บทที่ 1374 ท่าทางเปลี่ยนไป
“ได้ คุณถาม”
ถังย่าพ่ายมือออก ท่าทางไร้ความกังวล
เห็นสีหน้าสบายๆ ของเธอ ในใจของเจ้านายหลอเต็มไปด้วยความโกรธ : “ชื่อนามสกุล?”
“ถังย่า”
“อายุ?”
“24”
“อาชีพ?”
คำถามก่อนหน้านี้ถังย่าสามารถตอบออกมาได้อย่างง่ายดาย เมื่อถามถึงอาชีพ เธอปิดปากทันที
การจดบันทึกของเจ้านายหลอหยุดลงชั่วคราว มองไปที่ถังย่า และถามคำถามซ้ำอีกครั้ง : “อาชีพ?”
ถังย่าเป่าหมากฝรั่ง
“อันนี้บอกไม่ได้ เป็นความลับ”
เธอทำหน้าทะเล้นกะพริบตาปริบๆ ใส่เจ้านายหลอ ยิ้มบางและพูด
เมื่อพูดอย่างนี้ออกมา ความโกรธในใจของเจ้านายหลอเพิ่มขึ้นอีกสามระดับ
มือจับปากกาแน่น เขาถามอีกครั้ง : “ฉันถามอาชีพของคุณ”
ลูกทีมที่นั่งอยู่ด้านข้างดูออกว่าเจ้านายหลอโมโหแล้ว
อย่ามองแค่ว่าปกติเจ้านายหลอค่อนข้างเข้าหาได้ง่าย แต่เมื่อโกรธขึ้นมา ก็น่ากลัวอย่างยิ่ง
ถังย่ากลับไม่เห็นด้วย : “เจ้านายหลอ เมื่อกี้คุณบอกว่า เมื่อเจอคำถามที่ฉันไม่อยากตอบ ฉันมีสิทธิ์ที่จะเงียบ อาชีพของฉัน ฉันบอกไม่ได้”
เธอมองตรงไปที่เจ้านายหลอ ดวงตาสีดำส่องประกายความแน่วแน่
ถังย่าแสดงออกชัดเจน คำถามนี้ไม่สามารถยอมให้ได้
เจ้านายหลอเคยเรียนจิตวิทยานิดหน่อย พอจะดูออกว่านี้คือขีดจำกัดของถังย่า
และคนแบบนี้อย่างถังย่า เขาบังคับถามไปก็ไม่ได้อะไร
คิดได้อย่างนี้ เจ้านายหลออารมณ์เสียเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้
เขาก็ทำงานมาได้สักระยะหนึ่งแล้ว แต่กลับถูกเด็กน้อยทำให้ลำบากเสียแล้ว
เจ้านายหลอหายใจเข้าลึกๆ พยายามระงับความหงุดหงิดไว้ในใจ : “คำถามต่อไป ทำไมคุณถึงลงมือฆ่าคนกลางถนน?”
เขาเลือกที่จะข้ามไปอย่างหมดความอดทน
ครั้งนี้ถังย่าไม่ได้มีท่าทีคิดจะสู้อะไรกับเขา เอ่ยปากให้ความร่วมมืออย่างดี : “เดิมฉันก็ยืนอยู่ตรงลาดจอดรถของสนามบินอยู่ดีๆ ลูกเศรษฐีคนนั้นที่คิดว่าตัวเองมีเงินมาก แถมยังหื่นอีกขับรถมาจอดตรงหน้าฉันกะทันหัน ทำให้ฉันอับอาย คุกคามฉัน ให้ฉันไปค้างคืนกับเขา เข้ามาลวนลามฉัน ฉันก็แค่เอาอาวุธขึ้นมาปกป้องตัวเองเท่านั้น คุณตำรวจ ฉันอยากรู้ฉันทำอะไรผิด?”
เธอพูดประโยคเหล่านี้จบอย่างคล่องแคล่ว เจ้านายหลอถึงขนาดสงสัยว่าตอนที่อยู่บนรถเธอคิดข้อแก้ตัวเอาไว้ในใจเรียบร้อยแล้ว ไม่งั้นจะพูดออกมาอย่างฉะฉานได้ยังไง
“ ดีที่วันนี้คนที่เขาเจอเป็นฉัน ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่น ไม่แน่อาจจะโดนเขาบังคับขึ้นรถไปแล้ว พรุ่งนี้ ในประเทศก็จะมีข่าวทำร้ายข่มเหงหญิงสาวเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งข่าว เรื่องเลวทรามอย่างนี้ คุณทนได้หรือไง?”
