บทที่1391 เยี่ยมเยือน
ท่วงท่าที่ดูใกล้ชิดของฉินซีและจ้านเซิน ทำให้ใจของถังย่าเต็มไปด้วยความขมขื่น
แต่ในความเป็นจริง ฉินซีไม่ได้ตั้งใจที่จะดึงจ้านเซินเอาไว้
เมื่อกี้ตอนที่กำลังเดินอยู่ เธอไม่เห็นก้อนหินบนถนน ทำให้ไม่ทันระวังสะดุดมัน จ้านเซินก็แค่ยื่นมือมาช่วยอย่างเร็วเท่านั้น
ตั้งหลักได้แล้ว ฉินซีจึงหันไปมองจ้านเซิน “ขอบคุณ”
เธอพูดขอบคุณด้วยโทนเสียงต่ำ บนใบหน้ามีริ้วสีแดงจางๆด้วยความตกใจ
ท่าทางของฉินซีตอนนี้ มันดูทั้งน่ารักและน่าทะนุถนอม
“เฮ้อ”
จู่ๆฉินซีก็ถอนหายใจออกมา
ความรู้สึกหดหู่ที่ประเดประดังเข้ามา ทำให้จ้านเซินขมวดคิ้ว “มีอะไรเหรอ?”
ทำไมเมื่อกี้ฉินซียังดูร่าเริงอยู่เลย แต่ตอนนี้กลับดูไม่มีความสุข มันทำให้เขาไม่เข้าใจ
ฉินซีส่ายหน้า ขบริมฝีปากล่าง ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงไร้ซึ่งชีวิตชีวา “ฉันรู้สึกว่าตอนนี้ฉันยิ่งอยู่ยิ่งไม่มีประโยชน์ ขนาดเดินเฉยๆยังสะดุดล้ม เมื่อก่อนตอนปฏิบัติภารกิจฉันกล้าหาญมาก ไม่รู้ว่าตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้น หรือเป็นเพราะอาการป่วยของฉันเหรอ หรือเพราะว่าฉันอยู่แต่ในห้องนานเกินไป การตอบสนองของเส้นประสาทเลยเสื่อมไปแบบนี้”
เธอพยายามพูดชักจูง ฉินซีหวังว่าจ้านเซินจะตระหนักถึงจุดนี้ และไม่ให้เธออยู่ในห้องพักฟื้นทั้งวัน ถ้าเป็นแบบนั้นจะทำให้เธอมีโอกาสหนีได้มากขึ้น
ไม่รู้ว่าจ้านเซินฟังเข้าใจหรือไม่ เขาได้ยินแต่ทำเพียงแค่ตอบกลับด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ตอนนี้เธอออยู่ระหว่างการพักฟื้นร่างกาย การเคลื่อนไหวจะไม่เหมือนเมื่อก่อนก็เป็นเรื่องปกติ รอให้ร่างกายฟื้นฟูตัวเอง บวกกับฝึกซ้อมเพิ่ม สิ่งเหล่านั้นในอดีตก็จะคืนสู่สภาพเดิมเอง ไม่ต้องกังวลไป”
จ้านเซินตอบคำถามด้วยความตั้งใจ แต่สิ่งที่เขาพูดมาทั้งหมด ไม่มีสักคำที่ฉินซีต้องการได้ยิน
ฟังจากสิ่งที่จ้านเซินพูดในตอนนี้ ฉินซีสามารถเข้าใจได้ชัดเจนเลยว่า จ้านเซินไม่มีความคิดที่จะปล่อยเธอไป
เขายังคงมีแผน ว่าถ้ารอให้เธอหายดีเมื่อไหร่ จะพาเธอกลับไปทำงานให้องค์กรเหมือนเดิม
ทว่า เธอเบื่อหน่ายชีวิตแบบนั้นเต็มทน
อยากให้เธอกลับไป เว้นเสียแต่เธอจะตายเท่านั้น
ความคิดของเธอ ฉินซีไม่กล้าให้จ้านเซินรู้ แค่คิดว่าวันนี้ตอนกลางคืนลู่เซิ่นจะมาช่วยพาออกไปจากที่นี่แล้ว ในใจของฉินซีเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
เธอรีบก้มหน้าลง เพื่อซ่อนประกายในดวงตาไว้ และพูดด้วยเสียงนุ่มนวล “อืม ที่นายพูดมันก็ถูก ฉันใจร้อนไป คิดมากไปหน่อย”
