บทที่ 1419 โทษตัวเอง
ถังย่าเห็นเขาได้รับบาดเจ็บขนาดนั้น ยังรักษาความสงบนิ่งไว้ได้ ในใจยอมรับเล็กน้อย : “คุณลู่ไม่ตายก็ดี ไม่งั้นฉันก็ไม่รู้จะบอกกับฉินซีฝั่งนั้นยังไงดี”
เธอพูดอย่างนิ่งเฉย แต่เพราะได้ยินชื่อฉินซี ทำให้ในใจของลู่เซิ่นเกิดความโกลาหลขึ้น
“ตอนนี้ฉินซีเป็นยังไงบ้าง?”
นิ้วมือทั้งห้าที่ซ่อนอยู่ได้ผ้าห่มกำแน่น ลู่เซิ่นจ้องตรงไปที่ถังย่ารอคำตอบจากเธอ
เขาหวังว่า ถังย่าจะตอบความจริงกับเขา
ถังย่าเห็นท่าทางร่างกายที่รัดแน่นของเขา แววตาส่องประกาย : “คุณลู่ไม่ต้องห่วง ตอนนี้ฉินซีอยู่ในองค์กร ยังตายไม่ได้”
น้ำเสียงเบาเหมือนลอยตามลม แทบจะไม่สนใจความเป็นความตายของฉินซีอยู่ในสายตา
ท่าทีไม่สนใจอะไรนั่น ทำให้โจวซิงที่ยืนดูอยู่ข้างโกรธเป็นไฟ
เขารู้สึกว่าคนไม่มีหัวใจแบบถังย่า ไม่คู่ควรกับความเป็นคน
“ก็แค่…”
ถังย่าพูดมาครึ่งหนึ่งและหยุดไป
เธอขมวดคิ้วแน่น แสดงท่าทางลำบากใจ
หัวใจของลู่เซิ่นหยุดเต้นไปชั่วขระ เขามองถังย่าด้วยแววตาลุกโชน ถามด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล : “ก็แค่อะไร?”
“สถานการณ์ของฉินซีตอนนี้ไม่น่ายินดีนัก ตอนฉันออกมาจากองค์กรได้ยินข่าวว่าเธอสลบไป ไม่รู้ว่าตอนนี้ฟื้นขึ้นมารึยัง”
ถังย่าบอกเรื่องร่าวกับเขาไปโดยไม่ปิดบังอะไร
สำหรับเธอแล้ว เรื่องนี้บอกหรือไม่บอกให้ลู่เซิ่นรู้ก็ไม่มีผลกระทบอะไร
ไม่แน่หลังจากลู่เซิ่นรู้ข่าวนี้ จะยิ่งโกรธ หลังจากนั้นทนไม่ไหวและรีบลงมือช่วยฉินซีออกมาจากองค์กร
ได้ยินว่าฉินซีตอนนี้สลบไปยังไม่ฟื้น สีหน้าของลู่เซิ่นเปลี่ยนเป็นหม่นหมองลงในทันที
เขาพูดเสียงแหบแห้ง บรรยากาศมืดมิดแผ่กระจายรอบตัว : “ฉินซีเป็นลมล้มไปได้ยังไง พวกคุณทำอะไรกับเธอ?”
ลู่เซิ่นกัดฟันจ้องมองถังย่า อยากจะฆ่าเธอให้ตาย
แต่ตอนนี้ยังทำไม่ได้ เขายังใช้ถังย่าได้
ถังย่าเห็นความแค้นที่เขามีต่อตัวเอง แต่กลับไม่สนใจอะไร
คนที่อยากจะฆ่าเธอให้ตาย บนโลกนี้มีเยอะแยะ แต่ก็แค่ไม่มีใครทำสำเร็จ
“ไม่ใช่พวกเราทำอะไรกับเธอ เพราะทำอะไรกับเธอต่างหาก เธอหลงใหลอยุ่แต่กับคุณ ต้องคุณเท่านั้น จนกระทั่งเพื่อคุณแล้วแม้แต่ชีวิตตัวเองก็ไม่ต้องการ”
ถังย่าเอ่ยปากทีละคำทีละประโยค ถึงแม้ลู่เซิ่นจะยอดเยี่ยม แต่ยอมทิ้งชีวิตเพื่อเขา ถังย่ารู้สึกว่าไม่คุ้มค่า
แต่เธอไม่ได้ลองเปลี่ยนตำแหน่งมาคิดดู ฉินซีก็เหมือนกับเธอ สูญเสียสติสัมปชัญญะในด้านความรักไปนานแล้ว
การทุ่มเททั้งหมดของพวกเธอ ไม่ต้องการการตอบกลับ แค่ต้องการให้อีกฝ่ายปลอดภัยดี
“คุณพูดอย่างนี้หมายความว่ายังไง?”
