บทที่ 1359 การแข่งขัน
คำพูดของโจวซิงนั้นเหมือนกับการตบหน้าจ้านเซินท่ามกลางผู้คน
หลังจากได้ยินคำคัดค้านของโจวซิง สีหน้าของจ้านเซินก็เปลี่ยนเป็นบูดบึ้งขึ้นมา
ฉินซีเฝ้าดูการเปลี่ยนแปลงของเขา ในใจก็เหงื่อตกกับโจวซิง
เธอมองไปที่โจวซินอย่างเงียบๆบอกให้เขาหุบปากและหยุดพูด
แต่ก็กล้าเตือนแค่เล็กน้อย เมื่ออยู่ภายในสายตาจ้านเซินมันเป็นเรื่องยากมากที่จะสื่อสารกัน
โจวซิงเข้าใจการบอกใบ้ของฉินซี แต่เขาก็ยังยืนยันในความคิดของตน
เขามองตรงไปที่จ้านเซินซึ่งยืนอยู่ที่เดิม ราวกับว่ากำลังรอคำตอบของจ้านเซินอยู่ หากคำตอบของเขาไม่น่าพอใจ เขาก็จะต่อสู้กับจ้านเซินต่อไปด้วยเหตุผล
จ้านเซินมองท่าทางราวกับลูกวัวแรกเกิดไม่กลัวความตายของเขาริมฝีปากบางยกขึ้นเล็กน้อย “คุณหมอโจว คุณหมอเหยาเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ดีที่สุดในองค์กรเขาเคยเป็นแพทย์ของฉินซีมาก่อนและเขามีประสบการณ์มากกว่าคุณในด้านนี้”
แม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดอย่างเด็ดขาด แต่ทุกคนก็สามารถฟังออกได้ว่า ระหว่างคำพูดของจ้านเซินคือการบอกโจวซินว่าอย่าสอดให้มากนี่คือคำเตือน!
ดูเหมือนว่าโจวซินจะไม่เข้าใจ “ในเมื่อหมอเหยา เคยเป็นแพทย์ประจำตัวของฉินซี แล้วทำไมเธอจึงไม่หายขาดแต่กลับแย่ลง”
สายตาของเขาลดต่ำไปที่เหยาจ้าว แววตาของเขาเต็มไปด้วยความไม่ไว้วางใจ
เมื่อได้ยินโจวซินถามถึงฝีมือการรักษาของเขา เหยาจ้าวซึ่งเดิมทียืนอยู่ที่เดิมเหมือนก้อนน้ำแข็งก็ปรากฏรอยยิ้มที่เหน็บแนมบนใบหน้าของเขา “ผมไม่รู้ว่าหมอโจวจบการศึกษาจากวิทยาลัยไหนถึงมั่นใจในฝีมือการรักษาของตัวเองนัก คุณต้องการเรียนรู้จากผมไหมครับ”
เหยาจ้าวเป็นผู้หลงใหลในศาสตร์ทางการแพทย์และเขารักในวิชาชีพนี้
ในอดีตหลังจากเรียนจบเขาเตรียมจะเป็นหมอเพื่อทำประโยชน์ให้กับสังคม
แต่ด้วยเหตุผลหลายประการ เหยาจ้าวจึงต้องเข้าองค์กรและทำงานให้กับจ้านเซิน
เมื่อพูดถึงวิชาชีพของตัวเอง เห็นได้ชัดว่าเหยาจ้าวไม่ชอบความรู้สึกที่ถูกคนอื่นดูถูก
โดยสัญชาตญาณแล้ว โจวซิงรู้ดีว่าเขาไม่ใช่คนอ่อนแออย่างแน่นอนและคนที่สามารถเข้ามาในองค์กรได้นั้นผ่านการคัดเลือกการฝึกอบรมเฉพาะทักษะ ซึ่งแข็งแกร่งกว่าเขาและจะไม่มีวันอ่อนแอไปกว่าเขา เขาแข่งกับเหยาจ้าวจะไม่มีโอกาสชนะ
