บทที่ 1346 ไม่สนใจไยดี
แต่จ้านเซินเหมือนจะเข้าใจฉินซีดียิ่งกว่าเธอ
เขาพูดประโยคก่อนหน้าจบ ก็หยุดอย่างมีนัยไปชั่วขณะ แล้วถึงพูดกับโจวซิง “เรื่องนี้ค่อนข้างเร่งด่วน คุณหมอโจวคืนนี้ลำบากหน่อย ตรวจสอบเสร็จแล้วค่อยกลับเถอะ”
พูดคำนี้จบ ทั้งใบหน้าของฉินซีก็จมดิ่งลง
เธอไม่มีเวลาสนใจแล้วว่าโจวซิงเข้าใจความหมายของจ้านเซินหรือไม่ แต่เธอเข้าใจอย่างชัดเจนแล้วว่าจ้านเซินหมายถึงอะไร
—-จ้านเซินกำลังคุกคามตน
โจวซิงตรวจไม่เสร็จก็ไปไม่ได้ ต่อหน้าคือการมอบหมายงานให้โจวซิง แต่ที่จริงแล้วคือกำลังเตือนฉินซี
ถ้าหากเธอไม่ให้โจวซิงตรวจแต่โดยดี พวกเขาไม่ว่าใครก็อย่าคิดที่จะออกไปจากห้องประชุมนี้
ฉินซีไม่รู้ว่าโจวซิงเป็นคนขององค์กร หรือผู้บริสุทธิ์ที่ถูกลากเข้ามาเกี่ยวข้องกันแน่
แต่ไม่ว่าเป็นแบบไหน เธอไม่อาจไม่สนใจไยดีเขาได้
เธอไม่อาจทนได้ที่จะปล่อยให้คนอื่นเข้ามาพัวพัน ด้วยเรื่องของตนเอง
จ้านเซินพูดจบ ราวกับถือตั๋วผู้ชนะ ลุกขึ้นมาจากโซฟา ไม่มองแม้แต่มองฉินซี เดินตรงออกนอกประตูไป “ผมไปรินน้ำให้พวกเธอหน่อย พวกเธอเริ่มกันได้เลย”
ฉินซีสงสัยเป็นอย่างมากว่าจ้านเซินจะยอมลดเกียรติมารินน้ำให้พวกเธอด้วยตัวเองหรือไม่ แต่เธอรู้ว่า ช่วงเวลาน้อยนิดที่เขาออกไปนี้ เธอจะเสียไปเปล่าๆไม่ได้เด็ดขาด
อย่างน้อยก็ต้องรู้ให้แน่ชัด ว่าโจวซิงเป็นใครกันแน่ ท้ายที่สุดแล้ว…..จะให้เธอใช้ได้หรือไม่
ดังนั้นในตอนที่เสียงฝีเท้าของจ้านเซินหายไปจากหน้าประตู ฉินซีนั่งลงตรงหน้าของโจวซิงอย่างไม่เร็วไม่ช้า
โจวซิงยิ้มให้เธอ เตรียมจะยื่นมือออกไปเปิดสมุดบันทึกตรงหน้าเริ่มถามคำถาม แต่ถูกฉินซีกดไว้
“ขอโทษที” ฉินซีเปิดปากพูด “ก่อนที่คุณจะถามคำถาม ฉันจำเป็นต้องยืนยันตัวตนของคุณหน่อย ท้ายที่สุดแล้วถ้าหากไม่ใช่จิตแพทย์ ก็มีอยู่หลายเรื่องที่ไม่ปลอดภัย”
อารมณ์ของโจวซิงดูโอเคมาก เผชิญหน้ากับคำถามที่ตรงไปตรงมาแบบนี้ของฉินซี ก็ไม่ได้อารมณ์เสีย เพียงแค่หยิบใบรับรองออกมาจากกระเป๋าด้านในของเสื้อคลุม “นี่คือบัตรประชาชนกับใบรับรองแพทย์ของผม คุณเอาไปดูได้”
ฉินซีกวาดตามอง แล้ววางกลับไป
ความตั้งใจเดิมของเธอไม่ใช่จะยืนยันคุณสมบัติของโจวซิง ถึงอย่างไรคนที่จ้านเซินพากลับมา แน่นอนว่าจะต้องเป็นแพทย์มีคุณสมบัติเพียงพอ
สิ่งที่เธออยากรู้อันที่จริงคือตัวตนของโจวซิง
“หลายปีมานี้ คุณเป็นหมออยู่ที่โรงพยาบาลหนานเฉิงมาตลอดเลย?” ฉินซีเอ่ยถามลอยๆเหมือนไม่ได้ตั้งใจ
