บทที่ 1375 พวกเดียวกัน
“ฉันรู้สึกว่าหน้าฉันกลมขึ้นไม่น้อย จ้านเซินคุณลองจับดูสิอ้วนขึ้นรึเปล่า”
ฉินซีพูดอย่างสนิทสนม และยื่นหน้าไปตรงหน้าจ้านเซิน
การเคลื่อนไหวแบบนี้ ทำให้จ้านเซินตะลึงยืนแข็งทื่ออยู่ที่เดิม
ฉินซีเห็นเขายืนนิ่งไม่ขยับกะพริบดวงตาที่สดใสและถามอย่างสงสัยว่า:“จ้านเซิน คุณเป็นอะไรไป?”
เธอดูเหมือนกับว่าไม่เข้าใจ บริสุทธิ์ขนาดนั้น
จ้านเซินได้ยินเสียงเธอ รีบดึงสติกลับมาทันที : “ไม่มีอะไร”
เขาเม้มปาก ใบหน้าที่หล่อเหล่าแดงระเรื่ออย่างน่าสงสัย
“อืม?”
ฉินซีเอียงศีรษะ มองเขาอย่างไม่ลดละ
ความจริงแล้ว เธอก็ไม่อยากจะแสดงความสนิทชิดเชื้ออย่างนี้กับจ้านเซิน
แต่ เพื่อที่จะให้ตัวเองได้รับสิทธิและผลประโยชน์มากยิ่งขึ้น เธอทำได้แค่เสียสละตัวเอง
จริงๆ แล้วจ้านเซินก็อยากจะยื่นมือไปจับแก้มเธอ แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ไม่ทำ : “ใช่อ้วนขึ้นนิดหน่อย แต่ไม่ชัดขนาดนั้น น่ารักดีออก”
เขาพูดอย่างนิ่งๆ ภายในดวงตาสีเข้มส่องประกายไปด้วยความรักความอ่อนโยน
แต่ ฉินซีกลับไม่รู้สึกดีเพราะคำชมของเขา
เธอมองไปที่จ้านเซิน พูดด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน : “จ้านเซิน ฉันขอออกไปเดินเล่นอาบแดดข้างนอกได้ไหม ฉันไม่อยากอ้วน”
น้ำเสียงของ ฉินซีระมัดระวังขนาดนั้น กลัวเขาจะปฏิเสธ
เธอมองตรงไปที่จ้านเซิน รอคำตอบจากเขา
จ้านเซินได้ยินเธอพูดแบบนี้ จึงขมวดคิ้ว
ความจริงแล้วเขาไม่อยากให้ฉินซีออกไป
จ้านเซินได้เตรียมการดักซุ้มทั้งหมดไว้รอบๆ ห้องพักผู้ป่วยแล้ว ถ้าลู่เซิ่นปรากฏตัว เขาก็จะสามารถจับเขาได้อย่างง่ายดาย เดินเข้ามาในกับดักให้จับเอง
แต่ถ้าให้ฉินซีออกไปด้านนอก ถึงแม้ว่าการป้องกันของเขาจะแน่นหนามากก็ตาม แต่พื้นที่ด้านนอกใหญ่มาก มีโอกาสที่ลู่เซิ่นจะหลบนี้ได้ จ้านเซินไม่สบายใจ
เห็นจ้านเซินไม่เอ่ยปาก ไม่พูดอะไรอีกครั้ง ฉินซีรู้สึกร้อนใจขึ้นมานิดหน่อย
เธอมองจ้านเซิน ส่งเสียงออกไปให้น่าสงสารยิ่งขึ้น : “จ้านเซิน คุณให้ฉันออกไปเดินเล่นสักรอบเถอะ ขอร้องละ ถ้ายังให้ฉันอุดอู้อย่างนี้ต่อไปอีก สุดท้ายจากสบายดีจะกลายเป็นไม่สบายไปอีก”
