มีหลายครั้งที่ถังย่าเกือบเสียชีวิต แต่ในช่วงเวลาที่คับขันทำให้เธอคิดถึงจ้านเซิน คิดถึงคำพูดประโยคนั้นของเขาที่บอกว่าจงทำภารกิจให้สำเร็จ ถังย่าก็มีแรงฮึดสู้ขึ้นอีกครั้ง
เธอสู้จนรอดตาย เพื่อให้ได้มาซึ่งคำชื่นชมจากเขา
ความรักที่ไม่หวังผลของถังย่า เดิมทีคิดว่าจะดำเนินการไปแบบนี้เรื่อยๆ โดยไม่แปรผัน
จนกระทั่งวันหนึ่ง เธอพบว่าท่าทีที่จ้านเซินมีต่อฉินซีมีความผิดปกติ
ถังย่าเคยชอบคนๆหนึ่ง เธอรู้ดีว่าการชอบคนคนหนึ่งนั้นมีลักษณะอย่างไร
แต่จ้านเซินไม่รู้ เพราะฉะนั้นเขารู้สึกอย่างไร้เดียงสาว่า ระหว่างฉินซีกับตัวเองนั้นเป็นเรื่องปกติ
เมื่อตระหนักได้ว่าจ้านเซินชอบฉินซี คืนนั้น ถังย่าเกิดการระเบิดขึ้นเป็นครั้งแรก เธอทุบทำลายข้าวของที่อยู่ในห้องของเธอจนแตกละเอียด
ถังย่าไม่เคยหงุดหงิดเช่นนี้มาก่อน ในหัวของเธอมีแต่ภาพที่จ้านเซินอ่อนโยนปกป้องฉินซี ด้วยสายตาที่รักใคร่ เธออิจฉาจนแทบจะเป็นบ้า
ดังนั้น เมื่อเกิดเรื่องขึ้นกับฉินซี จนเธอลืมเรื่องราวทุกอย่าง
สิ่งแรกที่ถังย่านึกขึ้นได้คือการปล่อยฉินซีออกไป เพื่อที่จ้านเซินจะได้ไม่พบเจอกับเธออีก
และบังเอิญไปตรงกับสิ่งที่ฉินซีคิด เธอจึงได้เสนอกับจ้านเซิน ให้เขาปล่อยฉินซีออกไปจากองค์กร เพื่อไปผ่อนคลายสักระยะ
จ้านเซินเชื่อถังย่าสนิทใจ โดยไม่ระแคะระคาย หลังจากที่ได้ฟังคำเสนอของเธอแล้ว จึงได้ส่งฉินซีออกไป แต่ต้องมีการเฝ้าติดตามดูเธออยู่ตลอดเวลา
ถังย่ารู้ข้อนี้ดี เธออิจฉาในใจ แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้
เธอรู้ดีว่าตัวเองนั้นไม่ควรแสดงออกชัดเจนเกินไป
แต่ถังย่าก็รู้สึกไม่พอใจ
ว่าทำไมคนที่จ้านเซินชอบนั้นไม่ใช่ตัวเอง เธอรู้จักกับจ้านเซินมาเป็นเวลานานกว่าเสียอีก
อีกทั้ง เพื่อจ้านเซินแล้วเธอยอมตายนับครั้งไม่ถ้วน ผิวหนังบนร่างกายของเธอเหลือเพียงแต่รอยแผลเป็น แม้แต่ชีวิตเธอก็สามารถยกให้จ้านเซินได้
แต่ทำไมจ้านเซินถึงไม่แม้แต่ชายตามอง เธอนั้นแย่ขนาดนั้นเลยหรือ
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ถังย่าก็ยิ่งรู้สึกเจ็บปวดใจ
เธอหายใจเข้าลึกๆ และฝืนยิ้ม แต่ช่างเป็นรอยยิ้มที่อดสูเหลือเกิน
ถังย่าพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ : “ค่ะ ฉันรับทราบแล้ว ฉันจะไปเฝ้าดูลู่เซิ่นเดี๋ยวนี้”
เธอพยายามทำให้ตัวเองดูปกติที่สุด
จ้านเซินส่งเสียงรับคำ : “ลำบากคุณแล้วนะ”
เป็นเพียงประโยคเบาๆแต่กลับทำให้หัวใจของถังย่าเต้นแรงอย่างกับระเบิด
“ไม่ลำบากเลย นี่เป็นสิ่งที่ฉันควรต้องทำอยู่แล้ว”
ถังย่าที่เดิมทีมีอาการเคืองจ้านเซินเล็กน้อย ที่ทำไมถึงมองไม่เห็นการมีตัวตนอยู่ของเธอ
เมื่อได้ยินประโยคนี้จากเขา ทำให้ตัวของเธอใจเย็นลงอีกครั้ง
เธอเข้าใจดี เธอถลำเข้าไปจนลึกมาก และไม่มีใครช่วยเธอกลับมาได้อีก
ถ้าหากจ้านเซินกล้ามาขอความช่วยเหลือจากเธอ ขอให้เธอไปเกลี้ยกล่อมฉินซีให้อยู่กับเขา ถังย่าก็จะไม่มีการปฏิเสธด้วยซ้ำ เธอขอแค่เพียงให้จ้านเซินมีความสุข แม้จะไม่ใช่กับตัวเองก็ตาม
“ตู๊ดๆๆๆ…..”
เมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ที่ดังลอยมาจากฝั่งนั้น ถังย่าก็เก็บโทรศัพท์ทันที
เธอสวมเสื้อกันลมสีกาแฟ ใส่รองเท้าบูต และบนใบหน้ามีการสวมแว่นตาดำขนาดใหญ่ ลากด้วยกระเป๋าเดินทางสีเงิน ยืนอยู่ที่ประตูสนามบิน
รูปลักษณ์ที่โดดเด่น ดึงดูดสายตาของผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมา
รูปร่างหน้าตาของถังย่านั้นดูดีมาก ความงามเธอนั้นแตกต่างกับฉินซี
ถ้าเปรียบฉินซีเป็นดอกบัวหิมะบนเทือกเขาที่เกิดแต่โคลนตม แต่ก็ไม่เปื้อนสกปรก
อย่างนั้นถังย่าก็เป็นนกฟีนิกซ์ที่เกิดใหม่จากเถ้าถ่าน งามจนร่ำลือ งามจนสะดุดตา แม้ว่าจะถูกห่อหุ้มอย่างแน่นหนา ก็ไม่อาจจะปกปิดรูปร่างสุดเซ็กซี่ของเธอได้
ถ้าไม่ใช่เพราะระบบที่โหดร้ายในองค์กร ละทิ้งความเป็นมนุษย์ บางทีถังย่าตอนนี้อาจเป็นคนงามหลากหลายอารมณ์คนหนึ่ง ตอนนี้เธอมีเพียงบรรยากาศอันเยือกเย็นที่ใช้ในการระงับเสน่ห์บนเรือนร่างอันน่าหลงใหลของเธอ
ผู้คนที่ผ่านไปผ่านมาต่างคาดเดาว่า นี่เป็นดาราคนใดกัน หรือว่าเป็นคุณหนูไฮโซแห่งสังคมชั้นสูง รอรถส่วนตัวมารับกลับบ้าน
มีคนไม่น้อยที่อยากจะจู่โจมเข้าไป แต่ก็ไม่กล้า
เพราะว่าถังย่านั้นสวยและมีออร่ามาก
ผู้ชายขี้ขลาดบางคนมองเเวบเดียวก็รู้ว่า คนอย่างถังย่าคือกุหลาบที่มีหนาม พวกเขาเอาไม่อยู่ และไม่มีวาสนาจะเชยชม
มีชายหนุ่มคนหนึ่งที่คิดว่าตัวเองนั้นหน้าตาดีใช้ได้ ขับรถสปอร์ตลัมโบร์กินีมาจอดอยู่ตรงหน้าถังย่า
เขาถอดแว่นกันแดดสีเหลืองออก แล้วผิวปากมองมาทางถังย่า : “คนสวย ขึ้นรถสิ ให้พี่ไปส่งนะ”
ทุกๆวันชายหนุ่มมีนิสัยการอวดร่ำอวดรวยอวดหน้าตา เมื่อเจอกับถังย่า จึงห้ามใจที่กระปรี้กระเปร่าไว้ไม่ไหว ต้องการจะจีบเธอให้อยู่หมัด
ส่วนใหญ่ที่เขาเจอในแต่ละวันล้วนเป็นดอกไม้ที่ใสซื่อบอบบาง แม้จะงดงาม แต่ก็เหมือนๆกันหมด เมื่อกินอิ่มแล้ว ก็ไม่มีรสชาติใดๆอีก
ความงามแบบถังย่า โดดเด่นดูดีมีออร่า ผสมผสานเข้าด้วยกันได้อย่างลงตัว เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบเจอ
คนที่น่าหลงใหลเช่นนี้ ในเมื่อเขาได้พบแล้ว ไม่มีเหตุผลที่จะปล่อยไปอย่างง่ายๆ
