บทที่ 1396 กระสับกระส่าย
ถังย่ารู้ว่าตอนนี้ฉินซีคงไอยากเห็นหน้าจ้านเซิน
จ้านเซินไม่ได้ต่อต้าน หาไม่ได้ง่ายๆที่เขาจะถูกเธอดึงออกมาอย่างเชื่อฟัง
ถังย่าดึงเขามาจนสุดทางเดิน
เธอปล่อยมือจ้านเซินที่จับไว้อย่างอาลัยอาวรณ์ “ เมื่อกี้คุณเป็นอะไรไป”
ถังย่าอยากรู้มาก อะไรที่ทำให้จ้านเซินเสียการควบคุม เขาเป็นคนที่ควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ดีไม่ใช่หรือ?
“ไม่มีอะไร”
จ้านเซินไม่เต็มใจที่จะพูดออกมา ความมีเกียรติของตัวเองไม่อนุญาตให้เขาทำแบบนั้น
เมื่อเห็นท่าทีต่อต้านของเขา คลื่นแห่งความโกรธที่ไม่มีชื่อเรียกก็พุ่งเข้ามาในใจของถังย่า
“จ้านเซิน ที่จริงแล้วคุณคิดอะไรอยู่กันแน่ ฉันบอกเรื่องลู่เซิ่นกับคุณ ไม่ใช่ให้คุณไปทำท่ามีพิรุธแบบนั้นต่อหน้าฉินซี!”
ถังย่ากัดฟันพูด แต่ก็ไม่ลืมที่จะลดเสียงลง เพราะกลัวว่าฉินซีจะได้ยิน
จ้านเซินก็ตระหนักรู้แล้วในสิ่งที่ตัวเองสูญเสียการควบคุมไปเมื่อครู่ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นตามมาทีหลัง
เขาเม้มริมฝีปาก ก่อนพูดออกมาน้ำเสียงเฉียบขาด “วางใจเถอะ ฉันไม่มีวันยอมให้ลู่เซิ่นพาฉินซีออกไปแน่”
เขากำหมัด น้ำเสียงหนักแน่น
ในตอนนี้ถังย่ารู้แล้วว่าตัวเองแพ้โดยสมบูรณ์
ถึงแม้จะมาถึงขั้นนี้ จ้านเซินก็ยังคงให้ฉินซีอยู่ข้างๆ
“ฉันจะช่วยคุณเอง”
ถังย่ากดความรวดร้าวเอาไว้ในใจ เสียงสะอื้นเอ่ยเบา
เธอหลับตาลงและหายใจเข้าลึกๆ เมื่อเธอลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ความเยือกเย็นดังเดิมก็กลับมา
“คุณวางแผนจะทำยังไง”
จ้านเซินไม่ได้สังเกตท่าทีที่แปลกไป ใจของเขาคิดเพียงแค่ จะทำให้ฉินซีอยู่ที่นี่อย่างไร และจะไล่ลู่เซิ่นอย่างไร
ทันใดดวงตาของก็ทอประกายความดุดันออกมา “ฉันไม่ต้องการให้ลู่เซิ่นกลับมา”
ในเมื่อฉินซีชอบลู่เซิ่น ถ้างั้นเขาจะทำให้ผู้ชายที่เธอชอบหายจากโลกนี้ไปตลอดการ
จ้านเซินคิดอย่างไร้เดียงสาว่า ถ้าหากลู่เซิ่นหายไป ฉินซีก็จะค่อยๆลืมเขา และหันมายอมรับในตัวเอง
ทว่า เขาไม่รู้ ว่าความรู้สึกมันเป็นสิ่งที่ซับซ้อน
ในหลายๆครั้ง ยิ่งไม่ได้มันมา จะยิ่งทำให้จำได้ไม่ลืม
