บทที่ 130 แต่ว่าคนที่ผมชอบคือเธอ
ประเทศ C มีพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์อยู่มากมาย เวินจิ้งจึงซื้อตั๋วเพื่อเข้าไปชม เนื่องจากมีประวัติศาสตร์บางช่วงที่ไม่ชัดเจนนัก ทำให้เธอรู้สึกสงสัยขึ้นมาเล็กน้อย เธอจึงพลางหาข้อมูลและพลางอ่านให้ผ่านตาไป
ในตอนนั้น มีเสียงหนึ่งที่คุ้นหูดังขึ้นมาจากด้านหลังของเธอ
“ฉีเซิน เขาเก็บรักษาอะไรอยู่ในพิพิธภัณฑ์นี้เหรอคะ ฉันดูแล้วไม่เห็นเข้าใจเลย” ฉินเฟยรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย
“สิ่งของส่วนใหญ่ที่ถูกเก็บรักษาอยู่ในนี้เป็นสมบัติจำนวนหนึ่งที่พบในสมัยราชวงศ์ซ่ง คุณเรียนประวัติศาสตร์มาไม่ใช่เหรอ ประวัติศาสตร์นี่ไม่เลวทีเดียวนะ” ฉีเซินพูดอย่างเย็นชา
“ฉันเรียนมาตั้งหลายปีแล้ว ตอนนี้ลืมไปหมดแล้วล่ะ!” ฉินเฟยเอ่ยปาก และตัดสินใจที่จะเดินออกไป
แต่ฉีเซินกลับไม่ขยับตัวเดินตามเธอ เธอจึงทำได้แต่เพียงเดินตามเขาไปเรื่อย ๆ อย่างไร้จุดหมาย
เมื่อเห็นเวินจิ้ง ฉินเฟยขมวดคิ้ว และก้าวเดินเข้าไปหาเธออย่างไม่พอใจ
“เวินจิ้ง เธอคงไม่ได้ตามฉันมาหรอกใช่ไหม” ฉินเฟยมองดูเธอด้วยความโกรธ
“คุณฉิน ได้โปรดรักษาความสงบในพิพิธภัณฑ์ด้วยค่ะ” เวินจิ้งไม่สนใจเธอ
เดิมที ฉินเฟยรู้สึกเบื่อหน่ายจนถึงขีดสุดอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นว่าเวินจิ้งอยู่ที่นี่ เธอจึงตัดสินใจพูดเรื่องซุบซิบนินทาเกี่ยวกับสถานภาพปัจจุบันของเวินจิ้ง
ฉีเซินไม่ได้ห้ามเธอ สีหน้าของเขาบ่งบอกว่าเขากำลังตั้งตารอดูฉากละครที่กำลังจะเกิดขึ้น
“ฉันออกจะพูดเสียงเบา คุยเล่นกันหน่อยไม่ได้เหรอไง เวินจิ้ง ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ”
“คุณมาที่นี่เพราะอะไร ฉันก็มาที่นี่เพราะอย่างนั้น” เมื่อเวินจิ้งเงยหน้าขึ้น เธอถึงจะเห็นฉีเซินที่ยืนอยู่ด้านหลังฉินเฟย
สองคนนี้….เธอเกือบจะลืมเรื่องที่ฉินเฟยและฉีเซินกำลังจะหมั้นกันไปเสียสนิท
พวกเขาทั้งสองคนคงมาเดทกันสินะ
“หึ ฉันมากับฉีเซิน หรือว่าเธอก็ด้วยงั้นเหรอ” ฉินเฟยหรี่ตาลง
“ถ้าหากเวินจิ้งยอมมากับผม ผมก็คงรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง” ฉีเซินพูดพลางยิ้ม
เวินจิ้งจ้องมองไปที่ดวงตาของพวกเขาอย่างโกรธเคือง ผู้ชายคนนี้จะสร้างปัญหาให้เธออีกแล้วหรือไง
ฉินเฟยมองดูพวกเขาทั้งสองคน พวกเขาจะต้องรู้จักกันมาก่อนแน่นอน
“ฉันไม่สนใจเขาหรอก” ใบหน้าของเวินจิ้งปรากฏความไม่พอใจ
