บทที่ 1323 การเผชิญหน้า
ฉินซีดึงสายตากลับมา หันไปมองเวินจิ้ง เลิกคิ้ว ยิ้มอย่างมีเสน่ห์ “เวินจิ้ง อึม…เธอนึกว่าคุณนายลู่ใครๆ ก็เป็นได้หรือไง อย่าให้ฉันรู้ว่าคุณไม่เหมาะกับตำแหน่งนี้ ไม่อย่างนั้น…”
“เธอเป็นคุณนายลู่แล้ว คุณไม่มีวันจะมีโอกาสนั้นแล้ว” มู่วี่สิงแทรกขึ้นอย่างเย็นชา สายตาที่มองฉินซีราวกับมีมีด “ผมไม่อยากเห็นคุณปรากฏตัวต่อหน้าเธออีก ไม่อย่างนั้นมีวิธีจัดการคุณแน่”
ฉินซีประหลาดใจ
อย่างที่คิด ผู้ชายคนนั้นติดกับแล้ว
เขายังไม่รู้ว่าการแต่งงานของเวินจิ้งกับลู่เซิ่นไม่ใช่เรื่องจริง แต่เขาก็ยังทุ่มเทปกป้องเธอ
คิดถึงตรงนี้ ฉินซีอดไม่ได้ที่จะมองเวินจิ้งนานหน่อย พูดต่อไป “เธอหากิ๊กสายตาแหลมคมทีเดียว ไม่นึกผู้ชายแบบนี้จะชอบผู้หญิงอย่างเธอ”
ถึงแม้จะรู้ว่าลู่เซิ่นไม่ได้รักใคร่เวินจิ้ง แต่ฉินซีรู้ดีเช่นกัน ลู่เซิ่นไม่ได้รังเกียจเวินจิ้งแน่นอน กระทั่งชื่นชมด้วยซ้ำไป ไม่อย่างนั้นไม่ว่าคนนั้นจะมีประโยชน์แค่ไหน ลู่เซิ่นไม่มีทางใช้เธอเป็นข้ออ้างการแต่งงาน
คิดถึงตรงนี้ ฉินซีพบว่าตัวเอง…หึงอีกแล้ว
เวินจิ้งมองฉินซีที่ตั้งใจยั่วยุ ในใจเกิดความคิดผุดขึ้นหลายอย่าง
เริ่มจากที่ฉินซีตั้งใจเรียกเธอ “คุณนายลู่” สามคำนี้ เวินจิ้งงงไม่น้อย
เธอน่าจะรู้ดีว่าเวินจิ้งกับลู่เซิ่นมีความสัมพันธ์ปลอมๆ เธอต่างหากที่เป็นภรรยาตัวจริงของลู่เซิ่น แต่เธอกลับมาต่อว่าอะไรทำนองนี้ที่นี่ เธอทำอะไรกันแน่
คิดอยู่นาน ในที่สุดเธอก็เกิดความคิดอย่างหนึ่ง
…ฉินซีคงไม่ใช่เพราะแม้แต่ชื่อคุณนายลู่ ก็อิจฉาหรือเปล่า
แต่เมื่อคิดใจเขาใจเรา ถ้าวันนี้ตัวเองอยู่ในสถานะของฉินซี กับผู้หญิงที่ใช้คำว่า “คุณนายลู่” ตัวเองก็คงจะไม่ถูกชะตากับผู้หญิงคนนั้นเช่นกัน
เวินจิ้งถอนหายใจอยู่ในใจ ชื่อคุณนายลู่ ฉันไม่อยากได้จริงๆ
แต่เวินจิ้งไม่ใช่คนที่จะยอมให้ใครมาฉอดใส่ได้ง่ายๆ เธอยื่นมือไปห้ามมู่วี่สิงที่เห็นว่ากำลังโมโห ยิ้มยั่วฉินซี “คุณอยากเป็นคุณนายลู่ งั้นก็ต้องใช้ความสามารถเองสิ วิธีนี้โลว์เกินไปหรือเปล่า คุณฉิน“