ฉินซีพยายามปล่อยตัวเองให้ไหลไปตามความคิดของจ้านเซิน เธอไม่ขัดเขา
ก็แค่ในเวลานี้
ทันใดนั้น ด้านหลังก็มีเสียงดังขึ้น “ฉินซี”
ทำไมเสียงถึงได้คุ้นเคยแบบนี้ ฉินซีเงยหน้าขึ้น สบเข้ากับดวงตาที่ลึกล้ำของถังย่า
แววตาประหลาดใจปรากฏขึ้นในดวงตาของฉินซี “ถังย่า เธอกลับมาแล้ว”
เธอปล่อยมือจากจ้านเซิน และรีบเดินไปหาถังย่า
เสียงของฉินซีเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความดีใจ
จริงๆ ถ้าไม่มีองค์กร เธอกับถังย่าก็สามารถกลายเป็นเพื่อนที่ดีมากๆต่อกันได้
แต่ตอนนี้มันกลับเป็นได้เพียงแค่ความสัมพันธ์ธรรมดาทั่วไป
จำกัดอิสระของพวกเธอ แถมยังจำกัดความรู้สึกของพวกเธออีก
ถังย่ายืนอยู่ที่เดิม แววตาไร้ความรู้สึกมองตรงมายังเธอ “อืม”
น้ำเสียงของเธอไม่ได้เย็นชาทว่าไม่ได้รู้สึกถึงความอบอุ่น แววตาล้ำลึกที่มีความหมายบางอย่างมองมายังฉินซี
ดวงตาคมปลาบที่จ้องมา มันทำให้ฉินซีรู้สึกอึดอัด
เธอคิดว่าวันนี้ถังย่ามีท่าทีแปลกไป แต่เธอไม่สามารถบอกได้ว่ามันแปลกตรงไหน
เมื่อตอนอยู่ในองค์กรแรกๆ อุปนิสัยของถังย่านั้นเผด็จการ ชอบเอาชนะ และไม่ยอมแพ้ใคร
ทุกคนในองค์กรบอกเป็นเสียงเดียวกัน ว่าถังย่าถอดแบบมาจากจ้านเซิน เหมือนเป็นจ้านเซินในร่างผู้หญิง
ในสายตาของฉินซีก็คิดแบบเดียวกัน
ดังนั้นเมื่อถังย่าใช้สายตาแบบนี้มองมาที่ตัวเอง มันทำให้ฉินซีรู้สึกขนลุก
ฉินซีกดความรู้สึกไม่ปลอดภัยไว้ในใจ ก่อนจะฝืนใจส่งยิ้มไปให้ “ถังย่า เธอเป็นอะไรไป?”
เธอเดินไปข้างหน้า ก่อนจะจับมือของถังย่าไว้ และถามด้วยความเป็นห่วง
ฉินซีและถังย่าเติบโตมาด้วยกันในองค์กร ถึงแม้จะจากออกจากองค์กร เธอก็ยังคงหวังที่จะรักษาความสัมพันธ์กับถังย่าต่อไป
ถังย่ามองเธอที่ก้าวเขามา และจับมือเองขึ้นไว้อยู่
เธอขมวดคิ้ว ในใจคิดอยากจะสะบัดมือออกมาจากฉินซี
แต่เมื่อคิดว่าจ้านเซินยังยืนอยู่ตรงนี้ เธอก็ยังคงไว้หน้าฉินซี “ไม่มีอะไร เธอเป็นยังไงบ้าง? มีตรงไหนรู้สึกไม่สบายไหม?”
ถังย่าปล่อยเรื่องขุ่นมัวในจิตใจชั่วขณะ ถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
“อย่าห่วงเลย ฉันดีขึ้นมากแล้ว แค่เธอมาเยี่ยม ฉันก็ดีใจมากแล้ว”
ฉินซีที่ใกล้จะอึดอัดตายภายในห้องสี่เหลี่ยม เมื่อเห็นถังย่า เธอก็มีความสุขมาจากก้นบึ้งของหัวใจ
แต่ ฉินซีก็ยังไม่รู้ ว่าถังย่ารู้เรื่องที่พวกเขาจะหลบหนีคืนนี้แล้ว
ฉินซีที่คิดขึ้นมาได้เรื่องที่ถังย่าเพิ่งถูกตำรวจนำตัวไป เธอถามด้วยความเป็นห่วงว่า “ถังย่า เธอไปทำผิดอะไรมา ทำไมจู่ๆตำรวจถึงมาหา?”
