flash marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1386 สาวรุ่นแรกแย้ม

บทที่ 1386 สาวรุ่นแรกแย้ม

ถังย่าเพิ่งจะพูดจบ ลู่เซิ่นก็ปฏิเสธข้อเสนอของเธอเสียงดังเฉียบขาด

อยากจะให้เขาไปจากฉินซี นอกจากความตายเท่านั้น

น้ำเสียงของลู่เซิ่นแข็งกร้าว ไม่เหลือพื้นที่ให้เจรจา

ทัศนคติของเขา ทำให้ถังย่าขมวดคิ้ว “ลู่เซิ่น คุณก็น่าจะรู้ จ้านเซินไม่มีทางยอมปล่อยฉินซีไปง่ายๆ แน่ องค์กรก็ไม่มีทางเช่นกัน”

อันที่จริง ถังย่าไม่เข้าใจความคิดของลู่เซิ่นนัก

เธออยู่ข้างนอกนานเข้า ก็ค่อยๆ เข้าใจอารมณ์ของมนุษย์มีการเปลี่ยนแปลงมากมายและซับซ้อน

ถังย่าเคยเห็นคู่รักมากมายที่รักกันปานกลืนกิน สัญญาจะรักกันชั่วฟ้าดินสลาย ไม่นานก็แยกทางใครทางมัน กระทั่งทะเลาะกันจนฆ่าตัวตาย

ความรู้สึกเช่นนี้ ควรค่าอย่างนั้นหรือ

ในสายตาของถังย่า มันไม่คู่ควรเอาเสียเลย

“ผมรู้ดี”

อยากจะให้

ฉินซีพ้นจากองค์กรยากลำบากแค่ไหน ลู่เซิ่นทำไมจะไม่รู้ล่ะ

ทว่า ต่อให้ยากลำบากแค่ไหน เขาจะต้องลองดูสักตั้ง

ขอแค่ทำให้ชีวิตที่เหลือจากนี้ของฉินซี ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ให้เขาทำอะไรก็ยอม

“คุณเคยคิดมั้ยคะ ใช่ว่าคุณไม่มีฉินซีไม่ได้”

ถังย่ารู้สึก ผู้ชายสมบูรณ์แบบอย่างลู่เซิ่น ผู้หญิงสวยรอบตัวคงต้องนับไม่ถ้วนแน่

ฉินซีแม้จะมีคนเดียว แต่ใช่ว่าจะไม่มีใครมาแทนได้

จะว่าไป อยู่กันนานวันเข้า เมื่อฉินซีแก่ตัวลง หรือเธอได้รับบาดเจ็บ ใบหน้ากระทบกระเทือน ไม่สวยอีกต่อไป ลู่เซิ่นยังจะเหมือนตอนนี้ รักฉินซีขนาดนี้ไหม

“ไม่เคยคิด”

สามคำอีกแล้ว…

ถังย่าฟังคำตอบของลู่เซิ่นชักหมดความอดทน รู้สึกว่าไม่สามารถเจรจากับเขาได้

ไม่ว่าเธอพูดอะไร ลู่เซิ่นก็ปฏิเสธเธอทุกทาง

ท่าทางแบบนี้ ยั่วโมโหถังย่าไม่น้อย

เดิมทีเธออยากจะหารือกับลู่เซิ่นด้วยดี หาวิธีการที่ลงตัวทั้งสองฝ่าย

แม้ว่าถังย่าไม่กลัวว่าจะเกิดความขัดแย้งจริงๆ แต่ก็ไม่อยากเห็นตอนที่จ้านเซินเสียใจ

เมื่อคิดถึงว่าจ้านเซินเสียใจเพราะฉินซี เธอก็รู้สึกปวดใจ

เพราะเหตุนี้ ถังย่าถึงยอมลดศักดิ์ศรี เป็นฝ่ายมาหาลู่เซิ่นเอง

แต่ลู่เซิ่นกลับเหมือนคนที่ไม่คิดอะไรทั้งนั้น คิดแต่พุ่งชน ไม่คิดถึงผลที่ตามมาจะเกิดอะไรขึ้น

