บทที่ 1401 ตอบโต้
“ใช่”
เหยาจ้าวพยักหน้าแล้วพยักหน้าอีก
เขามองไปที่ฉินซี และพูดอย่างอบอุ่น : “ฉินซี ไม่ต้องกังวล แค่การตรวจทั่วไปเท่านั้น เหมือนปกติ ไม่นานก็เสร็จ”
เหยาจ้าวก้มมองฉินซี เขาต้องการใช้สายตาเตือนฉินซี
แต่ตอนนี้ฉินซีกำลังอยู่ในความโกรธ จึงไม่เข้าใจความหมายของเขา
“อืม”
ฉินซีตอบกลับอย่างนิ่งสงบ และหลับตาลง
เธอรู้ เหยาจ้าวต้องทำการสะกดจิตโดยตรงภายใต้คำสั่งของจ้านเซิน
ตอนนี้จ้านเซินไม่อยากรอแม้แต่สักครู่เดียว เขาแค่ต้องการตรวจฉินซีให้เสร็จให้เร็วที่สุด
บอกว่าเป็นการตรวจ ความจริงแล้ว ก็แค่เพื่อพาฉินซีออกมา
จ้านเซินเดาว่า ลู่เซิ่นต้องรู้ตำแหน่งห้องพักผู้ป่วยของฉินซีก่อนล่วงหน้าแล้วอย่างแน่นอน
หลังจากลู่เซิ่นแอบเข้ามาในโรงพยาบาลได้ ต้องไปหาฉินซีในทันที
และจ้านเซินก็เข้าใจจิตวิทยาของเขาได้อย่างชัดเจน จึงได้จัดการซุ่มโจมตีทุกๆ ด้านไว้ในห้องพักผู้ป่วยของฉินซี เขาก็แค่รอให้ลู่เซิ่นเดินเข้ามาในประตูเอง เขาก็จะจัดการได้อย่างง่ายดาย
“ไม่ต้องรีบร้อน ค่อยๆ ตรวจ ตรวจอย่างละเอียด”
จ้านเซินกล่าวอย่างสงบนิ่ง มองทั้งสองคนอย่างได้เปรียบ
เหยาจ้าวสัมผัสถึงสายตาที่มองมาจากด้านบนศีรษะได้อย่างชัดเจน เป็นสายตาที่ร้อนแรง
เขามั่นใจได้เลยว่าถ้าตัวเองทำอะไรผิดพลาดขึ้นมาตอนนี้ จ้านเซินต้องจับตัวเขาไว้ทันที
มือทั้งสองข้างของเหยาจ้าวกำหมัดแน่น
“ฉินซี ตอนนี้คุณทำตามคำแนะนำของฉัน ค่อยๆ จินตนาการ ตอนนี้คุณกำลัง…”
เหยาจ้าวทำตามขั้นตอนการสะกดจิตตามปกติ เริ่มดำเนินการสะกดจิตฉินซี
ขั้นตอนเหล่านี้ จ้านเซินดูมาไม่รู้กี่รอบแล้ว
เขาสังเกตการณ์อยู่สักพัก เห็นว่าเหยาจ้าวไม่มีปัญหาอะไร
จ้านเซินก้มหน้าดูนาฬิกาบนข้อมือ เวลา23.40น.แล้ว
ระยะเวลาห่างจากแผนของลู่เซิ่น อีกแค่20นาทีเท่านั้น
จ้านเซินเดินไปหน้าประตู มองถังย่าที่ยืนพิงขอบประตู และพูดเสียงเบาๆ ว่า : “เหตุการณ์ต่อจากนี้ที่นี่ให้เธอดูแลต่อ ฉันจะไปดูที่ห้องพักผู้ป่วยหน่อย”
ตอนนี้คนที่เขาเชื่อถือได้มีแค่ถังย่าเท่านั้น
แววตาของจ้านเซินเคร่งขรึมขนาดนั้น ถังย่ารู้สึกว่าภาระบนไหล่ของตัวเองหนักขึ้นอีกหลายเท่าในชั่วพริบตา
