บทที่ 1298 เป็นภาพลวงตาของตัวเอง
หลินหยังเดินไปได้เพียงครึ่งทาง ก่อนจะหันมารายงาน “คืนนี้มีงานเลี้ยงที่บริษัทหวางซื่อ ถ้าหากจะไป ตอนนี้ก็ทันอยู่นะครับ”
ลู่เซิ่นพยักหน้า “ไปเลย”
หลินหยังลังเลเล็กน้อยที่จะพูดอะไรบางอย่าง “ประธานลู่ครับ พ่อบ้านบอกว่าเตรียมของกินเล็กน้อยไว้ให้ ไม่อย่างนั้นคุณทานอะไรรองท้องสักหน่อยเถอะครับ ไปงานเลี้ยงต้องดื่มด้วย … “
ลู่เซิ่นไม่รู้ว่าตอนนี้เขาได้ยินอะไรอยู่หรือมีใครพูดอะไร เขาเพียงแค่พยักหน้านั้น
หลินหยังถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก่อนจะบอกผู้ช่วยให้เอาของไปเก็บบนรถ
ในใจเขาเต็มไปด้วยความสงสัยกับงานแต่งปีที่แล้ว
วันนั้นเห็นได้ชัดว่าลู่เซิ่นดูมีความสุขมาก ภาพตอนที่เขาหัวเราะตอนโยนดอกไม้ลงมาที่ระเบียง หลินหยังคิดว่าตัวเองรู้จักลู่เซิ่นมานาน แต่ครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่เขาเห็นเจ้านายตัวเองยิ้มมาจากหัวใจ
ถึงแม้ตอนนั้นเขาจะอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไม ลู่เซิ่นถึงยอมแพ้เรื่องฉินซี และไปแต่งงานกับเวินจิ้ง แต่ทว่าเมื่อเห็นรอยยิ้มที่มาจากใจของลู่เซิ่น ก็ทำได้เพียงแค่อวยพร
แค่เพียงเขามีความสุขก็ดีแล้ว ถ้าหากคู่สามีภรรยารักกันด้วยใจจริง อย่างน้อยลู่เซิ่นก็คงไม่ต้องทำงานล่วงเวลาจนดึกดื่น อารมณ์ไม่ดีจนทำให้ทั้งบริษัทมีแต่ความดันต่ำ
แต่ในไม่ช้า เขาก็ค้นพบว่าสิ่งที่เขาคิดนั้นมันง่ายเกินไปแล้ว
แต่ในไม่ช้าเขาก็ค้นพบว่าสิ่งที่เขาคิดนั้นเรียบง่ายเกินไป
งานแต่งงานของลู่เซิ่นไม่ได้ทำให้เขากลายเป็นชายที่รักและดูแลครอบครัว แต่มันกลับทำให้เขากลายเป็นคนที่บ้างานไปโดยสิ้นเชิง
ในวันที่สองของงานแต่งงาน ทุกคนสงสัยว่าลู่เซิ่นจะไปฮันนีมูนที่ไหน เขากลับพาหลินหยังมาที่บ้านใหญ่ตระกูลลู่ด้วยใบหน้าเย็นชา
คิ้วที่ขมวดของเขามันทำให้ทุกคนตกใจกลัวก็จริง แต่สิ่งที่เขาพูดในการประชุมนั้นน่ากลัวยิ่งกว่า
หลินหยังจดจำวันนั้นได้ดี
เช่นเดียวกับคนอื่นๆ ที่คิดเหมือนเขาว่า ลู่เซิ่นคงไม่ลุกออกจากเตียงมาทำงานแน่ในวันที่สองของการแต่งงาน ดังนั้นเขาจึงไม่แม้แต่จะตั้งนาฬิกาปลุก เตรียมพร้อมที่จะหลับฝันดี
แต่เขาถูกปลุกตอน 7โมงครึ่ง ของเช้าวันรุ่งขึ้น
ไม่ใช่คนอื่นที่เรียก แต่เป็นลู่เซิ่น
หลินหยังงัวเงีย แต่ก็ยังรับโทรศัพท์
เสียงของลู่เซิ่นสงบนิ่ง ดูเหมือนว่าเขาจะตื่นมานานแล้ว
“วันนี้แกจะอู้งานหรือไง?”
