บทที่ 1405 จัดการให้ถึงที่สุด
วันนี้จ้านเซินจัดการล้อมไว้อย่างแน่นหนา รอให้ลู่เซิ่นเดินเข้ามาเอง
ถ้าหากลู่เซิ่นยังไม่ไปอีก ก็จะไม่มีทางหนีไปได้อีกแล้ว
แต่ทว่า ลู่เซิ่นกลับทำเหมือนไม่ได้ยินอะไร
เขาเหมือนสิงโตที่กำลังโกรธ วิ่งพุ่งชนไปทางฉินซีอย่างบ้าคลั่ง
ลู่เซิ่นกระโดดถีบกำแพงอย่าง่ายดาย และกระโดดแตะหัวหน้าบอดี้การ์ดที่อยู่ด้านหน้าลงไปนอนกองกับพื้น
การเคลื่อนไหวที่แข็งแรง ดูก็รู้ว่าเป็นคนที่ผ่านการฝึกฝนมา
ทุกคนดึงสติกลับมาในทัน มองลู่เซิ่นอย่างระวังป้องกัน
ขณะนั้น จ้านเซินก็ตามมาทันจากด้านหลัง
ด้านหน้าด้านหลังเต็มไปด้วยศัตรู ลู่เซิ่นถูกบีบไว้ตรงกลาง
ฉินซีร้อนใจเป็นอย่างมาก :” ลู่เซิ่น รีบไป!”
เธอไม่อยากเห็นลู่เซิ่นตกอยู่ในวงล้อมจริงๆ
ถ้าแม้แต่ลู่เซิ่นก็โดนจับไว้ งั้นพวกเขาก็จบพอดี
“ฉันไม่ไป! ฉันจะไปกับคุณ”
ลู่เซิ่นขาดสติไปแล้ว ดวงตาทั้งสองแดงฉาน
เขาฆ่าด้วยตัวคนเดียวจนขาดสติ
แต่ต่อให้ลู่เซิ่นโหดเหี้ยมแค่ไหน เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคนที่พุ่งเข้ามาไม่ขาดสาย ก็ยังไร้เรี่ยวแรงไปนิดหน่อย
ฉินซีมองดูท่าทางเขาที่เอาชีวิตเข้าแลกเดินมาทางเธอ เบ้าตาแดงขึ้นมาในพริบตา
เธอส่ายหน้า : “อย่า อย่า”
ในตอนนั้นเอง จ้านเซินวิ่งพุ่งเข้ามาจากด้านข้างและโจมตีเข้าที่กรามของลู่เซิ่น
“ลู่เซิ่น!”
ฉินซีร้องตะโกนใจสลาย
เธอมองลู่เซิ่นที่ถูกทำร้าย และเริ่มต่อสู้อย่างบ้าคลั่ง
ลู่เซิ่นไม่ได้เตรียมป้องกันตัว มุมปากมีเลือดสีแดงสดไหลออกมา เซถอยหลังไปสองสามก้าว
หมัดนี้ของจ้านเซินใช้พละกำลังเต็มร้อย เพื่อจัดการลู่เซิ่นให้ล้มลง
“หึหึ ลอบกัด?”
ลู่เซิ่นเช็ดรอยเลือดที่มุมปาก ภายในดวงตาเรียวยาวปรากฏสายตาเยาะเย้ย : “จ้านเซิน นายมีความสามารถแค่นี้หรือไง? งั้นนายกับฉันมาสู้กันซึ่งๆ หน้าสักครั้ง”
เขามองตรงไปที่จ้านเซินและพูดยั่วยุ
ลู่เซิ่นรู้ดีว่าถ้าใช้เทคนิคจำนวนคนมากๆ วันนี้เขาไม่มีทางรอดออกจากที่นี่ไปได้
แต่ ถ้าตัวต่อตัว ไม่แน่เขาอาจจะมีโอกาสชนะ
ในเมื่อความแข็งแกร่งด้านการต่อสู้ของเขากับจ้านเซินไม่ต่างกันมากนัก
จ้านเซินยืนร่างสูงใหญ่อยู่ที่เดิม มองตรงไปที่ลู่เซิ่นที่ยืนอยู่ไม่ไกล ริมฝีปากขยับ : “อ่อ? นายคิดว่าอย่างนี้นายจะมีโอกาสรอดออกไปหรือไง?”
