flash marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1353 อัศวินพิทักษ์เจ้าหญิง

บทที่ 1353 อัศวินพิทักษ์เจ้าหญิง

องค์กรให้เด็กหนึ่งร้อยคนอยู่กับหมาป่าที่หิวโหย โดยให้มีดเล็กกับแต่ละคน ให้พวกเขาคิดหาวิธีฆ่าด้วยตัวเอง หรือจะอยู่ที่นั่นไปตลอดชีวิต

ตอนนั้นฉินซีอายุแค่สิบสี่ปีเท่านั้น ทันทีที่เธอเห็นมีด ขาทั้งสองข้างก็อ่อนแรง เดิมทีก็ไม่กล้าไปสู้กับหมาป่าที่หิวโหยอยู่แล้ว

เธอเอาแต่หนีและหนีไปเรื่อยๆ……

ฉินซีคิดว่า ตราบใดที่เธอหาถ้ำได้และเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในนั้นทั้งคืน รอให้มีคนมาช่วยพาตัวเองออกไปในวันรุ่งขึ้น เธอก็จะสามารถรอดชีวิตได้

ความคิดของเธอนั้นดี แต่ระหว่างที่ฉินซียังหาถ้ำไม่เจอยู่นั้น ขาข้างหนึ่งก็ก้าวพลาดจนกลิ้งตกลงมา เธอล้มหัวฟาดพื้น และจำอะไรไม่ได้เลย

เมื่อเธอตื่นขึ้น หมาป่าที่อยู่ใกล้ๆได้กลิ่นเลือด จึงตามไปยังทิศทางของเธอ

“กรี๊ด!”

เธอร้องด้วยความตกใจ เหวี่ยงมีดในมือไปมาอย่างไม่รู้ตัว

หมาป่าที่กำลังหิวโหยไม่ทันได้รู้ตัว มันถูกฉินซีเจาะเข้าไปที่ลำคอและล้มลงกระแทกกับพื้น

เลือดทะลักออกมา ย้อมสีใบไม้สีเหลืองให้กลายเป็นสีแดง

ฉินซีไม่เคยเห็นภาพเช่นนี้มาก่อน เธอโยนมีดทิ้ง ทรุดตัวลงกับพื้นและนั่งกอดเข่าร้องไห้

มองเลือดที่อยู่ในมือ เธอเช็ดกับเสื้อไปเรื่อยๆจนกระทั่งเสื้อสีขาวสะอาดกลายเป็นสีแดงสด จากนั้นเธอก็ค่อยๆได้ยินอะไรบางอย่าง

ฉินซีเป็นเหมือนสัตว์ตัวเล็กๆ เธอร้องไห้ออกมาเบาๆ เพราะกลัวว่าหากร้องโวยวายเสียงดัง จะทำให้หมาป่าที่กำลังหิวโหยได้ยินเข้า

แต่เธอลืมไปว่า เลือดเป็นสิ่งล่อใจที่อันตรายที่สุด

หลังจากที่ฉินซีร้องไห้ เธอก็ค่อยๆสงบลง

เธอเช็ดคราบน้ำตา จากนั้นก็ค่อยๆลุกขึ้นพลางจะไปต่อ

“ฉึก……”

เจ็บชะมัด!

ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงที่หัวเข่า จนฉินซีเหงื่อไหลออกมาก

เพราะตกใจสุดขีดกับเรื่องเมื่อครู่นี้ จนฉินซีลืมไปแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อเธอก้าวลงจากเนินเขา

ฉินซีเดินไปต่อด้วยความยากลำบาก

เมื่อเห็นว่าท้องฟ้าเริ่มมืดขึ้นเรื่อยๆ ฉินซีจึงจำเป็นต้องเร่งฝีเท้า

เพราะกลางคืนคืออาณาเขตของหมาป่า ถ้าฉินซีไม่รีบหาที่ซ่อนตัวก่อนที่ฟ้าจะมืด ความคิดที่อยากจะใช้ช่วงเวลาที่สงบในคืนนี้ เกรงว่าจะไม่ง่ายดายอย่างนั้น