“ใช่ครับ” โจวซิงพยักหน้า “เป็นไปได้ว่าเดือนหน้าอาจมีโอกาสไปสำนักงานใหญ่สักครั้ง”
น้ำเสียงที่เขาพูดถึงสำนักงานใหญ่ดูสนิทชิดเชื้ออย่างมาก ราวกับสำนักงานใหญ่เป็นสถานที่ที่เขาโหยหามาก
จิตใจของฉินซีจมดิ่งลง
—-ดูท่า เป็นคนที่ถูกจ้านเซินซื้อไปโดยสมบูรณ์ งั้นก็คือไม่มีทางให้ตนได้ใช้แล้ว
ในเมื่อไม่มีทางให้ตนได้ใช้ประโยชน์ งั้นก็ต้องคิดให้ดีว่าจะหลีกเลี่ยงเขายังไง
มีความลับมากมายฝังอยู่ในใจของฉินซี ล้วนแต่ไม่อาจให้จ้านเซินรู้ได้
ดังนั้น ก็ไม่สามารถปล่อยให้โจวซิงดูออก
แต่ฉินซียังไม่ได้คิดเบาะแสอะไรออก ประตูของห้องประชุมก็ถูกเปิดออก
แน่นอนว่าจ้านเซินไม่ไปทำเรื่องรินน้ำอะไรนั่น ในมือมีเพียงแค่ขวดน้ำบริสุทธิ์สองขวด
เขาเงยหน้าขึ้น มองเห็นฉินซีนั่งลงตรงหน้าโจวซิงแล้ว ใบหน้าก็เผยรอยยิ้ม เดินเข้ามาไม่กี่ก้าว วางน้ำลงตรงหน้าฉินซีกับโจวซิง เอ่ยปากพูด “เริ่มกันแล้ว?”
โจวซิงยังไม่ทันพูดอะไร ฉินซีก็รีบพูดตอบ “กำลังเตรียมจะเริ่ม”
“ดีครับ” จ้านเซินพยักหน้าเล็กน้อย แล้วหันไปหาโจวซิง “ผมอยู่ด้วยได้ไหม?”
น้ำเสียงของเขาแม้ว่าจะเป็นการเอ่ยถาม แต่ความหมายข้างในไม่อาจชัดเจนไปได้มากกว่านี้แล้ว—-เขาอยากที่จะอยู่ด้วย
โจวซิงก็ไม่ใช่คนโง่ พยักหน้าทันที “แน่นอนครับ ไม่มีอะไรไม่ได้หรอก”
ไม่มีใครถามถึงความเห็นของฉินซี ทั้งสองคนถามตอบกันเอง ก็ตัดสินใจไปแล้ว
เพียงแต่ในตอนนี้ฉินซีไม่มีเวลาที่จะเอาความไม่เคารพกันแบบนี้มาใส่ใจแล้ว จิตใจเธอเต็มไปด้วยความกังวล
ถ้าหากโจวซิงใช้การสะกดจิตจะทำยังไง?
แม้ว่าเธอจะเคยได้รับการฝึกฝนต่อต้านการสะกดจิต แต่อาการเมื่อเข้าสู่การต่อต้านการสะกดจิต จ้านเซินจะต้องดูออกแน่
เขาฉลาดมาก จะต้องเดาได้ทันทีแน่ ว่าตนเป็นเพราะมีเรื่องอะไรปิดบังเขา ถึงต้องต่อต้านการสะกดจิต
ถ้าเป็นแบบนี้ แม้ว่าไม่ได้เปิดเผยความลับของตนในระหว่างการสะกดจิต แต่ก็ไม่ต่างอะไรกับบอกจ้านเซินว่าตนมีบางอย่างผิดปกติ
แต่ถ้าไม่ใช้การต่อต้านอะไรเลย…..เธอก็ไม่แน่ใจ ว่าโจวซิงจะมองเห็นถึงความสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้องกับลู่เซิ่นหรือไม่
ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะเปิดเผยเรื่องทั้งหมดออกมา เธอไม่เคยคิดว่าในตอนนี้จะให้จ้านเซินรู้ถึงความสัมพันธ์ที่แท้จริงของตนกับลู่เซิ่น
ถ้าหากเปิดเผยแล้ว ตนก็จะตกอยู่ในการควบคุม
ควรทำยังไงดี?