จ้านเซินที่ฉลาดหลักแหลม อ่านความคิดลู่เซิ่นออกในพริบตา
ลู่เซิ่นไม่กลัวว่าเขาจะสังเกตได้ : “จ้านเซิน นายพูดมาตรงๆ นายกล้าหรือไม่กล้า”
เขาใช้วิธีการยั่วยุ ทำให้จ้านเซินเกิดความโมโห
แต่จ้านเซินไม่เหมือนคนทั่วไป เคยผ่านการฝึกฝนที่โหดร้ายขององค์กรมาแล้ว เขาไม่มีความอารมณ์ความรู้สึกอะไรมาตั้งนานแล้ว
สภาพจิตใจของจ้านเซิน สงบนิ่งเป็นอย่างยิ่งมาตั้งแต่ต้น
นอกจากการได้พบกับฉินซี บางครั้งอาจจะเสียการควบคุมไปบ้าง
“งั้นมาลองกัน”
ถึงแม้จ้านเซินจะไม่เกิดอาการโมโห แต่ก็ตอบรับคำท้า
ความอยากเอาชนะของผู้ชาย ทำให้จ้านเซินอยากจัดการลู่เซิ่นให้ล้มลง
เขาอยากจะเหยียบลู่เซิ่นไว้ได้เท้า และบอกฉินซีว่าผู้ชายขยะๆ แบบนี้ ไม่คุ้มค่าที่เธอจะสละชีวิตให้ จนกระทั่งทรยศต่อองค์กรไปชอบเขา
แต่จ้านเซินไม่รู้ ถ้าเป็นอย่างนั้น ฉินซีก็แค่เจ็บปวดมากยิ่งขึ้นเท่านั้น
นี้คือความแตกต่างระหว่างรักกับไม่รัก
ลู่เซิ่นเห็นแผนการของตัวเองสำเร็จมาครึ่งหนึ่งแล้ว ในใจเผยความดีใจขึ้นมา
ภายนอกเขาดูสงบนิ่ง มองจ้านเซินด้วยอารมณ์เคร่งขรึม : “มาเลย”
ลู่เซิ่นและจ้านเซินเตรียมพร้อม และใจของฉินซีก็ตื่นเต้นตามไปด้วย
“ลู่เซิ่น คุณไม่ต้องสู้แล้ว รีบไป!”
ฉินซีรู้ทักษะของจ้านเซิน ถึงแม้เธอจะไม่เคยเห็นท่าทางการต่อสู้จริงจังของลู่เซิ่น ต่อให้เขาเก่งกาจขนาดไหน แต่ก็เทียบกับจ้านเซินที่ฝึกฝนมาตั้งแต่สามขวบไม่ได้หรอก
เธอไม่อยากให้ลู่เซิ่นตายที่นี่ แค่ออกไปอย่างมีชีวิตรอด ก็ยังมีหวัง
ลู่เซิ่นทำเหมือนไม่ได้ยินอะไร สายตามองไปที่ศัตรูตรงหน้าอย่างตั้งอกตั้งใจ
เห็นลู่เซิ่นไม่สนใจฟังตัวเอง ฉินซีทำได้แค่มองไปที่จ้านเซิน
“จ้านเซิน อย่าแตะต้องเขา”
ฉินซีไปรู้ ยิ่งเธอปกป้องลู่เซิ่นมากเท่าไหร่ ยิ่งทำให้จ้านเซินมองลู่เซิ่นเป็นศัตรูมากยิ่งขึ้น
ความกระหายเลือดเปล่งประกายขึ้นในดวงตาสีเข้ม หลังจากฉินซีพูดจบ จ้านเซินพุ่งเข้าไป
การเคลื่อนไหวของเขาว่องไวราวกับเสือดำ
“ปัง!”