แต่เมื่อนึกถึงฉินซี เขากัดฟันตอบรับ
“เอาสิ แข่งก็แข่ง”
โจวซิงยักคิ้วอย่างมั่นใจราวกับเด็กหนุ่ม
เขาเลือดร้อนขนาดนั้น ซึ่งตรงข้ามกับความสงบเยือกเย็นของเหยาจ้าว
ฉินซีที่นั่งอยู่บนเตียงของโรงพยาบาล เฝ้าดูฉากนี้ก็อดไม่ได้ที่จะปาดเหงื่อให้กับโจวซิง
ความสามารถเหยาจ้าวยากที่จะจัดการขนาดไหน เธอมีประสบการณ์มาก่อน
แม้ว่าโจวซิง ก็ไม่เบาแต่เขาก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเหยาจ้าว
โจวซิง ในตอนนี้ เพียงเพื่อตัวเองแล้ว ดังนั้นจึงเลือกที่จะดันทุรัง
หากแต่โจวซิงกลับลืมไปสิ่งหนึ่ง
เขาไม่ต้องแข่งก็ยังได้ ยังมีโอกาสที่จะแสดงความคิดเห็นต่อหน้าจ้านเซินอีก
หากโจวซิง แพ้หลังการทดสอบจ้านเซินจะใช้ทักษะทางการแพทย์ของเขาไม่ได้เรื่องมาเป็นข้ออ้างในการขับไล่โจวซิงออกไป ถ้าเป็นเช่นนี้ เขาจะไม่สามารถช่วยส่งข่าวได้อีกต่อไป
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ทันใดนั้นในใจของฉินซีก็กระวนกระวายขึ้นมา
เธอกำผ้าปูที่นอนและพูดอย่างกังวล “ไม่ได้”
เสียงของฉินซีรีบร้อนเล็กน้อยและสายตาของทุกคนก็จับจ้องไปที่เธอทันที
จ้านเซินจ้องมองเธออย่างตรงไปตรงมาราวกับพิจารณาว่าทำไมปฏิกิริยาของเธอถึงใหญ่โตนัก
เมื่อรู้สึกตัวว่าเมื่อครู่ตัวเองควบคุมสติไม่ได้ฉินซียิ้มและพูดเพื่อแก้สถานการณ์ “คุณหมอโจว หมอเหยาคุณมาที่นี่เพื่อรักษาฉันหรือมาทดลองกับฉันกันแน่ ตอนนี้มีผู้ป่วยคนไหนให้พวกคุณแข่งกันเหรอ ฉันไม่อยากกลายเป็นเครื่องมือเพื่อชื่อเสียงของพวกคุณ “
เธอนั่งเงียบๆบนเตียงผู้ป่วยภายนอกดูสงบ
ในความเป็นจริง มือที่ซ่อนอยู่ในผ้าห่มนั้นกำหมัดแน่น และเล็บอันแหลมคมฝังลึกลงไปบนฝ่ามือเพื่อเตือนให้เธอข่มมันไว้และ
อย่างไรก็วู่วามไม่ได้เด็ดขาด
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา เหยาจ้าวและโจวซิงถึงกับผงะ
ทั้งสองมองไปที่จ้านเซิน ราวกับรอให้เขาตัดสิน
ฉินซีรู้โดยอัตโนมัติว่า จ้านเซินเป็นจุดสำคัญ ตราบใดที่จ้านเซินไม่เห็นด้วยการแข่งนี้ก็ไม่สามารถเนินต่อไปได้ คิดได้เช่นนี้ ความคิดของฉินซีก็เปลี่ยนไป เธอยิ้มและมองไปที่จ้านเซินด้วยรอยยิ้มอันแสนหวาน “จ้านเซินนายว่าที่ฉันพูดถูกหรือเปล่า นายเรียกคุณหมอเหยามาไม่ใช่เพื่อรักษาฉันให้หายเร็วที่สุดเหรอ หรือว่านายต้องการให้ฉันอยู่ท่ามกลางการรักษาที่วุ่นวายของพวกเขา กลายเป็นหนูทดลองแล้ว ก็แย่ลงทุกวันเหรอ”