จ้านเซินไม่เข้าใจความจริงข้อนี้ ถังย่าก็เช่นกัน เธอแค่รู้ว่าไม่ว่าจ้านเซินจะตัดสินใจอย่างไร เธอจะอยู่เคียงข้าง และพร้อมเดินไปกับเขา
ถังย่าพยักหน้า “อืม ฉันจะจัดการเอง”
ไม่มีใครรู้ ว่าตอนที่ถังย่าพูดคำนี้ออกมาใจของเธอเจ็บปวดนัก
มันเหมือนกับว่าเธอช่วยผู้ชายที่เธอชอบให้ไปไล่ตามผู้หญิงที่เขาชอบ
ความเจ็บปวดแบบนี้ เจ็บปวดกว่าบาดแผลที่เธอได้มาจากตอนทำภารกิจเสียอีก
จ้านเซินและถังย่าพูดคุยกันเกี่ยวกับแผนรับมือเมื่อตอนลู่เซิ่นจะมาอย่างละเอียด จะทำอย่างไรให้เขาอยู่
“นี่คือแมลงดักฟัง ฉันจะวางไว้ใต้โซฟาที่ลู่เซิ่นนั่ง”
ถังย่ายื่นออกไปวางไว้มือของจ้านเซิน
เมื่อมองไปยังเจ้าเครื่องดักฟังขนาดเล็กสีดำในมือ ดวงตาของจ้านเซินก็สว่างวาบ “อืม”
…
อีกด้านหนึ่ง
ภายในห้องพักฟื้น ฉินซีนั่งไปได้สักพัก ความเจ็บตรงคางก็ค่อยๆทุเลาลง
บางทีอาจเป็นเพราะรู้สึกชา ดังนั้นเลยไม่สังเกตเห็น
จริงๆแล้ว ความเจ็บเล็กน้อยแค่นี้ไม่มีผลกับฉินซีที่ถูกฝึกฝนมาอย่างดีเลย
แต่ว่า ฉินซีกลับรู้สึกหวาดกลัว
ที่เธอกังวลคือเรื่องที่ลู่เซิ่นจะมาช่วยเธอคืนนี้
ยิ่งเวลามันใกล้เข้ามา ใจของฉินซีก็ยิ่งกระวนกระวายใจ
เธอคิดอยากจะส่งสัญญาณบอกลู่เซิ่น ว่าไม่ต้องมาคืนนี้ จ้านเซินอาจจะรู้แล้ว
ไม่อย่างนั้น ทำไมเมื่อกี้เขาถึงทำตัวแปลกๆ
แต่ตอนนี้ข้างกายของเธอมีซิวหน่ายซิงคอยดูอยู่ ไม่มีโอกาสได้ออกไป
โจวซิงก็ไม่รู้ว่าตอนนี้อยู่ไหน หมดหนทางจะติดต่อกับลู่เซิ่น
ดูเหมือน ความหวังตอนนี้จะถูกฝากไว้กับเหยาจ้าวเสียแล้ว
ฉินซีรอให้เหยาจ้าวเข้ามา เพื่อที่เธอจะฝากข่าวไปบอกโจวซิง ว่าเปลี่ยนแผน บอกให้ลู่เซิ่นรับรู้ ว่าวันนี้ไม่ต้องเคลื่อนไหวอะไรก่อน
ทว่า รอมานาน ก็ยังไม่เห็นแม้กระทั่งเงาของเหยาจ้าว แม้กระทั่งจ้านเซินและถังย่าก็ยังคงไม่กลับมา
ความวิตกกังวลของฉินซีเพิ่มขึ้นถึงขีดสุด
เธอเริ่มกระสับกระส่าย อยากจะลุกขึ้น แต่ซิวหน่ายซิงห้ามไว้ก่อน “คุณฉิน คุณจะไปไหนครับ?”
ซิวหน่ายซิงมองเธอด้วยรอยยิ้มที่ดูอ่อนโยน สุภาพ แต่น้ำเสียงของเขากลับดูเข้มงวด
เขาใช้ร่างกายขวางฉินซีไว้ กันไม่ให้เธอแอบออกไปทีเผลอ
ฉินซีสังเกตอย่างว่องไวและเฉียบแหลมไปทางเขา ก่อนยิ้มเบาๆ และพูด “ฉันจะไปห้องน้ำค่ะ ผู้ช่วยเซิวจะไปกับฉันไหมคะ?”