ถังย่ายิ่งพูดน้ำเสียงยิ่งเคร่งขรึม
เธอทุบโต๊ะ รอยยิ้มบนหน้าค่อยๆจางหายไป
ถังย่าพูดต่อ เธอพูดด้วยเหตุผลว่า : “เจ้านายหลอ ฉันอยากรู้จริงว่าสถานีตำรวจไม่สนใจดูแลคนที่มีพฤติกรรมแบบนี้ให้ดีๆ แต่กลับจับผู้หญิงอ่อนแอไม่มีอำนาจอย่างฉันมาสอบสวนที่สถานีตำรวจ แบบนี้ถือเป็นการละเว้นไหม พวกคุณควรจะรู้ถ้าปล่อยคนเลวแบบนั้นไว้ด้านนอก จะมีเด็กสาวไร้เดียงสาอีกมากมายที่ถูกข่มเหง”
ที่เธอพูดเป็นความจริง เจ้านายหลอเองก็รู้ว่าพวกลูกเศรษฐีพวกนี้เย่อหยิ่ง
เขาเองก็อยากจะสั่งสอนสักครั้ง แต่ลูกเศรษฐีพวกนั้นมีทั้งอำนาจและยศศักดิ์ ด้านหลังยังมีคนคอยคุ้มกัน ไม่ง่ายเลยที่จะไปแตะ
หลังฟังที่ถังย่าพูดมาจบ ถึงแม้เจ้านายหลอจะไม่เห็นด้วยว่าเธอเป็นผู้หญิงอ่อนแอ แต่ก็ยังพอเข้าใจกับวิธีการของเธอได้
“โอเค เรื่องราวที่ผ่านมาฉันเข้าใจแล้ว ถึงแม้เขาจะทำไม่ถูก แต่คุณเลือกที่จะไม่สนใจได้ และไม่ใช่การเอามีดออกมาทำร้ายคน โชคดีที่เขาบาดเจ็บเล็กน้อยและสลบไป ไม่อย่างงั้น คุณต้องรับผิดทางอาญา”
น้ำเสียงของ เจ้านายหลออบอุ่นขึ้นนิดหน่อย ภายในสายตาที่มองถังย่าเต็มไปด้วยความไม่เห็นด้วย
ถังย่าฟังออกได้อย่างชัดเจนว่าน้ำเสียงของเขาเปลี่ยนไป และเอนพิงพนักเก้าอี้อีกครั้ง : “ฉันก็ถือว่าเป็นอีกคนที่สั่งสอนเขา ทำให้เขารู้ว่าไม่ใช่ผู้หญิงทุกคนที่จะเป็นแกะน้อย”
เธอตะคอกเสียงเย็นชา การถากถางปรากฏขึ้น
เจ้านายหลอรู้นิสัยของเธอ จะพูดเกลี้ยกล่อมก็ไม่ช่วยอะไรและไม่พูดอะไรอีก : “คุณถัง คุณโทรหาคนในครอบครัว ให้พวกเขามาประกันตัวคุณออกไปเถอะ”
เขาเก็บสมุดบันทึก
หลังจากรู้ความจริง เขาก็รู้สึกเป็นศัตรูกับถังย่าน้อยลง
ถึงแม้วิธีการของเธอจะไม่เหมาะสม แต่ถังย่าสวยขนาดนั้นถ้านิสัยไม่ใจร้อนขนาดนั้น ผู้ชายพวกนั้นต้องไม่ยอมแพ้แน่นอน
“ได้”
ถังย่าตกใจสักพัก คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะจัดการได้ค่อนข้างเร็ว เดิมที่เธอคิดว่าต้องอยู่ต่ออีกสักสองชั่วโมง
ประสิทธิภาพการทำงานของเจ้านายหลอคนนี้ทำให้เธอพอใจเป็นอย่างมาก
ถังย่าอยากจะไปเอาโทรศัพท์ แต่กลับพบว่ามือของตัวเองยังถูกใส่กุญแจมือไว้
เธอโบกมือไปมาตรงหน้าเจ้านายหลอ : “เจ้านายหลอ ตอนนี้ปล่อยฉันได้รึยัง?”