สามคนในที่นั่น เวินจิ้งพูดชัดเจนไม่ได้ แต่เมื่อมองฉินซีหน้าขรึมลงนิดหนึ่ง เวินจิ้งรู้ดี เธอต้องเข้าใจความหมายของตัวเองแน่
เธอมาเป็นคุณนายลู่ ก็เพราะฉินซีเองที่ไม่อาจอยู่ข้างลู่เซิ่นได้อย่างเปิดเผยไม่ใช่หรือ ถึงได้ต้องให้เธอมาเป็นตัวแทน ถ้าจะอิจฉาสถานะ คุณนายลู่ อย่างนั้นฉินซีก็ต้องหากลับมาเองสิ
แน่นอนว่าฉินซีฟังเข้าใจความนัยของเธอ สีหน้าเคร่งขรึม ในใจกลับรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง
เวินจิ้งคนนี้…เทียบกับที่คิดไว้ ไม่ธรรมดา
ถึงอย่างไร คืนนี้เธอได้ข้อมูลที่ต้องการมากพอแล้ว ยังเห็นหน้าผู้ชายคนนี้ชัดๆ ด้วย ถึงแม้ไม่มีวิธียืนยันสถานะของเขา แต่พอจะมีข้อมูลแล้ว กลับไปหาต่อ ไม่ยากที่จะรู้ว่าเขาคือใคร
อีกอย่างตัวเองเพิ่งพูดแรงๆ ไป ผู้ชายคนนี้ดูแล้วเหมือนใกล้จะระเบิดออกมา
ฉินซีไม่ได้อยากอยู่ที่นี่ต่อให้คนรุม
เธอมองเวินจิ้งครั้งสุดท้าย แล้วเดินออกไปจากห้อง
คลับคล้ายคลับคลา จะได้ยินเวินจิ้งพูดกับผู้ชายคนนั้น “ปล่อยเธอไปเถอะค่ะ”
ฉินซีไม่เข้าใจเวินจิ้ง และไม่รู้ว่าเวินจิ้งเข้าใจตัวเองแค่ไหน แต่หลังจากคืนนี้ ทั้งสองคนใกล้ชิดกันขึ้นอย่างประหลาด
……
ลู่เซิ่นเพิ่งจะตื่นนอน ก็รู้สึกจิตใจกระวนกระวายอย่างบอกไม่ถูก ตอนที่ยื่นมือไปหยิบแก้วน้ำ เกือบทำแก้วตกแตก
“…มีเรื่องอะไรนะ” ลู่เซิ่นพึมพำ หยิบมือถือขึ้นมา
เหมือนสัญชาตญาณ เขารู้สึกว่าที่ตัวเองไม่สบายใจจะต้องเกี่ยวกับฉินซี เมื่อดูเวลาชัดเจน แน่ใจว่าฉินซีน่าจะยังไม่นอน จึงโทรไปหาฉินซี
ฉินซีรับวิดีโอคอลอย่างรวดเร็ว
“คุณอยู่ที่ไหนครับ” ลู่เซิ่นมองเห็นด้านหลังเธอที่ไม่คุ้นเคย จึงถามเธอ
ฉินซียิ้มตาหยีหันมือถือไปรอบๆ ให้เขาเห็นสถานที่เธออยู่ “ฉันกินข้าวอยู่ข้างนอกค่ะ”
เธอเพิ่งเดินเชิดออกมาจากห้องส่วนตัวของเวินจิ้ง รู้ว่าเวินจิ้งห้ามไม่ให้เขาตามเธอ ตัวเองยังไม่ได้กินข้าวเย็น จึงกลับมาที่ห้องของตัวเอง เรียกพนักงานมา สั่งอาหารเต็มโต๊ะ
ลู่เซิ่นเห็นอาหารน่ากินเยอะแยะ กับใบหน้ายิ้มแย้มของฉินซีบนหน้าจอ จิตใจก็สงบลงไปมาก ถามเธอ “ทำไมอยู่ๆ ออกมากินข้าวล่ะครับ”