ฉินซีเดินไปตรงหน้าเขา ดึงแขนเสื้อเขาไว้และเขาเขย่าเบาๆ
ในขณะที่กำลังเขย่าแขนจ้านเซินอยู่นั่น โทรศัพท์ของเขาก็สั่นขึ้น
“ครืด ครืด ครืด…”
จ้านเซินมองสายที่โทรเข้ามาแวบหนึ่งและขมวดคิ้ว : “ฉันขอไปรับโทรศัพท์ก่อน”
ภายนอกเขาดูไม่อึดอัด แต่ในกลับถอนหายใจออกมายาวๆ
โชคดีที่ถังย่าโทรสายนี้มาได้เวลาพอดี ไม่อย่างนั้น เขาไม่รู้จริงๆ ว่าจะจัดการกับฉินซียังไงดี
ถ้าเป็นฉินซีแบบเมื่อก่อน จ้านเซินปฏิเสธตรงๆ ก็จบแล้ว
แต่ ตอนนี้ฉินซีเชื่อฟังขนาดนี้ ทำให้เขาอดใจปฏิเสธเธอไม่ได้
“งั้นก็ได้”
ฉินซีรู้ว่าตัวเองบังคับจ้านเซินไม่ได้
ไม่อย่างนั้น ผลลัพธ์จะไม่เป็นอย่างที่คิด
คิดได้อย่างนี้ ในใจของฉินซีเต็มไปด้วยความห่อเหี่ยวใจ
เพราะแผนการล้มเหลว ฉินซีรู้สึกร้อนรนในใจขึ้นมาเล็กน้อย
เหยาจ้าวมองอยู่ ส่ายหน้าอย่างเงียบๆ
ฉินซีมองหลังจ้านเซินที่ค่อยๆ หายไปจากห้องพักผู้ป่วย และกลับไปนั่งลงบนเตียง
เหยาจ้าวเดินเข้ามาข้างตัวเธอ พูดเสียงต่ำว่า : “อย่าร้อนใจ”
ที่เขาพูดอย่างนี้ ก็เพื่อเตือนฉินซีทั้งนั้น
ฉินซีรู้ว่าเขาดีกับตัวเอง พยักหน้า : “ฉันเข้าใจ แต่ฉันก็อุดอู้จะแย่แล้ว”
เธอไม่ได้ต้องการจะหลบหนีตอนนี้ ฉินซีรู้ดี การหลบหนีง่ายๆไม่มีทางเป็นจริงแน่นอน
โจวซิงบอกกับเธอแล้วว่าเขากำลังค้นหาตำแหน่งที่ตั้งของยามที่ชัดเจนเป็นการส่วนตัวอยู่ ลู่เซิ่นจะมาช่วยเธอออกไปได้ในทันที
คิดได้อย่างนี้ ฉินซีก็อดตื่นเต้นขึ้นมาไม่ได้
ไม่รู้ว่าหลายวันมานี่ภายใต้ภาพลักษณะที่ดูสงบนิ่งของเธอ มีจิตใจที่ร้อนรนเพียงใดซ่อนอยู่
เหยาจ้าวรู้คนปกติคนหนึ่งถูกปกป้องดูแลตลอดทั้งวัน ในใจมีความกดดันมากแค่ไหน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งฉินซีที่เดิมทีหัวใจก็ไม่ได้อยู่ที่นี่อยู่แล้ว เธออยากจะบินออกไปอยู่ตลอดเวลา แต่กลับโดนจ้านเซินตัดปีกทิ้ง จึงทำได้แค่อยู่ในกรงขนาดมหึมานี้อย่างว่าง่าย
“เฮ้อ…”
เหยาจ้าวถอนหายใจลึกๆ : “คุณใจเย็นก่อน ฉันจะช่วยพูดกับจ้านเซินให้คุณ ห้ามเปิดเผยจุดประสงค์ของตัวเองออกมาเด็ดขาด เข้าใจไหม?”