แววตาของลู่เซิ่นส่องประกายสงสัย เขารู้สึกว่าถังย่ามีอะไรซ่อนในคำพูด
“ฉินซีแหกออกมาจากการสะกดจิตเพื่อคุณ พยายามแหกออกมา จนเส้นประสาทสมองได้รับบาดเจ็บสาหัส ความเสียหายนี้ไม่สามารถย้อนกลับได้ ถ้าทำไม่ดีก็อาจจะกลายเป็นคนโง่ได้”
ถ้าความภาคภูมิใจขององค์กรก่อนหน้านี้กลายเป็นคนโง่ นั้นเป็นเรื่องที่น่าเสียมากเรื่องหนึ่ง
ได้บินอย่างนี้ ใบหน้าของลู่เซิ่นแสดงอาการไม่อยากจะเชื่อ
เขาถึงว่าทำไมวันนั้นสีหน้าของฉินซีดูผิดปกติมาก เดิมทีเขาคิดว่าฉินซีตกใจ คิดไม่ถึงว่าที่แท้เธอกำลังพยายามอดทนกับการบาดเจ็บ
แต่ เขากลับไม่สังเกตเห็นเลยสักนิด
ลู่เซิ่นโทษตัวเองในใจเต็มๆ
หลังจากได้ฟังโจวซิงก็ตกใจเป็นอย่างยิ่ง
ในฐานะจิตแพทย์ เขารู้ดีว่าการแหกออกจากความฝัน เป้นเรื่องที่อันตรายขนาดไหน
เพื่อลู่เซิ่นอะไรที่ฉินซีทำได้เธอทำทั้งหมด
“งั้นตอนนี้ เธอเป็นยังไงบ้าง?”
ลู่เซิ่นตะโกนถามรุนแรง เขานึกภาพไม่ออกว่าตอนนี้ฉินซีต้องรับความเจ็บปวดมากขนาดไหน
แววตาดำสนิทส่องกระกายไฟร้อน ลู่เซิ่นอยากจะฆ่าคนจริงๆ
“ฉันบอกไปแล้วฉันไม่รู้ แต่ว่ามีเหยาจ้าวอยู่ ไม่น่าจะเป็นอะไร”
ถังย่าพูดอย่างไม่เร่งรีบ ไม่ได้สนใจกับลู่เซิ่นที่กำลังโกรธแค้นเลยแม้แต่น้อย
ลู่เซิ่นในตอนนี้ ก็แค่สิงโตตัวหนึ่งที่ได้รับบาดเจ็บ สำหรับถังย่าแล้ว ไม่สร้างภัยคุกคามอะไรแม้แต่น้อย
ถังย่าพูดต่อว่า : “วันนี้ที่ฉันมาหาคุณที่โรงพยาบาล ก็เพื่อจะบอกคุณว่า ถ้าไม่อยากให้ฉินซีเป็นอะไร ก็อย่างรีบเร่งลงมือ ไม่ต้องรีบตาย เพราะถ้าคุณเกิดเรื่องขึ้น ฉินซีต้องไม่ยอมมีชีวิตอยู่ต่อแน่”
เขาทิ้งประโยคนี้ไว้อย่างนิ่งเฉยและหมุนตัวเดินออกไป
อะไรที่ทำได้ เธอก็ทำแล้ว ที่ควรเตือนก็เตือนแล้ว
สำหรับถังย่าแล้ว คำพูดที่เธอพูดไปเมื่อกี้ เมตตาอย่างถึงที่สุดแล้ว
ถ้าพูดมากกว่านี้ กลัวว่าถ้าจ้านเวินรู้เข้าจะมาลงโทษเธอ
ความจริงแล้ว เหตุผลที่ถังย่าพูดแบบนั้น สาเหตุส่วนหนึ่งเป็นเพราะจ้านเซิน
ในเมื่อ ถ้าลู่เซิ่นอยู่อย่างซื่อสัตย์และสงบสุข จ้านเซินและเธอก็จะสบายใจขึ้นมาหน่อย
ไม่แน่เวลานานไป ความรู้สึกระหว่างลู่เซิ่นกับฉินซีค่อยๆลดลง ฉินซีไม่อยากออกจากองค์อรแล้ว
แต่ว่า เธอประเมินความรักของลู่เซิ่นและฉินซีต่ำไป
ลู่เซิ่นมองแผ่นหลังที่หมุนตัวอย่างสง่างามของเธอ ใบหน้าปรากฏความโกรธแค้น : “ถังย่า หยุดเดี๋ยวนี้!”