เธอคล้ายกับไม่สังเกตเห็นถึงท่าทางที่ดูป้องกันตัวเธอเองจากซิวหน่ายซิง น้ำเสียงแผ่วเบา
ซิวหน่ายซิงยังคงไม่ขยับ “ไม่จำเป็นหรอกครับ ผมมาที่นี่เพื่อช่วยปกป้องคุณ ถ้าหากหมอเหยามาถึงแล้ว ผมจะเรียกคุณนะครับ เมื่อถึงตอนนั้นคุณรีบออกมาก็โอเคแล้ว”
ฉินซีรู้ว่าเป็นไปไม่ได้เลยถ้าหากจะหนีทางประตู เธอก็ไม่คิดจะออกไปทางประตู แถวทางเดินทั้งหมดล้วนมีบอดี้การ์ดของจ้านเซินคอยอารักขาอยู่แล้ว
แม้ว่าเธอจะสามารถข้ามแนวป้องกันแรกของซิวหน่ายซิงได้ แต่ก็ยังมีอีกมากมายที่รอเธออยู่ด้านหลัง
แม้ว่าเธอจะเก่งด้านการต่อสู้ แต่สู้กับจำนวนเยอะไม่ไหว
เนื้อหนังฉินซีไม่ได้ทำจากเหล็กกล้า ถึงแม้องค์กรจะมุ่งมั่นจะสร้างหุ่นยนต์ที่สมบูรณ์แบบ แต่ร่างกายของพวกเธอก็ยังมีเลือดไหลเวียนในร่าง เหนื่อยเป็น เจ็บปวดเป็น เลือดไหลเป็น ได้รับบาดเจ็บเป็น ถ้าไม่ช่วยก็ตายเป็น
พวกเขาไม่ต่างจากคนทั่วไป แต่ต้องทนทุกข์ทรมานกับความยากลำบากและการฝึกฝนที่คนธรรมดาไม่สามารถทนได้
“อืม”
ฉินซีพยักหน้าและเดินไปที่ห้องน้ำ
ทันทีที่เข้าไป เธอก็ลงกลอนประตูทันที
ฉินซีสังเกตโครงสร้างของห้องน้ำอย่างละเอียด เพื่อหาช่องทางหลบหนี
แต่เธอก็ผิดหวัง
แม้ว่าจะมีหน้าต่างในห้องน้ำ แต่ก็มีตาข่ายป้องกันอย่างหนาอยู่ด้านนอก
ฉินซีไม่มีเครื่องมือ ออกไปไม่ได้โดยสิ้นเชิง
ฉินซียืนอยู่หน้ากระจกอย่างหงุดหงิด เธอมองตัวเองในกระจก รอยช้ำบนคางที่ซีดขาวของเธอเปลี่ยนเป็นสีม่วงแล้ว
เธอหงุดหงิดจนทุบผนังไปทีหนึ่ง ตอนนี้รู้สึกว่าตัวเองไร้ประโยชน์มาก
เป็นเวลากว่าหนึ่งปีแล้วที่ฉินซีไม่ทำการฝึกซ้อม หนึ่งปีนี้เธอดื่มด่ำกับชีวิตที่มีความสุข ร่างกายก็ค่อยๆหย่อนยานลงไป
ตอนนี้เธออยากจะให้ร่างกายเบาหวิวจนปีนขึ้นไปบนหลังคาได้เหมือนเดิม
“ฉันจะทำยังไงดีลู่เซิ่น”
ฉินซีกระวนกระวายใจ เมื่อเธอนึกไปถึงลู่เซิ่นที่ตัวเองอยู่ข้างนอก
ตอนนี้ที่เธอกังวลเป็นพิเศษคือจ้านเซินรู้ความลับนี้อยู่แล้ว และรอให้ลู่เซิ่นเข้ามา หลังจากนั้นก็กำจัดทิ้ง
ฉินซีเดาไม่ผิด จ้านเซินมีความคิดนี้พอดี
หลังจากที่ถังย่าและลู่เซิ่นวางแผนกับดักเรียบร้อย เตรียมจะกลับไป
เมื่อนึกถึงอาการบาดเจ็บของฉินซี จ้านเซินจึงพูดขึ้นมาเบาๆ “ไปตามเหยาจ้าว ให้มารักษาแผลของฉินซีเถอะ”
เขาไม่อยากให้ใบหน้าของฉินซีมีรอยแผลเป็น
“ฉันไปเอง”