ความจริงที่โหดร้าย บังคับให้ฉินซีต้องลุกขึ้นยืนหยัดและสู้ต่อไป

เธอไม่มีเวลามานั่งเสียใจ เพราะหมาป่าที่หิวโหยอาจจะกระโดดข้ามมาและฆ่าเธอในวินาทีถัดไปก็ได้

เมื่อคิดได้เช่นนี้ ฉินซีก็อดที่จะกระวนกระวายใจไม่ได้

เธอกัดฟันแน่น

อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ฉินซีกำลังกังวลอยู่นั้น สิ่งที่เลวร้ายที่สุดก็เกิดขึ้น

“อาวู้~”

เสียงหอนของหมาป่า ทำให้ฉินซีกลัวจนตัวสั่น

เธอหยุดฝีเท้าทันที สายตามองไปรอบๆด้วยความตื่นกลัว

ฉินซีรีบหาพุ่มไม้เพื่อซ่อนตัว เธอกำมีดที่อยู่ในมือแน่นยิ่งขึ้น

หากสังเกตดูให้ดี จะรู้ว่าฉินซีในตอนนี้ไม่ได้สงบนิ่งเหมือนท่าทีที่แสดงออกมา ตัวของเธอสั่นเทา

“อาวู้~”

เสียงหอนของหมาป่าเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ

ฉินซีกำมีดในมือแน่น ไม่ปล่อยให้เสียงใดเล็ดลอดออกมา

เธอภาวนาในใจ ขอให้หมาป่าที่หิวโหยนั่นหาตัวเธอไม่เจอ ไม่อย่างนั้นเธอจบเห่แน่

แต่บางทีพระเจ้าก็เป็นเช่นนี้ ท่านจะคอยหมั่นสุมไฟให้คุณในยามที่คุณกำลังโชคร้าย

หมาป่าตัวผู้ใหญ่ยักษ์พุ่งตรงเข้าหาฉินซีอย่างรวดเร็วราวกับดาบแหลมคม

ฉินซีไม่ได้ตอบโต้กลับ เมื่อเธอนึกขึ้นได้ว่าจะยกมีดขึ้นต่อสู้กับเจ้าหมาป่า มันก็สายไปเสียแล้ว

“โอ้ย!”

ฉินซีถูกเจ้าหมาป่าที่หิวโหยเหวี่ยงลงกับพื้น เธอกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด

“ไปให้พ้น!”

เธอดิ้นรนสุดชีวิตและคิดอยากจะอ้อนวอนต่อเจ้าหมาป่า แต่เธอรู้สึกเพียงแค่ว่าเนื้อปอดในร่างกายของเธอกำลังจะแหลกสลาย

อย่างไรก็ตาม หมาป่าตัวผู้นี้ มันโหยอาหารมาหลายวันแล้ว

ในเมื่อเจออาหาร จะให้ปล่อยไปง่ายๆได้อย่างไร

ขนของมันเป็นสีดำและเงางาม สายตาแห่งความกระหายเลือดส่องประกายในแววตาขนาดเท่ากระดิ่งทองแดง

กลิ่นเลือดอันโอชะบนร่างกายของฉินซี ทำให้หมาป่าน้ำลายไหลไม่หยุดจนไม่สามารถควบคุมได้

เจ้าหมาป่าอ้าปากกว้าง มันกัดเข้าไปที่ลำคอของฉินซี

ในช่วงวิกฤตเช่นนี้ ฉินซีสติแตกอีกครั้ง เธอคิดจะลงมือกับมันเหมือนที่ทำก่อนหน้านี้

แต่ทว่า ครั้งนี้ฉินซีทำพลาด

“เก๊ง!”

มีดที่คอของเจ้าหมาป่าตกลงกับพื้น แม้ว่าจะบาดเจ็บจนมีเลือดออก แต่นั่นก็ไม่ร้ายแรงมากพอ

การกระทำของฉินซีไปกระตุ้นความโกรธให้เจ้าหมาป่า

หมาป่าที่เจ็บปวดนั้นดุร้ายมากขึ้นเรื่อย ๆ มันจ้องมองไปที่ฉินซีพลางน้ำลายไหลเยิ้ม ราวกับกำลังคิดว่าจะกลืนเธอลงไปอย่างไร

ในระหว่างที่กำลังต่อสู้กันเมื่อครู่ ทำให้มีดของเธอตกพื้นไปไกล

เธอคิดจะไปเก็บมันขึ้นมา แต่เพราะขาที่กำลังบาดเจ็บ เป็นอุปสรรคต่อการเคลื่อนไหวของเธอ

“อาวู้!”