สมองของฉินซีได้เข้าสู่ความวุ่นวายแล้ว แต่บนใบหน้ายังคงรักษาความสงบนิ่ง ให้คนมองความคิดของเธอไม่ออก
โชคดีที่โจวซิงดูเหมือนจะไม่มีแผนที่จะใช้การสะกดจิตไปชั่วคราว เขาเพียงแค่เปิดสมุดบันทึกตรงหน้าเขาอย่างซื่อตรง ถามคำถามที่ไม่ตรงประเด็น ไม่สลักสำคัญเท่าไหร่
คุณภาพการนอนหลับเป็นอย่างไร? ฝันร้ายหรือไม่? ความอยากอาหารเป็นอย่างไร?
เขาเขียนอย่างจริงจัง ในใจของฉินซีก็ผ่อนคลายลงช้าๆตามคำถามของเขา
—-ถ้าล้วนแต่เป็นคำถามแบบนี้ เธอคงจะรับมือผ่านไปได้ดี
แต่จ้านเซินที่นั่งอยู่อีกฝั่ง กลับค่อยๆขมวดคิ้วขึ้นมา
ในที่สุด หลังจากที่โจวซิงถามคำถามที่ไม่สลักสำคัญไปสิบนาที เขาก็ทนไม่ไหวที่จะขัดจังหวะโจวซิง
“คุณหมอโจว” ในน้ำเสียงของเขามีความโมโหอยู่จางๆ “ถามคำถามแบบนี้ คืนนี้จะบรรลุเป้าหมายในการตรวจไหม?”
โจวซิงถูกขัดจังหวะกลางคัน ในแววตามีความงงงวย “นี่เป็นคำถามพื้นฐาน ผมจะต้องยืนยันสถานการณ์พื้นฐานของคุณฉินก่อน”
จ้านเซินเลิกคิ้วเบาๆ เคาะนิ้วลงบนโต๊ะกาแฟตรงหน้าพวกเขา “ถ้าใกล้เสร็จแล้ว ก็เข้าประเด็นได้เลย”
โจวซิงพยักหน้า ในตอนที่หันกลับมาถามคำถาม น้ำเสียงเปลี่ยนเป็นเร็วขึ้นเล็กน้อย
ในเวลาสิบห้านาที ในที่สุดการถามคำถามพื้นฐานก็สิ้นสุดลง ความไม่อดทนเขียนอยู่บนใบหน้าของจ้านเซิน
รอโจวซิงก้มหน้าจดบันทึกลงสมุดไม่กี่ประโยค ตอนที่ปิดสมุดลง เขาก็เอ่ยปากอย่างทนรอไม่ไหว “คุณหมอโจว ต่อไปจะทำการตรวจสอบอะไร?”
โจวซิงมองไปที่ฉินซีแวบนึง แล้วพูดตอบ “คุณฉินซีมีสภาพจิตใจที่มั่นคงพอสมควร ผมไม่เห็นปัญหาใหญ่อะไร ถัดไปอาจจะต้องถามคำถามในเชิงลึกยิ่งขึ้น ผมถึงจะสามารถยืนยันได้”
สีหน้าของจ้านเซินจมดิ่งลง “ถามอีกหรอ ไม่มีวิธีอะไรที่เร็วกว่านี้หน่อยหรอ?”
โจวซิงที่ถือว่าเป็นคนอารมณ์ดี ถูกความสงสัยของจ้านเซินขัดจังหวะขึ้นอีกครั้ง ในที่สุดก็เริ่มทนไม่ไหวแล้ว น้ำเสียงเย็นชาขึ้นเล็กน้อย “คุณจ้าน การตรวจสอบของเราต้องค่อยเป็นค่อยไป ถ้าหากไม่แน่ใจเกี่ยวกับอาการของคุณฉินแล้วใช้วิธีการที่รวดเร็ว อาจจะทำให้เกิดผลสืบเนื่องได้”
แต่น้ำเสียงของจ้านเซินกลับเต็มไปด้วยความไม่สนใจ “ฉินซีทนรับได้ ไม่ว่าอะไรเธอก็เคยผ่านมาแล้ว ไม่เชื่อคุณถามเธอเอง”
แววตาของโจวซิงเต็มไปด้วยความไม่เห็นด้วย หันไปมองฉินซี “คุณว่าคิดยังไง?”