บทที่ 1307 พูดไม่พูด
บอกได้ว่า ห้องนี้มีคนเข้ามาเอาเอกสารฉบับนี้ไปได้ตลอดเวลา
ความสนใจของฉินซีถึงขีดจำกัด ระหว่างถ่ายรูปเอกสารซ้ำไปซ้ำมา ตรวจสอบให้มั่นใจว่าไม่มีอะไรตกหล่น พลางจับตาดูการเคลื่อนไหวที่นอกประตู เพื่อป้องกันคนจะเข้ามากะทันหัน
ดีหน่อยที่ห้องโดยสารด้านล่างไม่เก็บเสียงเท่าด้านบน เธออยู่ตรงนี้ยังพอได้ยินเสียงคนที่ทางเดินบ้าง
เอกสารไม่ถือว่ามาก ทั้งหมดมีประมาณสิบกว่าหน้า ดังนั้นฉินซีจึงถ่ายรูปได้เสร็จภายในไม่กี่นาที
ขณะที่เหลือหน้าสุดท้ายหน้าเดียว มีเสียงฝีเท้าเดินมาจากที่ไกลๆ ตรงทางเดิน
ฉินซีขมวดคิ้ว
เธอขยับตัวเร็วขึ้นอีกนิด ถ่ายหน้าสุดท้ายไว้อย่างรวดเร็ว มั่นใจว่าตัวเองได้ไม่มีปัญหา และรีบเอาเอกสารกลับเข้าไปไว้ในลิ้นชักตามเดิม ปิดล็อกลิ้นชัก รีบลุกขึ้นยืนและถอยออกไปจากห้องนี้อย่างรวดเร็ว
เสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
ฉินซีแทบจะมั่นใจว่า น่าจะเป็นคนที่มาเอาเอกสารในห้องนี้มาแล้ว
หัวใจของเธอเต้นแรงมาก แต่การเคลื่อนไหวกลับรวดเร็ว ภายในไม่กี่วินาทีก็ออกจากห้องกระโดดมาอยู่ที่ระเบียงแล้ว ถอดเครื่องรบกวนสัญญาณกล้องวงจรปิดออกจากตัว และหนีออกมาอย่างรวดเร็ว
เสียงฝีเท้าหยุดตรงที่หน้าประตูห้อง
ฉินซีมั่นใจว่าวางทุกอย่างไว้ดีแล้ว จากนั้นจึงเปิดประตูระเบียงออกไป
แทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่ประตูห้องโดยสารเปิดออก ฉินซีปิดประตูระเบียง และปีนกำแพงกระโดดลงไปอีกครั้ง
คนที่เปิดประตูเข้ามา คือผู้ช่วยทั้งสองคนของเป้าหมาย ชายหนึ่งหญิงหนึ่ง
หลังจากที่ผู้ช่วยสาวเดินเข้ามา เกือบจะเป็นปกติ มองมาทางระเบียงแวบหนึ่ง
ผู้ช่วยชายเห็นเธอหยุดนิ่ง จึงก้มลงถาม : “มีอะไร?”
ห้องไม่ได้ปิดผ้าม่าน ดังนั้นแค่มองที่ระเบียงแวบเดียวก็จะเห็นชัดเจน บนนั้นไม่มีใครอยู่
ผู้ช่วยสาวได้แต่คิดว่าโรคขี้สงสัยของตัวเองกำเริบอีกแล้ว จึงส่ายหน้า : “ไม่มีอะไร ฉันน่าจะดูผิดไป”
ไม่งั้นจะมีเงาคนหายไปจากระเบียงได้ยังไง?