ถังย่ากัดฟันพูด “ลู่เซิ่น คุณควรจะรู้ว่ากฎเกณฑ์ในองค์กรโหดร้ายแค่ไหน คนอย่างฉินซีคิดทรยศองค์กร ลงโทษสถานเบาก็ส่งใบกักบริเวณในห้อง เอาไปรักษา ให้เธอเลิกล้มความคิด แต่โดยดี ภักดีองค์กรทั้งกายใจ อุทิศตัวเองทุกสิ่งทุกอย่างให้องค์กร”

เมื่อพูดถึงรักษา ที่จริงก็คือเอาไปสั่งสอน

วิธีการสั่งสอนมีมากมาย เช่น ลงโทษทางกาย ทรมาน บำบัดจิต เป็นต้น

สรุปแล้วแต่ละวิธีไม่สบาย

ถังย่าไม่พูดอะไร สีหน้าของลู่เซิ่นบอกบุญไม่รับ

เขารู้ว่าองค์กรโหดเหี้ยมแค่ไหน จึงหวังว่าฉินซีจะหนีออกมาได้เร็ววัน

ลู่เซิ่นไม่อยากให้ฉินซีกลับไปสถานที่เฉยชาไร้หัวใจอีกแล้ว

ฉินซีสวยงามอย่างนี้ เธอควรได้ใช้ชีวิตในที่สว่าง ดวงตาที่งดงามของเธอ ควรจะได้ออกไปเห็นโลกกว้าง ไม่ใช่มือเปื้อนเลือด

“ห้องกักขังสั่งสอนไม่ได้ ยังคิดจะหนีอีก ปกติแล้วองค์กรจะเลือกจำกัดพวกเขาทิ้ง เพื่อไม่ให้พวกเขาแพร่งพรายความลับขององค์กร”

ถังย่าไม่ปิดบัง บอกความเป็นไปได้ที่ร้ายแรงที่สุดกับเขาตรงๆ

เธอหวังว่าลู่เซิ่นจะไตร่ตรองให้ดี สิ่งที่จะต้องแลกนั้นจะรับไหวหรือไม่

เมื่อได้ยิน “กำจัด” สองคำนี้ ในใจลู่เซิ่นเต้นไม่เป็นจังหวะ

อันที่จริง ลู่เซิ่นคาดเดาไว้อยู่แล้ว

องค์กรอย่างพวกเขา จะยอมปล่อยให้มีเรื่องหักหลังได้อย่างไร

ฉินซีมีชีวิตรอดมาได้ถึงตอนนี้ ทั้งหมดก็เพราะมีคนช่วย และเพราะตัวฉินซีเองก็มีประโยชน์กับองค์กรมาก เธอคือกำลังขององค์กร เช่นเดียวกับถังย่า เป็นมีดที่ดีที่สุด

คืออาวุธที่ดีเยี่ยมซึ่งอาจบ่มเพาะไม่ได้อีกหลายสิบปีในองค์กร พวกคนเก่าแก่ของห้องทดลองทุ่มเทกำลังกายกำลังใจมากมาย ถึงจะปั้นฉินซีอย่างทุกวันนี้ได้ จะยอมให้เธอตายง่ายๆ ได้อย่างไร

ดังนั้น เมื่อองค์กรรู้ว่าฉินซีมีความคิดจะหนีไป ปฏิกิริยาแรกคือจับเธอกลับมา แล้วล้างสมองใหม่ เพื่อให้เธออยู่ต่อไป