เธอรู้ว่าฝีมือของถังย่านั้นเก่งมาก เรื่องธรรมดาไม่สามารถนำปัญหามาให้เธอได้แน่ แต่ทำไมครั้งนี้ถึงสะเพร่าจนถูกตำรวจจับ
“ไม่ได้ทำอะไรผิด ฉันก็แค่ไปสั่งสอนอันธพาลตัวเหม็นไม่รู้จักที่สูงที่ต่ำที่สนามบินนิดหน่อย”
ถังย่าเหยียดริมฝีปากสีแดงสดขึ้น พูดด้วยความรังเกียจ
เมื่อนึกถึงพวกลูกคนรวยที่เย่อหยิ่งพวกนั้น ภายในใจของถังย่าก็รู้สึกสะอิดสะเอียนขึ้นมา
ฉินซีมองไปยังสีหน้าที่แสดงออกมาของเธอ รอยยิ้มเล็กๆปรากฏบนใบหน้าสวยบอบบาง
เธอคาดเดาได้เลยว่าชายที่มายั่วยุถังย่าคนนั้นจะตายได้น่าเวทนาแค่ไหน
ฉินซีเคยเจอเรื่องแบบนี้ครั้งหนึ่ง เมื่อเทียบนิสัยเธอกับความโหดร้ายของถังย่า เธอจะอ่อนโยนกว่า และจะไม่ใช่วิธีการที่มันโจ่งแจ้ง
แต่ฉินซีก็ไม่ใช่เป็นคนที่จะมายั่วได้ง่ายๆ เธอไม่ลงมือต่อหน้า ไม่ได้หมายความว่าเธอจะรักษาหน้าทุกฝ่ายเป็นการส่วนตัว
โดยปกติแล้วฉินซีจะหลอกล่อคนเหล่านั้นให้จนมุม และสั่งสอนพวกเขาอย่างโหดเหี้ยมในที่ที่ไม่มีใครมองเห็น ทำให้พวกมันกลัวจนฉี่ราด
สิ่งนี้ไม่เพียงแต่จะประหยัดทั้งแรงและเวลา และยังได้แก้แค้นแบบรุนแรงด้วย
จ้านเซินที่ฟังอยู่ข้างหลังขมวดคิ้วเมื่อได้ฟัง
ตอนที่ไปโรงพักเพื่อประกันตัวถังย่าออกมา จ้านเซินไม่ได้ถามอะไรมาก
เป็นเพราะเหตุผลนี้
จ้านเซินไม่กังวลว่าถังย่าจะถูกเอาเปรียบ ถึงอย่างไรฝีมือของถังย่า ก็มีไม่กี่คนที่จะสามารถต่อสู้บเธอได้
“สั่งสอนได้ดี ไอบ้านั้นมันกวนตีนนี่”
ฉินซีปรบมือ ก่อนยื่นมือออกไปกดไลค์ชมเชยเธอ
ซิวหน่ายซิงยืนฟังเงียบๆอยู่ข้างหลัง อย่างรู้สึกเอือมระอา
เขาอยากรู้ว่า ทำไมผู้หญิงสมัยนี้ถึงใช้ความรุนแรงนัก หรือแค่ผู้หญิงข้างกายเขาเท่านั้นที่เป็นแบบนี้ ส่วนผู้หญิงคนอื่นนั้นอ่อนโยน
เพียงแต่ ถังย่ากับฉินซีประสบพบเจอกับเรื่องแบบนี้ เป็นเพราะว่าพวกเธอหน้าตาสวยงดงาม มีแค่ผีเสื้อบางประเภทเท่านั้นที่คิดว่าตัวเองเก่งกาจ สามารถจับพวกเธอได้ พวกนั้นไม่รู้ชะตาของตัวเอง และอยากลองเสี่ยงโชคดู
ผลก็คือหัวแตกเลือดโชก หนีหัวซุกหัวซุนหางจุกตูดไป