บทที่ 1388 ดักฟัง
ขณะนี้ ลู่เซิ่นรู้สึกว่าตัวเองไม่เคยรู้จักถังย่า
เธอเย็นเยียบไปทั้งตัว เหมือนน้ำแข็งไม่ละลาย แต่จิตใจของถังย่ากลับเปราะบางเหลือเกิน
ถังย่าเป็นตัวแทนสภาพชีวิตของคนรากหญ้าทั้งสังคม คือความทุกข์ยากของมนุษย์ คือโลกที่ลู่เซิ่นคิดไม่ถึง
แม้ว่าตอนนี้ถังย่ามีชีวิตสุขสบาย แต่เธอก็ไม่เคยรู้ความสุขคืออะไร
“ซิวหน่ายซิง กลับ!”
ถังย่าพูดเสียงเย็นชา พอพูดจบก็ผละไป
เดิมเธออยากจะเกลี้ยกล่อมลู่เซิ่น แต่พบว่าทั้งสองคนมีจุดยืนต่างกัน ไม่มีทางคุยกันรู้เรื่อง
ซิวหน่ายซิงเห็นเธอกลับ ก็ตามไปด้วย
ห้องรับแขกว่างเปล่า เหลือแต่ลู่เซิ่นกับโจวเอ้อสองคน
ลู่เซิ่นนั่งบนโซฟาสีหน้าเคร่งขรึม บรรยากาศรอบตัวเย็นจนขนลุก
ดูเหมือนเขาจะกำลังครุ่นคิดคำพูดของถังย่าเมื่อครู่ ท่าทางลู่เซิ่นตอนนี้ ทำให้โจวเอ้อรู้สึกหวั่นใจ
โจวเอ้อเดินเข้าไปใกล้ มองเขา พูดอย่างระมัดระวัง ”นายไม่เป็นอะไรนะ”
อันที่จริง เท่าที่เขาฟัง คำพูดของถังย่าที่พูดมาทั้งหมด ก็ไม่ผิดอะไร
การใช้ชีวิตเดิมเป็นเรื่องยากอยู่แล้ว โดยเฉพาะถังย่าที่เป็นเด็กที่เคยผ่านความยากลำบาก เมื่อพูดถึงความสุข ความยินดีเป็นเรื่องเพ้อฝัน
“ไม่เป็นไร”
ลู่เซิ่นหรี่ตาสองข้าง พูดเรียบๆ
เดิมขาคิดจะกล่อมให้ถังย่าร่วมมือกับตัวเอง ช่วยเขาพาฉินซีออกมา
แต่คิดไม่ถึง ปณิธานของถังย่าแน่วแน่
จริงๆ ถังย่าสมแล้วที่เป็นมีดเล่มที่ดีที่สุดในองค์กร ปฏิบัติภารกิจสุดโหดเพื่อองค์กร
“ในเมื่อหมดทางแล้ว งั้นก็ทำต่อ ทางใต้ดินที่โรงพยาบาล เจาะทะลุได้เมื่อไหร่”
ลู่เซิ่นมองเขา พูดช้าๆ
ไม่ว่าอย่างไร เขาไม่มีวันยอมปล่อยมือฉินซีแน่
ลู่เซิ่นรู้ดี ฉินซีอยากหนีออกจากองค์กรมากแค่ไหน
เมื่อนึกถึงฉินซีถูกจับกลับองค์กร สองคนไม่มีโอกาสเจอกันอีก ลู่เซิ่นก็รู้สึกปวดร้าวใจ
โจวเอ้อเห็นอารมณ์ของเขากลับมาปกติแล้ว ในใจรู้สึกโล่งอก ”พรุ่งนี้ก็ได้แล้ว ถึงเวลากลางคืนนายแอบลอบเข้าห้องฉินซี ตรวบสอบก่อน ถ้าไม่ติดขัดอะไร ก็พาฉินซีออกมา ถ้าไม่ง่ายอย่างนั้น เราค่อยหาโอกาสอื่น พาฉินซีออกมา”
เขาทบทวนแผนกับลู่เซิ่นสีหน้าเคร่งเครียด
“อึม”
ลู่เซิ่นพยักหน้า รู้สึกว่าแผนนี้ปลอดภัยที่สุด
ตอนนี้เขาต้องรู้สถานการณ์ในองค์กรให้ชัดเจนก่อน มิเช่นนั้น พาฉินซีออกมา ก็จะเป็นอันตราย
ลู่เซิ่นไม่รู้ เมื่อครู่ที่ถังย่ามา ไม่เพียงเพื่อกล่อมเขาให้เลิกล้มเรื่องช่วยฉินซีหนี
มากไปกว่านั้น ถังย่ายังแอบซ่อนเครื่องดักฟังที่โซฟาด้วย
บนรถ มุมปากถังย่าเผยอนิดนึง มีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏ
ซิวหน่ายซิงมองเธอยิ้ม รู้สึกเสียวสันหลังวาบ
“ลูกพี่ อย่ายิ้มอย่างนั้น น่ากลัวชะมัด”
ซิวหน่ายซิงตัวสั่น พูดอย่างหวั่นใจ
ถังย่าถลึงตามองเขา “ขับไปดีๆ อย่าพูดมากอีก”
เธอหยิบหูฟังมาอุดหู ได้ยินข่าวจากลู่เซิ่นทุกที่ทุกเวลา
เวลาเดียวกัน
ฉินซีที่อยู่ที่โรงพยาบาล ก็ได้รับข่าวเช่นกัน
“คุณพูดจริงหรือคะ”
ฉินซีมองโจวซิง ประหลาดใจ น้ำเสียงแฝงด้วยความยินดี
เมื่อครู่ที่โจวซิงพูด ลู่เซิ่นโทรมาหาเธอแล้ว คืนนี้เที่ยงคืน จะมาหาเธอ
“จริงครับ”
โจวซิงพยักหน้า ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม
เธอรอวันนี้ มานานแสนนาน
ตอนนี้ลู่เซิ่นกับโจวเอ้อในที่สุดก็ลงมือแล้ว ถ้าแผนคืนนี้สำเร็จ ฉินซีก็จะได้รับการช่วยเหลือออกไปพวกเขาก็จะหลุดพ้นอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว
“เยี่ยมเลย!”
