บทที่ 1383 ความจำดี
เมื่อคิดถึงเรื่องที่ ซิวหน่ายซิง ทำงานไม่ได้เรื่อง ถังย่าก็รู้สึกโกรธ
แต่ ก็เป็นเพราะเรื่องนี้ ถึงทำให้เธอมีโอกาสได้เจอจ้านเซิน ก็ถือว่าได้กำไร
ถ้าเป็นเวลาปกติ ซิวหน่ายซิง จะต้องโต้เถียงเต็มที่
แต่วันนี้เขาหัวหดไปมาก “ลูกพี่ ผมไม่ได้ตั้งใจไปรับพี่ช้า ผมออกจากบ้านตรงเวลา แต่พอไปถึงกลางทางเจอเข้ากับขี้เมา ทำให้รถผมชน แล้วยังทำให้ผมวุ่นวายอีก ผมเลยเสียเวลาไปตั้งนาน”
ซิวหน่ายซิง ทีแรกจะไปรับถังย่าตรงเวลา แต่เรื่องนี้ช่างเถอะ
ใครจะรู้ รถจะเกิดอุบัติเหตุ จนสตาร์ทไม่ติด
ซิวหน่ายซิง ด้วยความโกรธ จึงโทรแจ้งตำรวจ
หลังจากนั้น ก็ต้องสอบสวนยุบยับ ถึงทำให้เขาเสียเวลาไปมาก
เสียงของซิวหน่ายซิง เผยความรู้สึกผิดอยู่ลึกๆ มองจ้านเซินที่ยืนข้างๆ อย่างระมัดระวัง
เห็นการแสดงออกของจ้านเซินไม่เหมือนกำลังโกรธ ในใจ ซิวหน่ายซิง ผ่อนลมหายใจยาว
ซิวหน่ายซิง รู้ดี จ้านเซินแม้ว่าเปลือกนอกจะเย็นชา แต่เมื่อเกิดเรื่อง ก็ปกป้องถังย่ามากทีเดียว
“เอาล่ะ อย่ารบกวนคนอื่นที่สถานีตำรวจทำงาน รีบไปกันเถอะ”
ถังย่าพูดอย่างรำคาญ ทำมือ บอกให้เขารู้ว่าไปได้แล้ว
จ้านเซินไม่เคยชินที่ถูกคนอื่นมองเป็นตัวตลก เขาจึงก้าวเท้าเดินนำออกไปก่อน
ถังย่าเห็นเขาออกไปแล้ว ก็รีบตามติดไป
ทั้งสองคนออกไปแล้ว ซิวหน่ายซิง ย่อมไม่มีเหตุผลอยู่ที่นี่ต่อ
เขาเดินตามหลังถังย่าและจ้านเซินแต่โดยดี ไม่พูดอะไร
ซิวหน่ายซิง ไม่พูดจาเจ๊าะแจ๊ะเหมือนปกติ กลับทำให้ถังย่ารู้สึกไม่คุ้นชิน
พอออกจากสถานีตำรวจ จ้านเซินก็พูดขึ้นอย่างรอไม่ไหว “ในเมื่อทางนี้จัดการเรียบร้อยแล้ว ผมจะกลับไปโรงพยาบาลก่อน ลู่เซิ่นทางนั้น คุณจับตาใกล้ชิดหน่อยละกัน”
เขาสั่งสั้นๆ ก็เดินจากไป
“จ้าน…”
ถังย่ามองตามหลังเขา อ้าปากค้าง อยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับเห็นเขาเดินไปไกลแล้ว
เธอมองจ้านเซินเดินจากไปอย่างเย็นชา ดวงตาคู่งามฉายแววผิดหวัง
“ลูกพี่ คนไปโน่นแล้ว ไม่ต้องยืนเหม่อตรงนี้แล้ว”
ซิวหน่ายซิง พูดจาหยอกล้อ จ้านเซินไปแล้ว เขากลับคืนสู่นิสัยปกติ
เสียงที่ดังขึ้น แทรกความคิดของถังย่า
ได้ยินน้ำเสียงล้อเลียนของซิวหน่ายซิงถังย่าก็โมโห
เธอหันไป จ้อง ซิวหน่ายซิง สายตาดุ “หุบปากนายไปให้สนิทเลย อย่าให้ฉันได้ยินนายพูดบ้าบออะไรอีก! ถ้าได้ยินนายนินทาอีก เดี๋ยวฉันจะตัดลิ้นนายโยนให้หมากิน!”
