บทที่ 1410 โกรธแค้นกระวนกระวาย
หลังจากลู่เซิ่นพ่ายแพ้ ฉินซีอ้อนวอนขอร้องกับจ้านเซิน
ต้องการใช้ตัวเองแลกกับชีวิตของเขา
หรือว่าฉินซีจะโดนจ้านเซินพาตัวไปจริง?
คิดได้อย่างนี้ ลู่เซิ่นถึงกับนั่งไม่ติดขึ้นมาทันที
“ฉินซีล่ะ? ฉินซีอยู่ที่ไหนกันแน่ โจวเอ้อ คุณรีบบอกฉันมาเร็ว!”
ขณะนี้ลู่เซิ่นสูญสิ้นความสงบนิ่งตามปกติไปหมดสิ้น เขามองโจวเอ้อ นิ้วมือทั้งห้าขยับแน่นขึ้นอีก
โจวเอ้อเห็นเขาควบคุมอารมณ์ไม่ได้ ยิ่งไม่กล้าบอกความจริงกับเขา : “ลู่เซิ่น คุณอย่าเพิ่งใจร้อน คุณรอฉันค่อยอธิบายให้คุณฟัง”
เขาพยายามสงบสติอารมณ์ของลู่เซิ่น
ตามการเคลื่อนผ่านของเวลา ใจของลู่เซิ่นค่อยสงบลงทีละน้อย
บาดแผลของเขากำลังเจ็บปวด แต่ก็ไม่เท่ากับความเจ็บปวดที่ส่งมาจากใจ
ลู่เซิ่นค่อยๆ ปล่อยมือเขา : “คุณเล่ามาเถอะ”
เขาจ้องโจวเอ้อตรงไปตรงมา ดวงตาสีดำสนิทส่องประกายความมืดมน
“ฉันช่วยปรับเตียงขึ้นให้คุณก่อน”
โจวเอ้อหวังว่าลู่เซิ่นจะเอนตัวได้สบายขึ้นสักหน่อย และอยากจะถ่วงเวลาออกไปอีกหน่อย เพื่อให้ลู่เซิ่นเตรียมใจ
ความจริงแล้ว ลู่เซิ่นพอจะเดาออกแล้ว
ถ้าช่วยฉินซีออกมาได้แล้ว งั้นโจวเอ้อคงรีบบอกข่าวดีนี้กับเขาตรงๆ
แต่ ตอนนี้โจวเอ้อกลับอืดอาดยืดยาด ไม่ยอมพูดความจริงออกมา
สิ่งที่โจวเอ้อทำทั้งหมด มีเพียงเหตุผลเดียวเท่านั้น
นั่นเพราะฉินซีโดยจ้านเซินพาตัวไปแล้ว
ลำคอของลู่เซิ่นหนืด รู้สึกเหมือนเลือดพุ่งขึ้นมาในทันที
เขาปล่อยให้โจวเอ้อทำอะไรอย่างเงียบๆ
หลังจากโจวเอ้อปรับเตียงขึ้นมาให้ ประคองเขาอีกครั้ง และเอาหมอนหนึ่งใบไปรองด้านหลังลู่เซิ่น
เขามองลู่เซิ่น ลังเลที่จะพูด : “ลู่เซิ่น คุณสัญญากับฉันก่อน ไม่ว่าคุณจะได้ยินอะไร ต้องรักษาความสงบนิ่ง อย่าเพิ่งโกรธ และอย่าเพิ่งขยับตัวเด็ดขาด ไม่งั้นแผลจะเปิด”
เมื่อวานลู่เซิ่นได้รับบาดเจ็บรุนแรง กระดูกซี่โครงที่บริเวณเอวหักไปหลายท่อน
ถ้าไม่ได้รับการรักษาดูแลอย่างดี ซี่โครงทิ่มเข้าไปในปอด ทำให้เลือดออกเยอะมาก งั้นเรื่องนี้คงต้องถึงชีวิต
โจวไม่อยากเห็นลู่เซิ่นตายอยู่ในโรงพยาบาลนี้ เพราะยิ่งทำให้โอกาสที่ฉินซีขอร้องมาเสียไปโดยเปล่าประโยชน์
“ฉันรู้”
ลู่เซิ่นพยักหน้า : “คุณว่ามาเถอะ ฉันทนรับได้”
ปากเขาบอกว่าทนรับได้ แต่มือที่ซ่อนอยู่ในผ้าห่มกลับกำแน่นไม่หยุด
โจวเอ้อเห็นท่าทางอย่างนี้ของเขา ยิ่งเป็นห่วง : “เมื่อคืนนี้ฉินซีโดนจ้านเซินพาตัวไปแล้ว”
เมื่อได้ยินอย่างนี้ ลู่เซิ่นอึดอัดแน่นขึ้นมาทันที
“ตอนนี้พวกเขาไปอยู่ที่ไหน?”