ถังย่ายกแว่นดำลงแล้วสแกนดูเขา
แล้วมองท่าทางน่ารังเกียจของชายหนุ่ม ถังย่าแทบไม่อยากจะแยแสด้วยซ้ำ
เธอยกมือขึ้นเพื่อดูนาฬิกา แล้วก็ขมวดคิ้ว
เวลาเลยไปสิบห้านาทีแล้ว ผู้ช่วยของเขาทำไมยังมาไม่ถึงนะ
เมื่อชายคนนี้เห็นว่าถังย่าไม่สนใจ จึงพูดขึ้นอีกครั้ง : “คนสวย ผมกำลังพูดกับคุณอยู่นะ คุณไม่ได้ยินหรือไง”
น้ำเสียงของเขาดังขึ้น
ถังย่าเดิมทีก็เป็นที่สะดุดสายตา ตอนนี้ยังชายหนุ่มทายาทเศรษฐีขับลัมโบร์กินีมาจอดอยู่ตรงหน้า ก็ยิ่งเป็นที่ดึงดูดสายตาผู้คนมากขึ้น
พวกเขาอยากรู้ว่า ถังย่าจะขึ้นรถของเขาไปหรือเปล่า
ชายหนุ่มที่จ๊อกๆแจ๊กๆ ทำให้ถังย่ารู้สึกหงุดหงิด
บางทีในสายตาของคนปกติทั่วไป ชายหนุ่มทายาทเศรษฐีที่อยู่ตรงหน้านี้ไม่เลวเลยทีเดียว แต่ว่าในสายตาของถังย่าที่มีชายงามรายล้อมอยู่มากมายนั้น แม้แต่การช่วยถือรองเท้าให้เขาก็ยังไม่คู่ควร
ถังย่าถอดแว่นดำออก เผยให้เห็นถึงดวงตาจิ้งจอกที่เฉียบคม ริมฝีปากแดง ถังย่าพูดขึ้นอย่างเย็นชา : “ไสหัวไป!”
แค่เพียงสามคำของเธอ ก็กระชับชัดเจน น้ำเสียงที่แสดงให้เห็นถึงความหงุดหงิด
เวลาที่ถังย่ายิ้มขึ้น ดวงตาจิ้งจอกคู่นี้ช่างดูน่ารัก แต่เมื่อไม่ยิ้มดูดุร้ายและเย็นเยียบถึงกระดูก
“โห่……”
ในขณะที่ถังย่าถอดแว่นตาของเธอ รอบๆก็มีเสียงดังขึ้นเป็นระยะๆ
งาม!
ช่างงดงามจริงๆ!
ไม่รู้ว่างามมาจากไหน ทำไมถึงได้งามบาดตาบาดใจเช่นนี้
ผู้คนต่างสงสัยว่าเป็นดาราที่รอการเดบิวต์อยู่ รูปร่างหน้าตาสวยงามมาก ถ้าได้เดบิวต์คงจะต้องดังไปทั่วแผ่นดิน
หรืออาจเป็นคุณหนูของไฮโซ ออร่าที่อยู่บนตัว ไม่ใช่ว่าใครๆก็จะมีได้
แต่ว่า…..
เสื้อผ้าบนตัวของถังย่าไม่เลวเลยทีเดียว เพียงแต่ดูไม่ออกว่าเป็นของแบรนด์อะไร
แต่ด้วยรูปร่างและออร่าของถังย่า ต่อให้คลุมด้วยกระสอบ ก็ดูดีกว่าคนปกติทั่วไปร้อยเท่า
คนธรรมดาทั่วไปย่อมดูไม่ออก เสื้อผ้าชุดที่ถังย่าสวมใส่เป็นงานออกแบบจากนักดีไซเนอร์ชื่อดังของต่างประเทศ งานชิ้นแรกของจอห์น เป็นงานสั่งตัดทั้งตัว ราคาแพงกว่ารถสปอร์ตของหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า