ถังย่าดีใจที่จ้านเซินใช้งานตัวเองอีกครั้งและไว้วางใจตัวเอง แต่เมื่อคิดถึงเหตุผลที่เขาบ้าแบบนี้ ทั้งหมดเป็นเพราะผู้หญิงอีกคนหนึ่ง ในใจก็เจ็บปวด
“ได้”
ถังย่ากดความเจ็บปวดนั้นไว้ พยักหน้าด้วยใบหน้าเคร่งขรึม
ขอแค่เป็นภารกิจที่จ้านเซินมอบให้ แม้ว่าจะต้องสละชีวิตของเธอ เธอก็จะทำให้สำเร็จ
จ้านเซินตบบ่าเธอ ผลักประตูห้องกายภาพบำบัดออก เดินก้าวขาออกไปทางนอกประตู
ถึงแม้เหยาจ้าวกำลังสะกดจิตฉินซีอยู่ แต่ความสนใจอยู่ที่ร่างของจ้านเซินตลอด
เมื่อเห็นจ้านเซินออกไป รู้ได้ทันที คืนนี้จะต้องเป็นคืนที่ไม่สงบอย่าแน่นอน ศึกนองเลือดเริ่มขึ้นแล้ว
และขณะนั้น ฉินซีอยู่เข้าสู่การสะกดจิตไปเรียบร้อยแล้ว
เธอเห็นธารน้ำใสสะอาดเส้นหนึ่งตรงหน้าตัวเอง ฉินซีรู้สึกกระหายน้ำ อยากจะชิมน้ำในธารน้ำหน่อยว่าจะหวานอย่างที่คิดไว้ไหม
แต่เมื่อฉินซีขยับเข้าใกล้และโน้มตัวลง ใช้มือตักน้ำในธารน้ำขึ้นมาเตรียมจะดื่มสักหน่อย น้ำที่เดิมทีใสสะอาดจนมองเห็นพื้นดินกลับเปลี่ยนเป็นสีแดงเลือดในทันที
“เอ๊ะ!”
ฉินซีกรี๊ดเสียงแหลม ตกใจจนทรุดลงนั่งกับพื้น
เธอมองแม่น้ำเลือดสีแดงสดตรงหน้า ภายในดวงตาสีอำพันปรากฏความกลัว
ฉินซีก้มหน้า เห็นในมือตัวเองเต็มไปด้วยเลือด
“เลือด! เลือด!”
ฉินซีอยากจะเช็ดออก แต่ยิ่งเช็ดยิ่งเลอะ
“ไม่! ไม่เอา!”
ระหว่างการสะกดจิต ฉินซีพยายามต่อสู้อย่างรุนแรง
เหยาจ้าวมองเธออย่างห่วงใย และตะโกนเรียกเสียงดังว่า : “ฉินซี ฉินซี คุณเป็นอะไร คุณใจเย็นหน่อย!”
เขารีบร้อนดูแลฉินซีที่กำลังพยายามต่อสู้ไม่หยุด น้ำเสียงเต็มไปด้วยความห่วงใย
ถังย่าเห็นความผิดปกติ ก็รีบเดินเข้าไป
เธอมองใบหน้าซีดขาวของฉินซี ท่าทางที่เหงื่อออกเต็มตัว ขมวดคิ้วแล้วขมวดคิ้วอีก : “หมอเหยา เกิดอะไรขึ้นกับฉินซี ทำไมอยู่ก็คลั่งขึ้นมาอย่างนี้?”
นอกจากครั้งนั้นในองค์กร ถังย่าก็ไม่เคยเห็นท่าทางอย่างนี้ของฉินซีอีกเลย
เหยาจ้าวก็เป็นห่วงมาก : “สภาพจิตใจของฉินซีตอนนี้ไม่มั่นคง เธอติดอยู่ในความฝันไม่สามารถออกมาได้ คำพูดของฉัน เธอก็ไม่ฟัง”
เขารีบพูดอย่างร้อนรน ท่าทางไม่เหมือนแกล้งทำ
ถังย่ามองท่าทีเจ็บปวดของฉินซี ก็ตื่นเต้นตามไปด้วย : “ฉินซี คุณไม่เป็นไรใช่ไหม!”