ลู่เซิ่นถามเสียงแหบ
เขามองโจวเอ้อด้วยตาวาว รอคำตอบจากเขา
โจวเอ้อทนเห็นท่าทางเจ็บปวดเหมือนอกหักของเขาไม่ได้ หันหน้าหลบ : “ถ้าคิดตามเวลาแล้ว ตอนนี้ฉินซีน่าจะเดินทางไปถึงองค์กรแล้ว”
ลู่เซิ่นสลบไปหนึ่งวันหนึ่งคืน เกรงว่าตอนนี้จะไปขัดขวางก็คงไม่ทันแล้ว
“พร๊วด~”
หลังจากโจวเอ้อพูดประโยคนี้ ลู่เซิ่นก็พ่นเลือดออกมาทางปาก
“ลู่เซิ่น!”
โจวเอ้อเห็นลู่เซิ่นอ้วกออกมาเป็นเลือด ใจตื่นเต้นขึ้นมาทันที
เขามองเลือดสีแดงสดบนผ้าปูเตียง และรีบวิ่งเข้าไปด้านข้างลู่เซิ่น : “ลู่เซิ่น คุณเป็นอะไร? คุณรอฉันสักครู่ ฉันจะไปเรียกหมอมา”
โจวเอ้อพูดอย่างตื่นตกใจ เสียงสั่นน้อยๆ
สีหน้าของลู่เซิ่นเปลี่ยนเป็นซีดขาวลง ดวงตาไร้สติ
โจวเอ้อไม่เคยเห็นท่าทีอย่างนี้ของเขา หัวใจตื่นตระหนกอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
“ฉินซี…”
ลู่เซิ่นพึมพำ จากนั้นตาขาวก็ลอยขึ้นและสลบไป
“ลู่เซิ่น! ลู่เซิ่น!”
โจวเอ้อกดปุ่มฉุกเฉินตรงหัวเตียงอย่างบ้าคลั่ง
โจวซิงที่พักผ่อนอยู่ในห้องทำงาน ได้ยินเสียงกระดิ่ง รีบกระโดดปีนลงจากเตียงอย่างรวดเร็ว
โจวซิงรีบวิ่งมาที่ห้องพักผู้ป่วยของลู่เซิ่นอย่างเร่งรีบ ใบหน้ายังคงหลงเหลือร่องรอยหลับลึกอยู่
เมื่อโจวซิงเข้ามาในห้องเห็นเลือดเต็มเตียงก็ตกใจไม่น้อย
เขารีบก้าวขาเร็วยาวเข้าไปข้างตัวลู่เซิ่น
โจวซิงถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา : “เกิดอะไรขึ้น?”
ทำไมลู่เซิ่นอ้วกออกมาเป็นเลือด
โจวเอ้อตอบอย่างตื่นตกใจ : “ลู่เซิ่นตื่นมาจะไปตามหาฉินซีให้ได้ ฉันรั้งไว้ไม่ไหว ทำได้แค่บอกเขาเรื่องที่ฉินซีโดนจ้านเซินพาตัวไป หลังฟังจบเขาก็อ้วกออกมาเป็นเลือดและสลบไป”
เขาเล่าอย่างรวดเร็ว
หลังจากโจวซิงได้ฟัง เอ่ยปากพูดด้วยใบหน้าเคร่งขรึม : “คุณออกไปรอด้านนอกก่อน ฉันต้องรีบดำเนินการช่วยชีวิตลู่เซิ่น”
เขาพูดพลางดันโจวเอ้อออกไปอีกเป็นเมตร
พยาบาลรีบเข้ามาดึงผ้าม่านข้างเตียงออก
โจวเอ้อรออยู่ด้านนอกอย่างร้อนรน เห็นโจวซิงกำลังช็อตคลื่นหัวใจไฟฟ้าให้ลู่เซิ่นอยู่ในห้อง
หลังจากต่อสู้กับความตายมาครึ่งชั่วโมง โจวซิงก็วางมือลงได้สักที
โจวซิงเช็ดเม็ดเหงื่อที่หน้าผาก ถอดถุงมือออกโยนทิ้งในถังขยะ
เขาส่งต่อขั้นตอนหลังจากนี้ให้พยาบาลจัดการ และเดินออกมา
โจวซิงเห็นโจวเอ้อที่รออยู่ด้านนอก ก็โกรธขึ้นมาทันที : “คุณบอกเรื่องที่ฉินซีโดนจับตัวไปกับลู่เซิ่นได้ยังไง! เดิมที่สถานการณ์ร่างกายของเขาตอนนี้ก็รับไม่ไหวอยู่แล้ว!”