เสียงของเขาเย็นชาจนหลินหยังที่ฟังผ่านโทรศัพท์ขนลุก
“ผมจะรีบไปครับ”
เขาไม่กล้ารีรอ รีบจัดการตัวเอง และมุ่งหน้าไปหาลู่เซิ่น
ลู่เซิ่นดูเหมือนว่าจะเข้าใจที่เขาทำตัวผิดปกติ แต่ก็ไม่ได้ตำหนิอะไร ทำเพียงแค่มองเขาจากบนลงล่าง พยักพเยิดหน้าไปทางรถ ก่อนพูด “ไปกันได้แล้ว”
หลินหยังกลับรู่สึกแข้งขาอ่อนแรงไปหมด หลังจากเข้ามาในรถแล้ว จึงรับรู้ได้ผ่านทางความรู้สึกว่า วันนี้ลู่เซิ่นน่าจะอารมณ์ไม่ดี
เพิ่งแต่งงานนะ เกิดเรื่องอะไรที่ทำให้รู้สึกไม่ดี
หลินหยังนึกไม่ออก
อาจเป็น … ภาพลวงตาของที่ตัวเองสร้างขึ้น?
หลินหยังไม่กล้ามองลู่เซิ่นผ่านกระจกหลัง ได้แค่คิดในใจเงียบๆ
แต่เมื่อมาถึงบริษัท เขาก็รู้ว่าไม่ใช่ภาพลวงตาแต่อย่างใด
อารมณ์ของลู่เซิ่นไม่ดีจริงๆ
อาจจะเป็นเพราะว่าทุกคนคิดว่าวันนี้ลู่เซิ่นคงไม่มา หรือบางทีอาจจะจมอยู่กับความสุขในงานแต่งงานของลู่เซิ่นเมื่อวาน ถึงแม้คนในตระกูลลู่ทั้งหมดจะปฏิบัติตัวตามกฎระเบียบ แต่เมื่อพิจารณาอย่าละเอียดแล้ว ก็ยังสามารถสัมผัสได้ถึงกับความรู้สึกผ่อนคลายอีกด้วย
แต่ความผ่อนคลายนี้ทำให้ลู่เซิ่นขมวดคิ้วแน่น
“ไปเรียกผู้บริหารระดับสูงทั้งหมดมารวมตัวกันในห้องประชุม เริ่มประชุมได้”
เขาทิ้งประโยคอย่างเย็นชา และเดินเข้าไปในห้องทำงาน
ผู้ช่วยรวมถึงหลินหยังต่างก็ขยิบตาให้กันเพื่อส่งสัญญาณบางอย่าง
วันนี้ประธานลู่อารมณ์ไม่ดี ให้อยู่ห่างๆ เขาไว้
เมื่อผู้บริหารระดับสูงของทั้งบริษัทมารวมกัน เห็นได้ชัดว่าอารมณ์ของลู่เซิ่นยิ่งไม่ดี
เขานั่งอยู่ตรงเก้าอี้ประธานด้วยท่าทางที่ดูเหมือนผ่อนคลาย แต่คิ้วที่ผูกเป็นปม กับสายตาที่มองมายังพวกเขานั้น มันดูไม่เป็นมิตร
เมื่อทุกคนนั่งลง ไม่รอช้าเขาก็เปิดไมโครโฟน และทิ้งระเบิดลงตั้งแต่ประโยคแรก
“ทุกคนเอาโทรศัพท์ออกมาเปิดดูประกาศล่าสุดของบริษัทเดี๋ยวนี้”
ทุกคนต่างมองกันไปมา ไม่รู้ว่าลู่เซิ่นคิดจะทำอะไรอีก ทำได้แค่นำโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดค้นหาตามคำสั่งของเขา
แต่ไม่นาน ภายในห้องประชุมพลันเงียบกริบจนได้ยินเสียงเครื่องปรับอากาศ
ประกาศของบริษัทสั้นและกระชับ ใจความว่า เมื่อวานนี้ลู่เซิ่นได้กว้านซื้อหุ้นทั้งหมดของอารองและอาสาม และยังซื้อหุ้นธุรกรรมในตลาดรอง ตอนนี้เขามีสัดส่วนถือหุ้นมากกว่า 40 เปอร์เซ็นต์ กลายเป็น ผู้ถือหุ้นรายใหญ่อย่างแท้จริง