ฉินซียักไหล่ “เมื่อก่อนตอนอยู่เมืองหนาน ฉันเคยมากินข้าวที่นี่ รู้สึกว่าอร่อยใช้ได้ ตอนนี้มีโอกาสกลับมาแล้ว ก็เลยไม่พลาดค่ะ”
ทั้งสองคนคุยสัพเพเหระอีกไม่เท่าไร ลู่เซิ่นเห็นฉินซีดูผ่อนคลาย ไม่เหมือนจะมีปัญหาอะไร ก็ค่อยๆ วางใจ พอดีกับที่หลินหยังเรียกเขา จึงวางสาย
ตอนที่หลินหยังเอาเอกสารเข้ามาให้ ในใจรู้สึกกังวล
เมื่อดูจากตารางการทำงานตอนนี้ของพวกเขา อีกสามสัปดาห์ลู่เซิ่นถึงจะได้กลับไปเมืองหนานอีกครั้ง เขาเห็นกับตาว่า ลู่เซิ่นกับฉินซีหวานชื่นกันขนาดไหน แยกกันตั้งสามสัปดาห์…ไม่แน่อาจจะทำให้อารมณ์ลู่เซิ่นแย่แค่ไหนนะ
แต่เมื่อเข้ามาแล้วจริงๆ ถึงเห็นว่าลู่เซิ่นนิ่งกว่าที่เขาคิดไว้มาก จนหลินหยังอดไม่ได้ที่จะละอายใจ
…ตัวเองเป็นผู้น้อยใช้ความคิดไม่ดีไปคาดเดาหัวหน้าตัวเอง
แต่เมื่อลู่เซิ่นลงชื่อในเอกสารเสร็จ ก็อดไม่ได้ที่จะมองตารางทำงานในคอมพิวเตอร์ ถามขึ้นเหมือนกำลังครุ่นคิด “ระหว่างนี้…หาเวลาไปเมืองหนานสักหน่อยไม่ได้หรือ”
ในใจหลินหยังมีรอยยิ้ม——เขารีบด่วนสรุปเกินไป
ยังดีที่ลู่เซิ่นแค่ถามไปงั้นๆ ไม่ได้ตั้งใจจะไปเมืองหนานจริงๆ เมื่อรู้ตัวว่าพูดอะไรออกไป ก็ยิ้มนิดๆ ทำมือให้หลินหยังออกไปได้
หลินหยังกลับตะลึงเมื่อเห็นรอยยิ้มของเขา อยู่ๆ ก็เกิดความคิดอยากจะ “ช่วยเขาปรับตารางทำงานไปเมืองหนานสักหน่อย”
……
ฉินซีไม่รู้ว่าคนทางนั้นคิดอะไร วางสายแล้ว เธอกินอาหารท่าทางสวยงามไปพลาง ในใจจัดเรียงเบาะแสที่ได้มาคืนนี้
เวินจิ้งยังมีเยื่อใยกับสามีของเธอ แถมดูแล้ว ทั้งสองคนก็ไม่ได้ตั้งใจหลบซ่อน
ขณะที่สามีของเวินจิ้งไม่รู้ความจริงเรื่องการแต่งงานของเวินจิ้งกับลู่เซิ่น และยังปกป้องเธอเต็มที่ เวินจิ้งเองก็ไม่หลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงลู่เซิ่นตรงๆ ต่อหน้าสามี
ส่วนตัวเวินจิ้งเอง…ก็ไม่ใช่คนนิ่มๆ อย่างที่ฉินซีคิด แต่เธอมีอะไรน่าสนใจมากกว่าที่จินตนาการไว้มาก
ส่วนปัญหาที่ว่าทำไมเวินจิ้งแต่งงานแล้วยังตกลงแกล้งทำเป็นภรรยาลู่เซิ่น ถึงแม้ฉินซีจะยังไม่ได้คำตอบ แต่ก็พอจะเดาได้ลางๆ
เวินจิ้ง…รู้หรือไม่ว่าตัวเองยังอยู่ในสถานะแต่งงาน
ฉินซียิ้มอย่างนึกสนุกขึ้นมา