จ้านเซินออกแรงเต็มร้อย หมัดหนักๆ พุ่งเข้าไปที่สันจมูกของเขา
นาทีนี้ ลู่เซิ่นเจ็บจนน้ำตาจะไหล
สันจมูกราวกับจะหักให้ได้ โชคดีที่ในช่วงจังหวะสุดท้ายลู่เซิ่นโจมตีหมัดของจ้านเซินได้ แต่ก็แค่กระทบกันเฉยๆ ไม่โดนเข้าจังๆ ไม่งั้นคงตายไปแล้วจริงๆ
“พลาดไปนิด”
จ้านเซินมองเขา ส่งเสียงออกมาอย่างน่าเสียดาย
ทำให้ลู่เซิ่นอับอายจนโกรธ เขาใช้ความนุ่มนวลเอาชนะความแข็งแกร่งก่อกวนจ้านเซินต่อไป
สองคนต่อสู้กันพัลวัน
ถึงแม้การต่อสู้ของลู่เซิ่นไม่เลว แต่เมื่อเทียบกับจ้านเซินที่ผ่านการรบมาเป็นร้อยครั้ง ใช้ชีวิตเดินอยู่บนความอันตรายทั้งวันก็ยังด้อยกว่าอยู่ดี
จ้านเซินฉวยโอกาส โจมตีช่วงท้องของลู่เซิ่น
เขายกเข่าเสยขึ้นไปด้านบน
ความเจ็บปวดที่รุนแรง ทำให้ลู่เซิ่นล้มลงกับพื้น
“อั๊ก…”
ลู่เซิ่นส่งเสียงครวญครางออกมา
ท่าทางน่าสมเพช ทำให้ฉินซีเจ็บปวดเกินทน
เบ้าตาของฉินซีแดงขึ้นมาในทันที ตะโกนเสียงแข็งออกมา : “พอแล้ว ฉันขอร้องคุณอย่าทำเขาอีกเลย”
เธอรู้ ถ้าสู้ต่อไปอีกลู่เซิ่นต้องตายอยู่ที่นี่
“เมื่อกี้ใครที่มาร้องเรียกท้าประลองต่อสู้กับฉัน มาสิ สู้ต่อ!”
ความไร้มนุษยธรรมในตัวจ้านเซินตื่นขึ้น มองไปที่ลู่เซิ่นและตะโกนรุนแรง
ลู่เซิ่นรีบฉวยโอกาสพลิกตัวและล็อกคอจ้านเซินไว้
เขาออกแรงรัดแน่น จนหน้าของจ้านเซินค่อยๆ แดงขึ้น
และเมื่อกำลังจะขาดอากาศในตอนนั้นเอง ศอกของจ้านเซินก็โจมตีเข้าที่ช่องท้องของลู่เซิ่นที่ได้รับบาดเจ็บ
ได้รับบาดเจ็บที่เดิมติดกันสองครั้ง
ลู่เซิ่นรู้สึกว่าภายในของตัวเองมีเลือดออกแล้ว แต่เขาก็ยังไม่ยอมปล่อยมือ
จ้านเซินเห็นว่าเขาจะจัดการตัวเองให้ถึงที่สุด จึงลงมืออย่างไร้ความเมตตาเช่นกัน
เขาโจมตีอีกครั้ง จนกระทั่งลู่เซิ่นทนไม่ไหวต้องปล่อยมือออก
“พร้วด…”
เลือดสดๆ พุ่งออกจากปากของลู่เซิ่น พื้นแดงไปด้วยเลือดในทันที
“ลู่เซิ่น!”
ฉินซีตกใจกับภาพที่เห็น รูม่านตาหดเล็กลง
“ลู่เซิ่น คุณไม่เป็นไรใช่ไหม”
ตรงหน้าของฉินซีถูกเลือดสีแดงสดบดบังไว้ทั้งหมด
เธอไม่อยากจะเชื่อ ลู่เซิ่นจะได้รับบาดเจ็บสาหัสมากขนาดนี้ เธอเตะบอดี้การ์ดที่อยู่ข้างตัวหมดออกด้วยความโกรธแค้น และวิ่งไปทางลู่เซิ่นอย่างบ้าคลั่ง
“ลู่เซิ่น คุณเป็นยังไงบ้าง? เจ็บไหม?”
หยดน้ำตาใสๆ ไหลลงมาตามแก้มของฉินซี เธอมองลู่เซิ่นอย่างห่วงใย ร่างกายที่บอบบางสั่นเล็กน้อย
เธอกลัวมาก กลัวว่าลู่เซิ่นจะตายอยู่ที่นี่
“โธ่ โธ่ … ฉันไม่เป็นไร”
ลู่เซิ่นไออย่างหนักและมีเลือดพ่นออกมาทางปาก
เขามองท่าทางฉินซีที่มีน้ำตา เจ็บปวดหัวใจ : “อย่าร้อง ฉันทุกข์ใจ”