เธอโยนทางเลือกที่เหมาะสมไว้ในมือจ้านเซิน ถ้าจ้านเซินยังรู้สึกรักหรือชอบตัวเธออยู่บ้าง ก็ควรรู้ว่าต้องทำอย่างไร
แววตาของฉินซีสดใสมาก และในช่วงหนึ่ง จ้านเซินรู้สึกว่าความคิดในใจของเขาไม่สามารถเก็บงำไว้ได้เมื่ออยู่ต่อหน้าเธอ
เมื่อต้องเผชิญกับคำถามของเธอ จ้านเซินก็ขมวดคิ้ว “แน่นอนอยู่แล้วว่าเพื่อให้เธอหายเร็วๆนี้”
เสียงแหบทุ่มดังออกมาจากเขา
ฉินซีถอนหายใจยาวๆอย่างโล่งอกเมื่อได้ยินเขาพูดแบบนี้
โชคดีที่จ้านเซินยังคงเมตตา เธอไม่เช่นนั้นคงจะซวยจริงๆ
ฉินซีไม่รอให้เขาพูดจึงพูดต่อ”ถ้างั้น ให้หมอเหยาตรวจฉันก่อนหมอโจวไม่ต้องกังวลหมอเหยาเป็นมืออาชีพและเขาจะไม่ทำอะไรที่เป็นอันตรายต่อฉัน “
เธอขยิบตาให้โจวซิง อย่างขี้เล่นโต้ตอบกับโจวซิง ภายในสายตาของจ้านเซินราวกับว่า เธอเป็นคนไข้ธรรมดาแค่หยอกล้อกับหมอที่เป็นห่วงเธอและไม่มีอะไรผิดปกติ
ฉินซีรู้ว่ายิ่งแสดงสิ่งที่กล้าหาญมากขึ้น จ้านเซินก็จะไม่ลืมความสงสัยที่ฝังลึกอยู่ได้
ในทางตรงกันข้ามยิ่งปกปิดซ่อนเร้นมากเท่าไหร่ จ้านเซินก็จะยิ่งขุดคุ้ยจนถึงที่สุด
เหตุที่ฉินซีขอให้เหยาจ้าวตรวจเธอก็เพราะว่าเธอรู้ว่าจ้านเซินให้เหยาจ้าวตรวจว่าเธอแกล้งทำหรือไม่และเธอก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
ถ้าเป็นเหยาจ้าวคนก่อน ฉินซีจะรู้สึกวางใจมากที่ได้ส่งตัวให้เขา
เธอรู้ว่าเหยาจ้าวก็เหมือนกับเธอ แม้ภายนอกเขาจะยอมจำนนต่อจ้านเซินและองค์กร แต่ในใจกลับเฝ้ารอการหลบหนีในเร็ววันโดยตลอด
พวกเขาก็คนมีเลือดมีเนื้อไม่เหมือนหุ่นยนต์ในองค์กรที่ถูกล้างสมอง
พวกเขาเคยมีประสบการณ์ในโลกภายนอกและไม่สามารถให้คำตอบสถานที่หนาวเหน็บและไร้ความปรานีเช่นที่แห่งนั้นได้
แต่ว่า…
เหยาจ้าวในตอนนี้ทำให้ฉินซีรู้สึกไม่แน่ใจ
เขาเหมือนเมฆหมอกที่อยู่ตรงหน้าแต่ก็มองเห็นไม่ชัด
แม้ว่าจะมีสิ่งที่ไม่แน่นอนมากมายแต่ตอนนี้ฉินซีก็ทำได้เพียงต้องเสี่ยงเท่านั้น
เธอพนันได้เลยว่าเหยาจ้าวอยู่เคียงข้างเธอ จิตใจของเขาแน่วแน่และเขาช่วยเหลือเธอมากมายในช่วงแรก เขาจะต้องไม่ถูกกลืนกินอย่างง่ายดาย
“ฉินซี คุณ…”
ดวงตาของโจวซิง เบิกกว้างด้วยความตกใจเมื่อเห็นว่าเธอตกลงจริง