เมื่อคืนเขาอดนอนมาทั้งคืน กว่าจะช่วยชีวิตลู่เซิ่นมาจากความตายได้
เกือบจะโดนโจวเอ้อทำลายพังอีกครั้ง คิดแล้วโจวซิงก็โกรธ
ในใจโจวเอ้อรู้สึกไม่เป็นธรรมมาก : “ลู่เซิ่นนิสัยยังไง คุณไม่รู้หรือไงกัน? ถ้าฉันไม่บอกเขา เขาก็ยิ่งจะวิ่งออกไปให้ได้”
แต่สภาพร่างกายลู่เซิ่นตอนนี้ แค่ออกจากโรงพยาบาลยังทำไม่ได้
โจวซิงได้ยินเขาพูดอย่างนี้ เขาถอนหายใจยาว : “เห้อ…”
เขาพูดอย่างหมดหนทาง : “โชคดีที่ลู่เซิ่นแค่โกรธจนอ้วกออกมาเป็นเลือดนิดหน่อย ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว แต่หนึ่งเดือนหลังจากนี้ต้องพักผ่อนให้ดี อย่าให้เขาโกรธอีกเด็ดขาด”
ลู่เซิ่นต้องการการรักษาที่เงียบสงบ แต่จะให้เขาอยู่แต่ในโรงพยาบาลนั้น ก็เป็นอีกเรื่องที่ไม่แน่นอน
ในเมื่อนิสัยของลู่เซิ่นดื้อรั้นขนาดนั้น ตอนนี้เขารู้แล้วว่าฉินซีโดนจับตัวไป ต้องคิดหาวิธีช่วยฉินซีออกมาแน่นอน ไม่กลัวแม้ต้องแลกชีวิตตัวเอง
“ฉันจะพยายาม คุณก็ลองเกลี้ยกล่อมเขาดูด้วยแล้วกัน”
โจวเอ้อพูดอย่างอ่อนแรง ขมวดคิ้วแน่น เผยสีหน้าความยากลำบาก
โจวซิงเข้าใจความลำบากของเขา พยักหน้า : “ฉันรู้ คุณก็พักสักหน่อยเถอะ ฉันนอนมาพอสมควรแล้ว เดี๋ยวฉันเฝ้าลู่เซิ่นต่อให้”
ตอนนี้ลู่เซิ่นยังไม่พ้นขีดอันตราย มีโจวซิงรู้สึกปลอดภัยขึ้นหน่อย
ใจของโจวเอ้อสับสน : “ฉันนอนไม่หลับ เมื่อคืนเห็นฉินซีโดนล็อกกุญแจมือกับตา และโดนบังคับกลับไปที่องค์กร และก็ไม่รู้ว่าจ้านเซินจะปฏิบัติกับเธอยังไง”
ถ้าจ้านเซินใช้บทลงโทษขององค์กรจริงๆ งั้นฉินซีจะรับไหวไหม
ถ้าฉินซีตายอยู่ในองค์กร แล้วลู่เซิ่นจะดีได้ยังไง
ในใจโจวเอ้อกังวลเป็นอย่างมาก
โจวซิงมองท่าทางลังเลของเขา ยื่นมือออกไปตบบ่าเขา : “โจวเอ้อ คุณอย่าเพิ่งคิดอะไรมากขนาดนั้นเลย”