เจ้านายหลอหยิบกุญแจออกมา ปล่อยเธอออกจากกุญแจมือ
ถังย่า เผยรอยยิ้มสดใส กล่าวอย่างอ่อนโยนว่า : “ขอบคุณ”
รอยยิ้มนี้ของเธอหวานจนทำให้คนใจอ่อน เจ้านายหลอได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นช้าลงอย่างชัดเจน
หลังจากขอบคุณเสร็จ ถังย่าก็ไม่ได้มองอาการของเจ้านายหลออีกต่อไป
เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กดเปิดเครื่องแต่กลับพบว่าโทรศัพท์ของตัวเองแบตหมดไปแล้ว
ไม่รู้จะทำยังไง ถังย่าทำได้แค่มองเจ้านายหลออีกครั้ง : “เจ้านายหลอ คุณให้ฉันยืมโทรศัพท์คุณหน่อยได้ไหม ของฉันแบตหมดไปแล้ว”
ถึงว่า ทำไมซิวหน่ายซิงเด็กขี้เหร่นั้นถึงไม่โทรหาเธอ ที่แท้เป็นอย่างนี้นี่เอง
เห็นถังย่าจ้องมาที่ตัวเอง เจ้านายหลอเอาโทรศัพท์ออกมาอย่างไม่ค่อยเป็นตัวเอง : “เอาไป รหัสผ่าน1234”
รหัสผ่านง่ายๆ แบบนี้ ดูก็รู้ว่าไม่มีรหัสผ่าน
ถังย่ามองโต๊ะที่เป็นระเบียบเรียบร้อย คิดแล้วคิดอีก ในที่สุดก็โทรหาเบอร์ของจ้านเซิน
เธอจำเบอร์โทรศัพท์ซิวหน่ายซิงไม่ได้ และถังย่าก็อยากรู้ว่าถ้าจ้านเซินได้ยินว่าตัวเองอยู่ที่สถานีตำรวจจะรีบมาหาไหม
……
ในขณะเดียวกัน
จ้านเซินกำลังอยู่ในพักผู้ป่วยของฉินซี
ฉินซีกำลังกินซุปบำรุงที่เขาซื้อมาให้ ยิ้มพลางพูดว่า : “ช่วงนี้กินอาหารได้ดีขึ้นเรื่อยๆ ฉันนอนอยู่บนเตียงทั้งวัน รู้สึกเหมือนตัวเองจะอ้วนขึ้นไม่น้อย ไม่รู้เหมือนกันว่าคิดไปเองหรือเรื่องจริง จ้านเซิน ตอนคุณออกไป คุณช่วยซื้อเครื่องชั่งน้ำหนักอิเล็กทรอนิกส์มาให้ฉันหน่อย ฉันอยากชั่งน้ำหนัก”
หลังจากฟื้นขึ้นมา ท่าทางของฉินซีที่มีต่อจ้านเซินดูสนิทสนมยิ่งขึ้น
จ้านเซินยินดี เห็นเธออยากได้ที่ชั่งน้ำหนัก ไม่ได้คิดอะไรมากจึงตอบตกลง
“ฉันจะให้คนไปซื้อมาให้คุณเดี๋ยวนี้เลย คุณดื่มซุปให้หมดก่อน”
จ้านเซินใช้สายตาบอกให้เธอดื่มต่อ
“ได้”
ฉินซีพยักหน้าอย่างว่าง่าย ยกถ้วยขึ้นมาอีกครั้ง
การทำงานของลูกน้องรวดเร็วมาก หลังจากที่ฉินซีกินหมด เครื่องชั่งน้ำหนักก็ซื้อกลับมาเรียบร้อยแล้ว
จ้านเซินเปิดด้านข้างเตียงออก : “ลองดู”
ฉินซียิ้มบางๆ ลงจากเตียงมาลองชั่งดู ตอนที่เห็นตัวเลขด้านบน ความรำคาญปรากฏบนสีหน้า
เธออดถอนหายใจออกมาไม่ได้ : “เป็นจริงด้วย ฉันบอกแล้วว่าฉันอ้วนขึ้น”