ที่เขาทำได้ก็มีแค่นี้ หวังว่าจ้านเซินจะยินดีรับฟังบ้าง
ฉินซีได้ยินว่าเขาจะช่วย ความดีใจปรากฏออกมาบนใบหน้าอย่างชัดเจน
“ฉันเข้าใจ”
พอคิดได้ว่าไม่รู้ว่าจ้านเซินจะเปิดประตูเข้ามาเมื่อไหร่ ฉินซีรีบหุบยิ้มอย่างรวดเร็ว
ตอนนั้นเอง โจวซิงเปิดประตูเข้ามา
เขาไม่รู้ว่าเหยาจ้าวกับฉินซีคิดเหมือนกัน เพราะว่าฉินซียังไม่มีโอกาสจะบอกเขา
หลายวันมานี้จ้านเซินปกป้องดูแลอยู่ข้างตัวเธอตลอดเวลา ฉินซีไม่มีแม้แต่ช่วงเวลาให้อยู่คนเดียว
โจวซิงผลักประตูเข้า เมื่อเห็นเหยาจ้าวรอยยิ้มบนใบหน้าหายไปชั่วขณะ
เขาพูดอย่างนิ่งเฉย : “หมอเหยา”
สายตาของโจวซิงอยู่ที่ร่างของฉินซี เขาอยากจะคุยอะไรกับฉินซีตามลำพังสักหน่อย แต่เหยาจ้าวกลับยืนอยู่ตรงนี้ตลอดไม่ไปไหน ทำให้เขาหงุดหงิด
เขาคิดทบทวน : “หมอเหยา เช้านี้ก็ยุ่งมาทั้งวันแล้ว น่าจะเหนื่อยสินะ ตอนนี้เวลาพักเที่ยงพอดี คุณกลับไปพักที่ห้องทำงานสักหน่อยเถอะ ฉันดูแลฉินซีก็โอเคแล้ว”
โจวซิงพยายามคิดหาวิธี ที่จะทำให้เหยาจ้าวออกไป
แน่นอนเหยาจ้าวรู้ความคิดและเขาส่ายหน้า : “ไม่ต้อง ฉันไม่เหนื่อย ถ้าหมอโจวเหนื่อย ก็กลับไปนอนสักหน่อย ตรงนี้ฉันอยู่เอง”
เขายืนร่างสูงอยู่ที่ราวเป็นเสาต้นหนึ่ง ไม่มีความคิดจะออกไปแม้แต่น้อย
เห็นเขาเคร่งขรึมอย่างนี้ ในใจของโจวซิงยิ่งร้อนใจ
เขาเริ่มส่งสายตาให้ฉินซี ให้เธอคิดหาวิธี ทำยังให้เหยาจ้าวออกไป
ฉินซีเห็นความหงุดหงิดของเขา จึงยิ้มและพูดว่า : “หมอโจว คุณไม่ต้องตื่นเต้น มีอะไรก็พูดออกมาได้เลย หมอเหยาเป็นคนฝั่งพวกเรา”
เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งของทั้งสองคนระหว่างเหยาจ้าวกับโจวซิง ฉินซีไม่ปิดบัง บอกความจริงอย่างตรงไปตรงมากับโจวซิง
“อะไร?”
หลังจากโจวซิงได้ยินที่เธอบอก สีหน้าปรากฏความตกใจ
เขามองไปที่เหยาจ้าว สายตากลับไปกลับมา : “คุณบอกว่า ความจริงแล้วหมอเหยาเป็นพวกเดียวกับคุณ?”
โจวซิงคิดไม่ถึงเลยสักนิด ที่แท้ความสัมพันธ์เป็นอย่างนี้
“ใช้”
ฉินซีพยักหน้าน้อยๆภายใต้การจ้องมองของเขา
เธอรู้เรื่องนี้สำหรับโจวซิงแล้ว อาจจะเชื่อได้อยาก แต่ความจริงก็เป็นตามที่บอก เธอกับเหยาจ้าวร่วมมือด้วยกันในองค์กรมาตั้งนานแล้ว
โจวซิงได้ยินเสียงยืนยันขนาดนี้ของเธอ ความกังวลในใจน้อยลงไปหน่อย : “ในเมื่อหมอเหยาเป็นคนฝั่งเดียวกับพวกเรา งั้นฉันเริ่มพูดตรงๆ เลยแล้วกัน”
เขาไม่ได้ไล่เหยาจ้าวไปอีก ยอมรับความจริงนี้ได้อย่างรวดเร็ว
โจวซิงพูดอย่างเคร่งขรึม : “ก่อนหน้านี้ลู่เซิ่นให้ฉันตรวจสอบให้ชัดเจนว่าจ้านเซินแทรกแซงยามเข้ามาในโรงพยาบาลเท่าไหร่ และอยู่ที่ไหนบ้าง ตอนนี้ฉันตรวจสอบชัดเจนแล้ว ฉันคิดวิธีการส่งข่าวไปให้ลู่เซิ่นกับโจวเอ้อแล้ว”