เพียงแต่ ความมุ่งมั่นของฉินซีแน่วแน่กว่าคนอื่น

เรื่องใดที่เธอแน่ใจแล้ว อยากจะเปลี่ยนแปลง เป็นไปไม่ได้

ดังนั้น การล้างสมองจึงไม่สำเร็จ

อีกอย่างหนึ่ง จ้านเซินยังมีความรู้สึกพิเศษกับฉินซี ฉินซีถึงได้มีชีวิตมาถึงตอนนี้

เมื่อคิดถึงตรงนี้ ถังย่ารู้สึกอิจฉาขึ้นมาแวบหนึ่ง

เป็นสมาชิกขององค์กรเหมือนกัน เป็นผู้ช่วยที่มีความสามารถมากที่สุดของจ้านเซินเหมือนกัน แต่การตอบแทนของเธอกับฉินซีช่างแตกต่างกันสิ้นเชิง

แม้ว่าลูกน้องจะปฏิบัติต่อเธอกับฉินซี ให้ความเคารพเหมือนกัน แต่ใจของจ้านเซินเอนเอียงไปทางฉินซีอยู่เสมอ มีภารกิจอะไรก็ให้เธอไปทำก่อน และเป็นเรื่องที่อันตรายที่สุดด้วย

ถังย่าหลับตาเพื่อ ปิดบังความรวดร้าวใจ

แต่ลู่เซิ่นความรู้สึกไวรับรู้ได้ว่าเธอผิดปกติ

ถังย่าแม้จะมีความสามารถเกินใคร แต่ในด้านอารมณ์อ่อนไหวมาก

เธอไม่รู้สึกว่าอารมณ์ของตัวเองแผ่ออกมา จนกระทั่งลู่เซิ่นรับรู้ได้

ลู่เซิ่นมองเธอ กระซิบ “ถังย่า คุณชอบจ้านเซินใช่มั้ย”

เขาถามตรงๆ ไม่อ้อมค้อม

คำถามที่เกิดขึ้นกะทันหัน เหมือนฟ้าผ่า กระแทกใจของถังย่าอย่างจัง

ถังย่าเงยหน้าทันที มองเขาอย่างตกใจ “คุณพูดอะไร!”

เธอพูดอย่างตื่นเต้น ลุกพรวด

ถังย่าค่อยรู้สึกตัว เมื่อครู่ตัวเองตื่นเต้นเกินไป

เธอสูดลมหายใจลึก บังคับให้ตัวเองสงบลง “ประธานลู่ กรุณาอย่าสงสัยความภักดีของฉันต่อองค์กร ฉันไม่เหมือนกับฉินซี ฉันเป็นทารกที่ถูกทิ้ง เป็นเด็กกำพร้าที่องค์กรเก็บมาเลี้ยง องค์กรให้จิตใจ ให้ชีวิตฉัน ให้ฉันอยู่อย่างแข็งแรง เติบโตมาจนถึงทุกวันนี้ มีชีวิตที่สุขสบายอย่างนี้”

ถังย่าจำได้ดีว่าองค์กรดีกับเธอมาตลอด คอยช่วยเหลือเธอ เธอไม่ใช่คนที่จะเนรคุณ

เธอมีปฏิกิริยารุนแรง ไม่ว่าใครก็ดูออก ความรู้สึกของเธอต่อจ้านเซินไม่ใช่แค่เพื่อนร่วมงาน

ถังย่าในด้านความรู้สึก เป็นแค่กระดาษขาวว่างเปล่า

แต่ว่า เพราะการปฏิบัติงานช่วงก่อน จ้านเซินให้เธออยู่กับฉินซี เฝ้าเธอ จึงได้รู้จักกับลู่เซิ่น

เห็นความรักระหว่างฉินซีกับลู่เซิ่น ถังย่าค่อยๆ ฉลาดขึ้น

ถังย่าเหมือนสาวรุ่นแรกแย้ม ยังอยู่ในขั้นไม่เข้าใจ

เธอไม่รู้ว่าต้องปิดบังใจของตัวเองอย่างไร เรื่องนี้องค์กรไม่เคยสอน ถึงได้ถูกลู่เซิ่นเล่นลูกไม้ได้ง่ายๆ

คิดถึงตรงนี้ ถังย่ายิ่งโกรธ มือข้างตัวกำหมัดแน่น

flash marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

flash marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

Options

not work with dark mode
Reset