“เวินจิ้ง ยังไงพวกเราก็เคยเป็นเพื่อนร่วมชั้นสถาบันเดียวกันมา มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรที่จะมาเจอหน้ากันและรำลึกความหลังกันเสียหน่อย นอกจากนั้น ในเมื่อเธอกับคู่หมั้นของฉันรู้จักกัน สู้พวกเราไปหาอะไรทานด้วยกันสักมื้อดีกว่านะ” ฉินเฟยเอ่ยปาก และคล้องแขนของเวินจิ้งอย่างแนบชิดสนิทสนม
ฉีเซินก้าวไปข้างหน้าด้วยท่าทีอย่างสุภาพบุรุษ เพื่อห้ามไม่ให้เวินจิ้งถอยหนีไปได้
มีร้านอาหารตะวันตกตั้งอยู่ที่ฝั่งตรงข้ามของพิพิธภัณฑ์ เวินจิ้งนั่งลงด้วยท่าทีนิ่งสงบ เดิมทีนั้น เธอต้องการที่จะโทรศัพท์ไปหามู่วี่สิง แต่เมื่อคิดว่าเขากำลังอยู่ที่โรงพยาบาล เธอจึงรู้สึกไม่อยากรบกวนเขา
“นี่เวินจิ้ง ทำไมมู่วี่สิงถึงไม่มากับเธอล่ะ” ฉินเฟยถาม
“เขาต้องทำงานน่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นปกติแล้ว พวกเธอก็คงจะไม่ค่อยได้พบกันใช่ไหม”
“ก็ไม่เท่าไรนะ” เวินจิ้งยังคงนิ่งสงบเช่นเดิม
ฉินเฟยรู้สึกไม่พอใจในท่าทีของเวินจิ้งเล็กน้อย “เวินจิ้ง ตอนนี้ฉันเลิกกับฉืออี้เหิงแล้วนะ เธอยังเกลียดฉันอยู่ใช่ไหม!”
“ฉินเฟย เธอคิดว่าเราสองคนยังเป็นเพื่อนกันได้อยู่เหรอ” เวินจิ้งยิ้มอย่างเยือกเย็น
ฉินเฟยแย่งแฟนหนุ่มของเธอไป และในตอนนั้น ตอนที่เธอถูกใครบางคนใส่ร้ายว่าคัดลอกวิทยานิพนธ์ คาดไม่ถึงว่าฉินเฟยเองจะให้การปรักปรำเธอ
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เธอรู้สึกผิดหวังอย่างขมขื่นเป็นที่สุด
คาดไม่ถึงว่าเธอจะสามารถทำได้ถึงขั้นนี้ แค่เพื่อผู้ชายเพียงคนเดียว
“ไม่ได้ก็ไม่ได้ ในเมื่อเธอกับคู่หมั้นของฉันรู้จักกัน เธอเป็นเพื่อนของเขา ฉันก็ติดตามเขาเพื่อมาพบปะกับเธอด้วยก็ได้” ฉินเฟยพูด
“ฉันไม่สนิทกับเขา” เวินจิ้งพูด
“อย่างที่คิดไว้ คุณเวินเป็นคนที่เลือดเย็นเสียจริง คุณถึงได้ทำแบบนี้กับผู้มีพระคุณ” ฉีเซินส่ายหัวออกมาอย่างช่วยไม่ได้
เวินจิ้งขมวดคิ้ว “ฉันตอบแทนอาหารมื้อนั้นของคุณไปตั้งนานแล้ว ฉันยังมีธุระต้องทำ ขอตัวก่อนนะคะ”
ฉีเซินอึ้งไปครู่หนึ่ง เขาคิดที่จะไล่ตามหญิงสาวไป แต่กลับถูกฉินเฟยคว้าตัวเอาไว้
“คุณเป็นคู่หมั้นของเธอหรือเป็นคู่หมั้นของฉัน!” ฉินเฟยโกรธจัดขึ้นมา
แม้แต่ฉีเซินก็ยังหลงเวินจิ้งจนโงหัวไม่ขึ้นแบบนี้ได้อย่างไรกัน!
ฉีเซินหรี่ตาลง น้ำเสียงเยือกเย็นเล็กน้อย “ผมคือคู่หมั้นของคุณอย่างแน่นอน แต่ว่าคนที่ผมชอบคือเธอ”