ผู้ช่วยชายเห็นเธอไม่พูดอะไร จึงไม่ถามอะไรต่อ สองคนเดินตามกันเข้ามาในห้อง แตะลายนิ้วมือเพื่อปลดล็อก หยิบเอกสารออกมา และเดินตามกันออกไปอีกครั้ง
ก่อนจะปิดประตู ผู้ช่วยสาวมองที่ระเบียงอีกครั้ง
นี่เป็นชั้นห้า
เธอคิดในใจ ไม่น่าจะมีใครกระโดดลงไปจากตรงนี้
คิดได้อย่างนี้ ความกังวลในใจเธอก็สลายไปทั้งหมด และเดินจากไปพร้อมกับผู้ช่วยชาย
……
ขณะที่ลู่เซิ่นกลับมา ฉินซีนั่งอยู่ที่โซฟา
เธอผูกผมไว้ แต่ไม่รู้ทำไมถึงดูเหมือนง่วงนอนนิดหน่อย และหลับไปบนโซฟา
หลินหยังหยุดอยู่ที่นอกประตูไม่ได้เดินเข้ามา และยังช่วยปิดประตูให้ลู่เซิ่นด้วย
ลู่เซิ่นดื่มเหล้ามานิดหน่อย แต่ว่าสมองเขายังไม่เมา เดินไปที่ฉินซีพลางใช้อีกมือหนึ่งถอดเนกไทออก เมื่อเดินถึงตรงหน้าฉินซี ก็ถอดเนกไทออกได้พอดีและโยนไปไว้อีกด้านหนึ่ง
“ฉินซี?” ลู่เซิ่นเรียกเบาๆ “โซฟานอนไม่สบาย เดี๋ยวจะหนาวจนเป็นหวัดเลย”
ดูเหมือนฉินซีจะไม่ได้หลับลึก เสียงของลู่เซิ่นเบาขนาดนั้น เธอยังตื่นขึ้นมา
ลู่เซิ่นเห็นเธอค่อยๆ ลืมตา ดวงตาคู่นั้นดูง่วงนอน มองมาที่ตัวเอง หัวใจก็ค่อยๆ อบอุ่นลงมา
“ง่วงแล้ว?” เขาพูดเสียงเบา คิดจะยื่นมือไปอุ้มฉินซีขึ้นมา “งั้นไปนอนบนเตียง”
ฉินซีกะพริบตา สติค่อยๆ กลับมา ส่ายหน้าและดันลู่เซิ่นออก ลุกขึ้นนั่งด้วยตัวเอง
“ไม่อยากนอน?” ลู่เซิ่นหัวเราะเบาๆ ปลดกระดุมเสื้อเม็ดแรกออก พุ่งเข้าเข้าไปข้างตัวฉินซี “งั้นหาอะไรน่าสนใจทำกัน”
เขาพูดจบ กำลังเตรียมตัวจะเข้าใกล้อีก แต่กลับโดนฉินซีดักไว้
“คุณเมาแล้วหรือ?” ฉินซีถาม
น่าจะเป็นเพราะเพิ่งตื่นได้ไม่นาน เสียงยังขึ้นจมูกฟังดูงง ทำให้ใจของลู่เซิ่นหวั่นไหว
“นิดหน่อย” เขาพูดพลางถอดเสื้อคลุมออกและโยนไปอีกด้านหนึ่ง
ตามความสามารถด้านการดื่มของลู่เซิ่นแล้ว คืนนี้เขาดื่มไปไม่กี่แก้วไม่ถึงกับทำให้เขาเมา แต่เพราะเขาเห็นฉินซีแล้วรู้สึกฮึกเหิมขึ้นมาง่ายๆ เหมือนเลือดในตัวพร้อมจะพุ่งทะลักออกมา
แต่สีหน้าของฉินซีบอกปฏิเสธอย่างชัดเจน
ดังนั้นเมื่อลู่เซิ่นเห็นสีหน้าเธอชัดเจน การเคลื่อนไหวจึงค่อยๆ ช้าลง
ท่าทางฉินซีอย่างนี้ เห็นได้ชัดว่ามีอะไรอยากจะพูด
“เป็นอะไรไป?” เขามองตาฉินซี
ฉินซีลดสายตาลงเพื่อหลีกเลี่ยงดวงตาของเขา ลังเลอยู่ไม่นานจึงเอ่ยว่า : “คุณ…วันนี้คุยธุรกิจใช่ไหม?”
สีหน้าของลู่เซิ่นค่อยๆ จริงจังขึ้นตามคำพูดของเธอ
ทั้งสองคนรู้จักกันมานาน ถึงแม้จะเป็นตอนที่ความรู้สึกดีที่สุด ฉินซีก็ไม่เคยเอ่ยปากถามเรื่องธุรกิจเลย
วันนี้ทำไมถึงถามอะไรแบบนี้ขึ้นมากะทันหัน?