เสียงหอนของหมาป่านั้นฟังดูดุร้ายและน่ากลัว

ที่หมาป่าเข้าจู่โจมอีกครั้ง ฉินซีคิดว่าตัวเองต้องไม่รอดอย่างแน่นอน

เธอหลับตาลงด้วยความกลัว รอให้ความเจ็บปวดเข้ามาเยือน

ฉินซีในตอนนี้ได้ถอดใจไปเสียแล้ว เธอยอมแพ้ที่จะดิ้นรน

เธอรู้คิดว่าหากต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่โหดร้ายเช่นนี้ สู้ตายไปเลยยังจะดีเสียกว่า

เมื่อคิดได้เช่นนี้ ที่มุมปากของฉินซีก็ผุดรอยยิ้มจางๆขึ้น

สิ่งนี้ทำให้จ้านเซินที่กำลังซ่อนตัวอยู่ในความมืดอึ้งไปชั่วขณะ เขารู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก

เขาไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่า เด็กสาววัยรุ่นจะยังสามารถหัวเราะได้เมื่อต้องเผชิญกับความตาย นี่เธอไม่กลัวเลยอย่างนั้นเหรอ

สิ่งนี้ทำให้จ้านเซินมองฉินซีด้วยความชื่นชม เขาอยากรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรในขณะที่กำลังจะตาย

ดังนั้น จ้านเซินจึงลงมือ

เขาดูเหมือนเสือชีตาห์ที่กระโดดออกมาจากพุ่มหญ้า เข้าตะครุบเจ้าหมาป่าตัวผู้

จ้านเซินยกมีดของเขาขึ้นสูงและพุ่งตรงไปที่คอของหมาป่า

หลังจากที่ฝึกฝน ไม่ว่าจะในด้านสมรรถภาพทางกายหรือความแม่นยำของเขานั้นอยู่เหนือชั้นกว่าฉินซีหลายเท่า

มีดเจาะลึกเข้าไปที่ลำคอของหมาป่า

“อาวู้…… ”

หมาป่าล้มลงกับพื้น มันร้องเสียงครวญครางอย่างเจ็บปวดในลำคอ

“ตุบ!”

เจ้าหมาป่าตัวใหญ่ล้มลงกระแทกกับพื้น ทำให้ใบไม้และฝุ่นละอองต่างกระจัดกระจาย

“อะแฮ่ม……

ท่ามกลางฝุ่นที่คละคลุ้ง ฉินซีค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ

ในหัวของเธอยังคงงุนงง ไม่ได้ตอบสนองอะไรออกมาว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันคืออะไร

ฉินซีมองผ่านทรายที่คละคลุ้ง พบว่ามีเด็กชายร่างสูงคนหนึ่งกำลังยืนหันหลังให้กับเธอ

ในมือของเขาถือมีดที่เหมือนกับของตัวเอง แต่เมื่อดูๆแล้วกลับแหลมคมกว่าของเธอมาก ราวกับตั้งใจให้เป็นเช่นนั้น

เด็กชายยืนอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบ ๆ ราวกับรูปปั้นที่ตั้งตระหง่าน

ฉินซีจ้องมองอยู่ครู่หนึ่ง จนกระทั่งจ้านเซินหันหน้ามาที่เธอ

“เธอกำลังมองอะไรอยู่ ”

เวลาที่เด็กผู้ชายเสียงแตกหนุ่มนั้น เสียงจะแหบแห้งราวกับเสียงของโดนัลด์ดั๊ก แต่จ้านเซินกลับไม่เหมือนกับคนอื่นๆ เสียงของเขาแหบและฟังดูเซ็กซี่

สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ประเด็นหลัก สิ่งที่ทำให้ฉินซีอึ้งมากที่สุด นั่นก็คือรูปลักษณ์ของเขาที่หล่อเหลาอย่างมาก

ฉินซีไม่รู้ว่าจะใช้คำไหนมาเพื่อเอ่ยชมใบหน้าของจ้านเซิน

flash marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

flash marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

Options

not work with dark mode
Reset