป็นการปกป้องที่ดีอย่างหนึ่งพอดี ที่สำคัญที่สุดคือ เนื่องจากอาคารที่ผิดกฎหมายจำนวนมาก ทำให้ถนนในบริเวณนี้แคบคดเคี้ยว ถ้าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ก็เป็นเรื่องปกติมาก
ขณะที่ฉินซีวิเคราะห์เส้นทางของคนนั้น ก็รู้สึกไม่เข้าใจหลายอย่าง
เธอไปบ้านตระกูลลู่หลายครั้ง ทุกครั้งเดินจากตรงนี้
เห็นๆ ว่ามีเส้นทางที่ระยะห่างเหมือนกันหลายเส้น ทุกเส้นทางเป็นถนนตัดตรง แต่เขากลับไม่เลือก
ฉินซีไม่คิดว่าคนขับรถกล้าจะทำเรื่องอะไร คงจะเป็นเธอเองที่เลือกเป้าหมายที่จะโจมตี
เธอไม่เข้าใจ แต่ก็ไม่ได้ติดใจอะไร
ในเมื่อ…ขอแค่ไม่กระทบผลสุดท้าย รายละเอียดไม่จำเป็นต้องคิดมาก
เพราะห่างกันไม่ไกลมาก ฉินซีกับถังย่าเดินไม่นานก็หยุดพัก
พวกเธอสองคนไม่ใช่คนปฏิบัติแผนคนสุดท้าย จึงไม่เข้าใกล้จุดสุดท้ายมากเกินไป เพียงแต่แอบอยู่เบื้องหลัง
ท้องฟ้าค่อยๆ มืดมิดลง
ถังย่าไม่พูดอะไร ความคิดของฉินซีอดไม่ได้ที่จะล่องลอยไปที่บ้านตระกูลลู่
ที่นั่นคงกำลังจัดงานเลี้ยงใช่มั้ย
จะครึกครื้นแค่ไหนกันนะ
ลู่เซิ่นไปร่วมงานเลี้ยงคนเดียว หรือว่า…พาเจ้าสาวในนามคนนั้นไปด้วย
แม้ว่าเธอจะรู้ความจริงทุกอย่าง รู้ว่าลู่เซิ่นกับเวินจิ้งไม่มีอะไรกัน แต่เมื่อนึกถึงลู่เซิ่นพาเวินจิ้งไปร่วมงานเลี้ยง ฉินซีพบว่าตัวเองไม่มีทางใจกว้างได้
ความเงียบของทั้งสองคนถูกถังย่าขัดขึ้น
“เมื่อกี้เธอ…ดูอะไรหรือ”
น้ำเสียงของเธอปิดบังความกังวลไม่มิด ความกังวลที่ทำให้ฉินซีอยากหัวเราะ
แต่เธอรู้ดีว่าถ้าหัวเราะออกมาตอนนี้คงจะทำให้เสียเรื่อง การแสดงออกจึงเหมือนเดิม หันไปมองถังย่า “ฉันแค่…รู้สึกว่าจ้านเซินความรู้สึกช้าจริงๆ”
ถังย่าเลิกคิ้ว หมายความให้ฉินซีอธิบาย
ฉินซีส่ายหน้า “เธอดูสายตาของเขาสิ น้ำเสียงกับท่าทางเวลาพูด แสดงออกเรื่องเดียวกัน”
ถังย่านิ่งไป แต่ความขมขื่นวิ่งขึ้นมาบนใบหน้าอย่างรวดเร็ว
เธอส่ายศีรษะ ก้มหน้าพูดเสียงแผ่วเบา “ใช่ว่าฉันไม่เคยสงสัย เขารู้แล้วหรือไม่ แต่เธอก็รู้นี่นา ถ้าเขารู้แล้ว เทียบกับแกล้งทำเป็นไม่รู้ เป็นไปได้มากกว่าที่…”
ริมฝีปากถังย่าขยับนิดหนึ่ง ไม่พูดต่อจนจบ แต่ฉินซีก็เข้าใจแล้วว่าเธออยากจะพูดอะไร
เมื่อดูจากนิสัยของจ้านเซิน ถ้าเขารู้แล้วว่าถังย่ามีใจให้ ไม่น่าจะแกล้งทำเป็นไม่เห็น แต่คงจะเลือกให้ถังย่าไปจากองค์กร
แต่เขาก็ไม่ได้ทำเช่นนั้น
ฉินซีเม้มปาก ไม่พูดเรื่องนี้ต่อ หันมาถาม “เธอคิดว่า…ฉันดูอะไรอยู่หรือ”
ถังย่าชะงัก แล้วยิ้มออกมา “เธอไม่รู้หรือ”
แน่นอนว่าฉินซีเข้าใจ เธอคิดว่าฉินซีกำลังมองจ้านเซิน
สำหรับถังย่าแล้วเธอเหมือนหนามทิ่มแทง
ถึงแม้ฉินซีจะไม่รู้สึกอะไรกับจ้านเซิน กระทั่งอยากจะหนีจากองค์กรอยู่ตลอดเวลาด้วยซ้ำ แต่…จ้านเซินมีใจให้เธอ
ถ้าถังย่าไม่ใช่คนที่เข้าใจอะไรดี คงจะเห็นฉินซีเป็นศัตรู
ยังดีที่เธอไม่เป็นอย่างนั้น
เธอคงจะใช้ความรักทั้งหมดกับจ้านเซินเพียงคนเดียว กับคนอื่นๆ ใช้แต่ทัศนคติที่เย็นชาที่สุดวิเคราะห์ข้อดีข้อเสียเท่านั้น
นี่คือเหตุผลที่ฉินซีเลือกที่จะไว้ใจเธอ
เพราะการผลักฉินซีออกไป แต่งงานกับลู่เซิ่น สำหรับถังย่าแล้ว เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
ถ้าเธอหักหลัง รายงานตัวเอง ก็มีแต่ทำให้จ้านเซินคุมเข้มมากขึ้น มีประโยชน์กับตัวเองยิ่งขึ้น
ไม่มีใครจะทำเรื่องที่ส่งผลเสียต่อตัวเอง
ฉินซียิ้มนิดๆ กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ก็มีเสียงเบรกรถเสียงดังเอี๊ยดมาจากไกลๆ จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงชนกระแทกดังสนั่น
ฉินซีสีหน้าเย็นเยือก
ถังย่าลุกขึ้นยืน
…พวกเธอสองคนรู้ว่ามันหมายความว่าอะไร
การโจมตีเสร็จสิ้นแล้ว
ชาวบ้านที่อยู่รอบข้างทยอยกันเปิดไฟสว่างเพราะเสียงรถชน มีบางคนโผล่หน้าออกมาดูทางหน้าต่าง คนขององค์กรที่จัดฉากอุบัติเหตุหายตัวไปนานแล้ว กลุ่มคนที่ออกมามุงดูมองเห็น แค่เพียงกองเลือดตรงจุดเกิดเหตุและคนขับรถที่ตะลึงไม่รู้จะทำอย่างไรดี
ฉินซีกับถังย่าหันมามองตากัน ตัดสินใจว่าจะกลับ
นึกไม่ถึง ขณะที่พวกเธอกำลังจะขยับตัว ก็มีเสียงกรีดร้องดังมาจากทางสถานที่เกิดอุบัติเหตุ
“คุณปู่!”
เสียงร้องไห้ที่ดังมายังเป็นเสียงแหลมเล็ก เหมือนเสียงของเด็กน้อย
ฉินซีชะงักฝีเท้า
เธอจำได้ดี ในรถคืนวันนี้ ไม่น่าจะมีคนอื่น