เธอโม้นตัวไปข้างหน้า ตะโกนเรียกชื่อของฉินซีเสียงดัง หวังว่าฉินซีจะรีบตื่นได้สติกลับมาโดยเร็ว
และในตอนนั้นเอง
ตาที่เดิมทีปิดสนิทของฉินซี เปิดขึ้นมาทันที
“ฉึบ!” เสียงดังขึ้น
ไม่รู้ว่าฉินซีเอาเข็มเงินมาจากไหน มาจ่อที่คอของถังย่า
“อย่าขยับ!”
ฉินซีพลิกตัวและกดถังย่าไว้ใต้ตัวเอง มองเธอด้วยสายตาคมกริบ
เข็มเงินคมกริบเล่มนั้นอยู่ที่ข้างคอของถังย่า แค่ถังย่าขยับ เข็มเงินก็จะแทงทะลุหลอดเลือดแดงของถังย่าอย่างไม่ลังเล
ถังย่ามองเธออย่างไม่อยากจะเชื่อ : “คุณ…”
เธอคิดไม่ถึงเลยว่าฉินซีจะแกล้งทำแบบนี้
แม้แต่เหยาจ้าวยังคาดไม่ถึง ตกตะลึงยืนอยู่ที่เดิม
เข็มเงินในมือเธอไม่ขยับ เธอกัดริมฝีปากและพูดเสียงเบาๆ ว่า : “ถังย่า ฉันไม่อยากทำร้ายคุณ ฉันแค่ต้องการจะออกจากองค์กร คุณช่วยฉันเถอะ”
เธอขอร้องอย่างนอบน้อม เธอรู้ว่าถังย่าต้องมีวิธีแน่นอน
“ไม่มีทาง”
ถังย่าไม่แม้แต่จะคิดและตอบปฏิเสธเธอตรงๆ
เธอไม่สามารถทรยศจ้านเซินได้ เธอสาบานว่าต่อให้ตายก็จะเดินไปกับจ้านเซิน
“ทำไม? คุณไม่คิดว่าองค์กรขาดความเป็นมนุษย์หรือไง? สถานที่แบบนั้นมีคุณค่าอะไรให้คุณนึกถึง”
ฉินซีมองเธออย่างสงสัย และอ้าปากถามอย่างไม่สบอารมณ์
เธอหวังจริงๆ ว่าถังย่าจะไปด้วยกันกับตัวเอง จะดีที่สุดถ้าพวกเธอทำลายองค์กรให้สิ้นซากก่อนจะจากมา ไม่ปล่อยให้มันทำลายความเป็นมนุษย์อีกต่อไป
“คุณไม่เข้าใจ”
ใช้ฟันกัดปากแน่น ถังย่าหันหน้าหลบไม่ยินดีสบตากับเธอ
จริงๆแล้วสำหรับถังย่า ไม่ว่าที่ไหนก็เหมือนกันหมด
เธอไม่มีบ้าน ไม่มีคนที่ค่อยห่วงใย
ถ้าอยู่ในองค์กร ยังมีโอกาสได้เห็นจ้านเซินบ่อยๆ แบบนี้เธอก็พอใจมากแล้ว
ฉินซีมองเธอ และเอ่ยปากทันที : “เป็นเพราะจ้านเซินใช่ไหม คุณชอบจ้านเซิน”
เธอพูดอย่างตรงไปตรงมา ปลดปล่อยการเสแสร้งของถังย่า
“ถังย่าคุณไม่ต้องปิดบังแล้ว คุณคิดว่าพวกเราโง่หรือไง? ฉันจะบอกคุณ ถ้าคุณยังอยู่ในองค์กร ถ้ากฎขององค์กรยังไม่สลายไป คุณก็ไม่สามารถอยู่กับจ้านเซินได้ตลอดไป”
ฉินซีพูดอย่างเฉียบคมเพื่อเตือนสติเธอ
ในองค์กรมีกฎชัดเจน ทุกคนไม่สามารถมีความรัก และแต่งงานไม่ได้
ทุกการกระทำทั้งหมดของถังย่าตอนนี้ถือว่าผิดกฎขององค์กรไปแล้ว หลังจากถูกตรวจพบก็จะถูกขังไว้ในห้องมืด
ริมฝีปากแดงของถังย่าค่อยๆ ขยับ : “ฉันไม่เคยคิดจะอยู่ด้วยกันกับจ้านเซิน คุณคิดไปไกลแล้ว”