เขาลุกขึ้นอย่างร้อนรน อยากจะขวางถังย่าไว้
แต่ความเจ็บปวดของกระดูกซี่โครง กลับทำให้ลู่เซิ่นยืนยังไงก็ยืนไม่ไหว
โจวซิงเห็นเขาพยายามไล่ตาม รีบกดไหล่เขาไว้ : “ลู่เซิ่น ชีวิตตัวเองไม่เอาแล้วหรือไง!”
เขาตะโกนเสียงดัง น้ำเสียงเต็มไปด้วยความห่วงใย
“ถ้าคุณเป็นอะไร ฉินซีจะทำยังไง!”
โจวซิงพูดถึงฉินซี อยากให้ลู่เซิ่นสงบลง
ขณะนั้น ถังย่าได้หายตัวไปแล้ว
ลู่เซิ่นตามไม่ทัน แววตาเต็มไปด้วยความหงุดหงิด
“เป็นเพราะฉันไม่ดี เพราะฉันไม่ดี…”
ลู่เซิ่นก้มหน้าพึมพำกับตัวเอง
เกิดเป็นผู้ชายต้องอดทน ลู่เซิ่นหลั่งเลือดหลั่งหยาดเหงื่อจนกระทั่งกระดูกซี่โครงหักเป็นท่อนๆก็ไม่ร้องเจ็บปวดสักคำ
แต่ หลังจากได้ยินว่าฉินทำเพื่อตัวเองมากขนาดนั้น กลับเบ้าตาแดงขึ้นมาในทันที
โจวซิงมองท่าทางที่เขาโทษตัวเอง จิตใจอ่อนไหว
เขาตบบ่าลู่เซิ่น ปลอบใจเบาๆว่า “ลู่เซิ่น นี่ไม่ความผิดของคุณ ความรักระหว่างคุณกับฉินซีเป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่ง ผิดที่เธออาศัยอยู่ในองค์กร เพราะกฎเกณฑ์ที่ไร้มนุษยธรรม และยังมีจ้านเซินค่อยขัดขวาง”
โจวซิงยิ่งพูดยิ่งโกรธ เขารู้สึกว่าการมีอยู่ของจ้านเป็นอะไรที่ผิดพลาด
เรื่องความรักของคนอื่น เกี่ยวอะไรให้จ้านเซินมายุ่งวุ่นวายได้มากขนาดนี้
จะรักกับใครนั้นเป็นสิทธิของฉินซี เพราะคนที่ตัวเองชอบไปชอบผู้ชายคนอื่น เขาจะทำลายทั้งสองคนเลยหรือไง?
เห็นได้ชัดว่าเป็นโรคประสาทอย่างร้ายแรง จำเป็นต้องเข้ารับการรักษา
“ฉินซี ฉินซี”
ตอนนี้ลู่เซิ่นไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น ในสมองของเขาคิดถึงคำพูดเหล่านั้นของถังย่าไม่หยุด