ฉินซีตื่นเต้นสุดขีด
สายตาที่เดิมมืดมนหมดหวัง มีประกายเหมือนแสงดาว
ฉินซีมีความหวังกับอนาคตอีกครั้ง เธอรู้ว่าลู่เซิ่นไม่มีทางทิ้งเธอแน่นอน
โจวซิงเห็นเธอท่าทางดีใจมาก ก็กระซิบเตือน “เหลือเวลาแค่บ่ายนี้เท่านั้น คุณต้องแกล้งทำตัวปกติ อย่าทำตัวผิดสังเกตเด็ดขาด ให้จ้านเซินจับได้”
ไม่ว่าจะสำเร็จหรือล้มเหลว นี่คือโค้งสุดท้ายแล้ว
โจวซิงไม่อยากเห็นตอนจบที่ไม่อยากเห็นถ้าเป็นอย่างนั้น ความพยายามหลายวันมานี้ก็จะสูญเปล่า
“คุณวางใจเถอะค่ะ ฉันเข้าใจ”
ฉินซีพยักหน้า เธอรู้ดีกว่าใครสถานการณ์ในตอนนี้สำคัญมากแค่ไหน
เมื่อก่อนไม่ว่าจะต้องปฏิบัติงานยากแค่ไหน ฉินซีไม่เคยกังวลมากเท่านี้มาก่อน หลังจากฟังโจวซิงพูดเมื่อครู่แล้ว ในใจก็รู้สึกว้าวุ่น
เธอรอคอยลู่เซิ่นให้มาเร็วๆ แต่ก็กังวลว่าจ้านเซินจะมาเจอเข้า
ฉินซีวางแผนในใจ คืนนี้ทำอย่างไรถึงจะหลอกจ้านเซินออกไปได้
เวลานี้เอง จ้านเซินอยู่ๆ ก็โผล่มา
“ทำไมคุณลุกขึ้นมาครับ”
จ้านเซินมองฉินซีที่นั่งบนโซฟา ขมวดคิ้ว
เขาเพิ่งกลับมาจากข้างนอก ยังมีความเย็นติดตัว
เมื่อขมวดคิ้ว ทำให้คนอื่นคิดว่าจ้านเซินโกรธ
ฉินซีใจเต้นไม่เป็นส่ำ รีบปรับอารมณ์ตัวเองให้เป็นปกติ “เมื่อครู่หมอโจวจะช่วยตรวจให้ ฉันนอนบนเตียงมาหลายวัน นอนจนปวดเมื่อยไปหมดก็เลยเสนอว่าจะนั่งที่โซฟาหมอโจวขัดฉันไม่ได้ ก็เลยตกลงค่ะ
เธอพูดรวบรัดเพื่อให้จ้านเซินเลิกสนใจ
จ้านเซินรู้ดี หลายวันมานี้เธอไม่ได้ลงจากเตียงเลย
ก่อนออกไปข้างนอก ฉินซียังบอกว่าอยากจะออกไปข้างนอก แต่เป็นเพราะถังย่าโทรเข้ามา เขารีบออกไปข้างนอก จึงไม่ได้ตอบตกลง
ต้องนอนบนเตียงตลอดเวลายากที่จะทนไหว โดยเฉพาะกับคนที่ออกกำลังตลอดเวลา คันไม้คันมือ อยากจะออกไปวิ่งสักรอบแทบตาย พูดง่ายๆ รับไม่ได้ยิ่งกว่าฆ่าเขา
ความรู้สึกนี้ จ้านเซินเคยสัมผัสมาแล้วครั้งหนึ่ง
การบาดเจ็บเล็กน้อยจ้านเซินไม่เคยสนใจ จะฝึกต่อไปทั้งที่บาดเจ็บ
แต่ครั้งนั้น จ้านเซินบาดเจ็บหนักเหลือเกิน เสียเลือดมากเกือบจะต้องจบชีวิต นอนบนเตียงหนึ่งเดือนเต็มๆ ตอนนี้ที่ท้องเขายังคงมีรอยแผลผ่าตัดยาว
นึกถึงตรงนี้ จ้านเซินย่นคิ้ว ”คุณบอกว่าอยากออกไปข้างนอกใช่มั้ย ตอนนี้ผมมีเวลาพอดี ผมจะไปเป็นเพื่อนคุณเอง”
พอพูดจบ เขาก็ก้าวเท้ายาว เข้ามาหาฉินซี
ฉินซีมองเขาแปลกใจที่อยู่ๆ ก็ตอบตกลงตัวเอง แอบส่งสายตากับโจวซิง
เธออยากให้โจวซิงช่วยวิเคราะห์หน่อย จ้านเซินตอนนี้มาไม้ไหนกันแน่
อันที่จริงโจวซิงก็อ่านใจจ้านเซินไม่ออก
หลักๆ เป็นเพราะจ้านเซินตำแหน่งสูงเกินไป ความมุ่งมั่นก็แรงกล้ามาก โจวซิงไม่มีทางมองเขาจากสายตา เพื่อค้นหาก้นบึ้งหัวใจของจ้านเซิน และยิ่งมองไม่เห็นความคิดของเขา