เสียงถังย่าข่มขู่อย่างเย็นชา ดวงตาเรียวฉายแววอันตราย
ซิวหน่ายซิง หุบยิ้มทันที เขาจับน้ำเสียงได้ว่าถังย่าไม่ได้ล้อเล่น
จ้านเซินคือจุดอ่อนของถังย่า และเป็นข้ออ้างของเธอด้วย
เพื่อจ้านเซิน เธอบุกน้ำลุยไฟได้ กระทั่งแลกด้วยชีวิต
ติดตามถังย่ามาหลายปี ซิวหน่ายซิง มองเรื่องที่เธอเก็บงำไว้ออก
เขาถอนหายใจอยู่ในใจเงียบๆ อยากจะพูดเกลี้ยกล่อมถังย่าให้เลือกทุ่มเทเพื่อความรัก แล้วจะช่วยอะไรได้ล่ะ ในเมื่อ ซิวหน่ายซิงรู้ดี นิสัยของถังย่าเหมือนลาดื้อ ไม่มีทางฟังคำพูดเกลี้ยกล่อมของคนอื่น
นิสัยไม่ชนกำแพงไม่ถอยหลัง เกรงว่ามีแต่การรอจ้านเซินทำให้เธอปวดร้าวใจ ถังย่าถึงจะปล่อยวางได้
“ลูกพี่ วางใจเถอะ ผมรูดซิปปากแล้ว”
ซิวหน่ายซิง หวังจะแหย่ให้ถังย่าพูด จึงยิ้มทะเล้น
ถังย่ามองเขาหน้าด้านหน้าทน ใจอ่อนลงไม่น้อย
เมื่อนึกถึงที่จ้านเซินกำชับ เธอย่นคิ้ว “พอล่ะ ไม่ต้องหุบปากแล้ว ไปสืบหน่อยลู่เซิ่นตอนนี้อยู่ไหน พวกเราไปดูเขาหน่อย”
ถึงแม้ตอนนี้ใจของจ้านเซินจะยังอยู่กับฉินซี แต่ถังย่ายังคงเต็มอกเต็มใจทำเพื่อจ้านเซิน
“ลูกพี่ ผมไปสืบมาแล้ว ตอนนี้ลู่เซิ่นซ่อนตัวอยู่ มีผู้ชายคนหนึ่งติดตามเขา ดูแล้วน่าจะเป็นลูกน้อง สองคนนั่นช่วงก่อนไปโรงพยาบาลที่ฉินซีอยู่ น่าจะไปดูสถานการณ์ให้แน่ชัดก่อน ค่อยหาทางช่วยฉินซีออกไป”
ถึงแม้ซิวหน่ายซิง เปลือกนอกจะดูแล้วทำอะไรเล่นๆ แต่เรื่องที่ควรทำ เขาก็ไม่เกียจคร้านสักนิดเดียว
ช่วงนี้ถังย่าออกไปปฏิบัติภารกิจ จึงส่งมอบเรื่องในมือให้ซิวหน่ายซิง รับช่วงต่อ
ก่อนไป ถังย่ากำชับเป็นพิเศษ จะต้องจับตาดูลู่เซิ่น เมื่อฟังจากที่เขาเล่าเมื่อครู่ ซิวหน่ายซิง ทำได้ไม่เลวจริงๆ
“ดีมาก!”
ถังย่าพยักหน้า ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มบางๆ
เมื่อได้รับคำชมจากถังย่า ซิวหน่ายซิง ก็ยิ้มกว้างสดใส “แหะๆ…”
เขาโฉบมาข้างถังย่าเล่นหูเล่นตา “งั้นลูกพี่ ผมทำงานดีขนาดนี้ มีรางวัลอะไรให้มั้ยฮะ อย่างเช่น…”
ซิวหน่ายซิง กำลังจะบอกถังย่า ขอให้เธอเพิ่มเงินเดือนให้เขาหน่อย ถังย่าก็พูดเสียงเย็น “ไม่มี”
เธอจ้องมอง ซิวหน่ายซิง สีหน้าเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม
ถังย่ารู้อยู่แล้ว เขาจะต้องเรียกร้องอีกแน่
เธอนึกเสียใจเหลือเกิน เมื่อครู่ทำไมต้องชมเชย ซิวหน่ายซิง
ซิวหน่ายซิง ยังไม่ทันพูดความในใจออกมา ก็ถูกถังย่าตัดบทอย่างไม่เหลือเยื่อใย รู้สึกเสียใจมาก
เขาก้มหน้าผิดหวัง “งั้นก็ได้”
เมื่อเห็นใบหน้าของซิวหน่ายซิง ที่ตอนแรกยังมีชีวิตชีวากลับหน้าคว่ำไปแล้ว ถังย่าขมวดคิ้ว
เธอเงยหน้า ตบหลังซิวหน่ายซิง ที่กำลังก้มตัวอยู่หนักๆ “ร่าเริงหน่อย!”
ถังย่าจ้องเขาสายตาโกรธ
“ครับๆๆ”
ซิวหน่ายซิงเห็นเธอทำท่าจะโกรธจริงๆ รีบเปลี่ยนท่าที
เขารีบปรับท่าทางให้เป็นปกติ กลัวว่า จะโกรธจริงๆ
……
จ้านเซินรีบร้อนกลับไปที่โรงพยาบาล
ขณะที่เขาเดินผ่านประตูหน้า ก็ชะงักนิดหนึ่ง
สายตาของจ้านเซินมองด้านข้างแวบหนึ่ง นัยน์ตาดำขลับมีแววตาที่มีความหมายไม่ชัดเจน
เขาหยุดราวสามวินาที จากนั้นก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก้าวพรวดไปข้างหน้า
เมื่อครู่จ้านเซินรู้สึกเหมือนจะเห็นคนหนึ่งที่น่าสงสัยตรงหน้าประตู คนนั้นแม้ว่าจะสวมเสื้อผ้าเหมือนกับองค์กร แต่รูปร่างไม่เหมือน
จ้านเซินมีทักษะจดจำคนได้แม่นยำ คนที่เขาส่งมาเฝ้าฉินซีเป็นยอดฝีมือขององค์กร
คนพวกนี้ติดตามจ้านเซินมาหลายปี รูปร่างหน้าตาลักษณะพิเศษของพวกเขา จ้านเซินรู้ดีกว่าใคร
เพียงแค่เห็นแวบเดียว จ้านเซินก็ดูออก รูปร่างคนที่เห็นเมื่อครู่คล้ายกับคนที่คุ้นเคย แต่ไม่ใช่ลูกน้องของเขา
จ้านเซินคิดถึงความเป็นไปได้อย่างหนึ่ง นั่นคือมีใครสักคนเปลี่ยนคนที่เขาส่งมา
ใครเป็นคนเปลี่ยน คำถามนี้ชัดเจนมาก
ในหัวของจ้านเซินมีหน้าของลู่เซิ่นลอยมา ดวงตาดำขลับฉายแววอันตราย