ลู่เซิ่นรู้สึกดีใจที่คืนนี้เขายังมีสติชัดเจนสมบูรณ์ดี ครั้งนี้สามารถวิเคราะห์ได้อย่างรวดเร็ว
เขามั่นใจว่าฉินซีไม่ใช่คนที่จะยื่นมาเข้ามาแทรกในธุรกิจของตนเอง และก็ไม่เหมือนคนที่จะคำถามแบบนี้ได้ตามใจ นอกจากนี้การแสดงออกของเธอยังบ่งบอกชัดเจนว่ามีบางอย่างในใจ
งั้น…ที่เธอถามขึ้นมากะทันหันอย่างนี้ น่าจะมีเรื่องอะไรอยากจะถามตนเอง
ความคิดของลู่เซิ่นรวดเร็ว เข้าใจได้ในไม่ช้า แสดงสีหน้าออกมาอย่างไม่ตั้งใจและพยักหน้า ตอบว่า : “ใช่ คุยเรื่องบ่อน้ำมันแห่งหนึ่ง”
เขาดูเหมือนไม่ตั้งใจเปิดเผยเนื้อหาธุรกิจของตัวเองที่คุยในคืนนี้ พลางใช้สายตามองสำรวจฉินซี
ฉินซีแสดงอาการลังเลออกมาอย่างชัดเจน เมื่อได้ยินเขาพูดว่า “บ่อน้ำมัน” สองคำ
แน่นอน เธอน่าจะมีอะไรที่อยากจะคุยกับตนเอง
ลู่เซิ่นยังคงลองเชิงต่อไป : “มีอะไร? ฉันออกไปคุยธุระ ทิ้งเธอไว้ที่นี่ เธอไม่พอใจหรือไง?”
ฉินซีส่ายหน้าทันที : “ไม่ใช่แน่นอน!”
ลู่เซิ่นไม่พูดอะไร มองเธอไปมา รอเธอสารภาพเอง
ฉินซีกัดปากลังเลอยู่ไม่นาน จึงตัดสินใจลองถามดูอย่างระมัดระวัง : “งั้นคุณ…คิดยังไงกับบ่อน้ำมันบ่อนั้น?”
พูดถึงตรงนี้ ลู่เซิ่นพอจะมั่นใจได้ว่าบ่อน้ำมันบ่อนั่นมีปัญหา เขาก็ไม่อยากถามวนไปมากับฉินซีแล้ว จึงถามไปตามตรงว่า : “บ่อน้ำมันมีปัญหาหรือเปล่า?”
ฉินซีแสดงออกมาอย่างชัดเจนว่าเขาพูดเรื่องที่อยู่ในใจได้ถูกต้อง แต่กลับส่ายหน้าปฏิเสธและไม่ยอมรับ : “ธุรกิจของคุณ ฉันจะไปรู้ได้ยังไงว่าบ่อน้ำมันมีปัญหาอะไรไหม”
ถ้าเธอไม่ตอบอย่างพยายามปกปิดอย่างนี้ ลู่เซิ่นก็ยังไม่มั่นใจ แต่ได้ยินเธอหลีกเลี่ยงปฏิเสธ ลู่เซิ่นกลับมั่นใจขึ้น
บ่อน้ำมันไม่ได้มีปัญหา แต่เกี่ยวข้องกับองค์กรของฉินซี อาจจะเป็นไปได้ว่า…เกี่ยวข้องกับภารกิจของเธอ
คิดได้ถึงตรงนี้ ลู่เซิ่นหันกลับมามองฉินซีอีกครั้ง
เธอรู้สึกถึงแววตาที่ตนเองส่งไป จึงรีบลดสายตาลงทันที
ท่าทีรีบหลบหลีกอย่างนี้ของฉินซี ทำให้ลู่เซิ่นมั่นใจยิ่งขึ้น
ถ้าฉินซีรู้เรื่องของตัวเอง เขาไม่จำเป็นต้องทำอย่างนี้