ทุกคนไม่รู้ว่าจะเริ่มจากประโยคไหน
จำนวนหุ้นของเขา หรือว่า ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ หรือว่า รับหุ้นทั้งหมดของอารองและอาสาม หรือว่า ทั้งหมดนี้เสร็จสมบูรณ์เมื่อวันก่อน
ไม่มีใครไม่รู้ว่าเมื่อวันก่อนคืองานแต่งงานของลู่เซิ่น ปกติเจ้าบ่าวจะรออยู่ที่บ้านเกิดเมืองนอนอย่างแสนหวานเพื่อรอคอยการแต่งงานวันพรุ่ง คงจะมีเพียงลู่เซิ่นเท่านั้นที่เตรียมการซื้อหุ้น
หลังจากทุกคนรับรู้ข่าวของเขาด้วยความลำบาก ลู่เซิ่นจึงเคาะโต๊ะ “ดูเหมือนทุกคนจะเข้าใจทุกอย่างแล้วนะ นี่คือจุดประสงค์ของการประชุมครั้งนี้”
เห็นได้ชัด ว่าที่เขาเรียกทุกคนมาที่นี่ ไม่ใช่เพียงแต่จะแค่ประกาศข่าวนี้
“อารองและอาสาม เคยทำคุณประโยชน์ให้กับบริษัทนี้มามาก แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง ทำให้เขาสมัครใจที่จะโอนหุ้นให้ฉัน และถอนตัวจากการเป็นผู้บริหารของบริษัทลู่ซื่อ”
เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เบา ทำให้ผู้คนสงสัยว่า “เหตุผล” ที่ยอมปล่อยมือจากหุ้นอันล้ำค่านั้นคืออะไร
แต่ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมาในตอนนี้ ทำได้เพียงส่งสายตาหากัน
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ลู่เซิ่นก็ยิ้มออกมาแผ่วเบา “แม้ว่าพวกเขาจะพยายามอย่างเต็มที่ แต่อารองและอาสามก็แก่มากแล้ว บางครั้งก็เป็นเรื่องง่ายที่พวกเขาจะถูกหลอก จะตัดสินใจบางอย่าง บางครั้งก็ไม่ถูกต้อง ถึงอย่างไรเขาก็อายุเยอะแล้ว ก็เข้าใจได้ว่าจะมีการสับสนเล็กน้อยบ้าง ถึงจะแข็งแกร่ง ทว่ากลับมองสถานการณ์ไม่ขาด ก็จะทำให้คนเข้าใจยาก”
ลู่เซิ่นกล่าวขึ้นมาลอยๆ แต่คนที่ฟังก็สามารถเดาได้ลางๆว่าเขาพูดถึงใคร
เกือบจะทุกคนที่รู้ว่ากำลังหมายถึงใคร
คนสับสนที่ลู่เซิ่นกำลังพูดถึง ถูกค้นพบอย่างรวดเร็ว
– เป็นผู้จัดการทั่วไปที่ถูกย้ายโดยอารองและอาสาม
ขณะนี้ใบหน้าของเขามีแต่ความหม่นหมอง ทำได้เพียงก้มหน้าอย่างรู้สึกผิด
หลินหยังเศร้าเล็กน้อยเมื่อมองไปที่เขา
ผู้จัดการทั่วไปคนนี้ เป็นคนที่ลู่เซิ่นสอนงานมาเองกับมือ ถ้าหากไม่ใช่เพราะเกิดเรื่องนี้ขึ้นแล้ว หลินหยังก็นึกไม่ถึง ว่าเขาจะเป็นคนที่โลภขนาดถูกอารองและอาสามชักจูงได้ง่ายๆ ถูกล่อลวงและทรยศลู่เซิ่น