flash marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1420 รอฉัน

บทที่ 1420 รอฉัน

ลู่เซิ่นนึกภาพไม่ออกว่าตอนนี้ฉินซีทนรับความเจ็บปวดได้ยังไง

เธอถูกขังอยู่ในห้องกักขังที่น่ากลัวและไร้ความช่วยเหลือ

ตอนนี้ลู่เซิ่น ถึงขนาดไม่รู้ว่าควรจะเชื่อคำพูดของใคร

เมื่อกี้พยาบาลคนนั้นบอกเขาชัดเจน ตอนนี้ฉินซีอยู่ในองค์กรอย่างสบายมาก เขาไม่ต้องเป็นห่วง

แต่ ถังย่ากลับบอกว่าฉินซีสลบไปยังไม่ฟื้น สมองได้รับบาดเจ็บสาหัส

“โจวเอ้อยู่ที่ไหน?”

ลู่เซิ่นเงยหน้าขึ้นมาทันที มองตรงไปที่โจวซิงกล่าวอย่างรุนแรง

ไม่ได้ เขาต้องทำให้ชัดเจน ทางนั้นฉินซีสถานการณ์เป็นยังไง เขาจะสบายใจได้ยังไง

“โจวเอ้อกำลังพักอยู่ในห้องทำงานของฉัน คุณจะให้ตามเขาไหม?”

“อืม คุณไปเรียกโจวเอ้อมา ฉันมีธุระจะสั่งการ”

ลู่เซิ่นพยักหน้า สีหน้าเคร่งขรึม

โจวซิงรู้ว่าเขาต้องการให้โจวเอ้อไปหาข่าวเรื่องของฉินซีแน่นอน ถ้าเรื่องนี้ไม่จัดการให้ดี ลู่เซิ่นไม่มีทางรับการรักษาอย่างสบายใจ

ครั้นแล้ว เขาสั่งให้พยาบาลไปเรียกโจวเอ้อที่ห้องทำงาน ตัวเองอยู่ดูแลลู่เซิ่นที่ห้องพักผู้ป่วย ป้องกันถังย่ากลับมาอีกครั้ง

โจวเอ้อโดนเรียกตัว รีบมาทันที

เขาเห็นท่าทางลู่เซิ่นนั่งเหม่อลอย ขมวดคิ้ว : “ลู่เซิ่น”

โจวเอ้อเรียกเบาๆ ดึงลู่เซิ่นออกมามาจากความคิด

“คุณมาแล้ว นั่งเถอะ”

ลู่เซิ่น ณ เวลานี้ ยังถือว่าสงบอยู่

สีหน้าของเขาเยือกเย็น บรรยากาศลึกลับแผ่กระจายทั่วตัว ทำให้คนเดาใจเขาไม่ออก

“อืม”

โจวเอ้อพยักหน้า นั่งลงบนโซฟาข้างๆ เขา

ลู่เซิ่นอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ให้เขาฟังหนึ่งรอบ : “โจวเอ้อ คุณคิดว่าในนี้มีอะไรผิดปกติไหม”

เขาจ้องมองโจวเอ้อ อยากฟังความคิดเห็นของเขา

ความจริงแล้ว โจวเอ้อก็ไม่แน่ใจในสถานการณ์นี้

โจวเอ้อเม้มปาก : “พยาบาลคนนั้นบอกว่าฉินซีส่งเธอมา”

เขาคิดว่าควรจะจัดการคำพูดของพยาบาลให้ชัดเจนก่อนว่ามีความน่าเชื่อถือมาแค่ไหน

ลู่เซิ่นขยับริมฝีปากบาง : “เธอไม่ได้เอ่ยถึงชื่อฉินซี แต่ในความหมายนั้นก็หมายถึงฉินซี”

“ฉันกลับรู้สึกว่า ที่พยาบาลคนนั้นพูดอาจจะเป็นความจริงทั้งหมด ในเมื่อฉินซีสามารถส่งข่าวออกมาได้ และไม่ได้โง่ขนาดบอกชื่อตรงๆ ถ้าเกิดจ้านเซินรู้เข้า จะยิ่งยุ่งยากขึ้นไปอีก กลับกัน ทำอย่างนี้ตอนนี้ยิ่งอันตราย”

โจวเอ้ออธิบายความคิดของตัวเองออกมา

ฟังเขาพูดจบ โจวซิงพยักหน้าเห็นด้วย และพูดต่อว่า : “ฉันก็รู้สึกว่าโจวเอ้อพูดไม่ผิด ถังย่าคนนั้นฉันเคยรับมือด้วย ถึงแม้ภายนอกจะดูเป็นคนซื่อสัตย์ แต่ในใจเล่ห์เหลี่ยมมากมาย ที่ฉันโดนจับครั้งนี้เพราะแพ้ให้กับเธอ”

ถึงแม้โจวซิงจะภูมิใจในตัวเองมาก แต่ยอมพูดเรื่องที่ตัวเองแพ้ให้กับผู้หญิงออกมา เพื่อป้องกันไม่ให้ลู่เซิ่นโดนเธอหลอก ก็เลยยอมบอกความจริง

ลู่เซิ่นก็เคยรับมือกับถังย่า รู้ว่าเธอเจ้าเล่ห์แค่ไหน

เขาคิดแล้วคิดอีก แววตาส่องประกายความหม่นหมอง : “โจวเอ้อ คุณหาวิธีแทรกซึมเข้าไปในองค์กร ตรวจดูหน่อยว่าสถานการณ์ของฉินซีตอนนี้เป็นยังไง”

คนอื่นพูดเป็นหมื่นครั้ง ไม่สู้ไปตรวจสอบความจริงด้วยตัวเอง

“ได้”

โจวเอ้พยักหน้า ลุกขึ้นยืน

เขามองลู่เซิ่น พูดอย่างไม่สบายใจ : “ฉันจะไปตรวจสอบเดี๋ยวนี้ แต่คุณต้องสัญญากับฉัน จะไม่ทำอะไรหุนหันพลันแล่น ต้องพักผ่อนให้หายดี รักษาร่างกายให้หายดีแล้วถึงจะช่วยฉินซีออกมาได้”

โจวเอ้อมีลางสังหรณ์ว่าช่วงนี้ตัวเองจะยุ่งมาก นิสัยของลู่เซิ่นก็ดื้อรั้นมาก ไม่มีตัวเองอยู่ข้างๆ ไม่รู้ว่าโจวซิงคนเดียวจะรับมือไหวไหม

ลู่เซิ่นรู้ว่าในใจเขาเป็นห่วง ริมฝีปากบางขยับ : “สบายใจได้ ฉันรู้ตัวเองดี”

ไม่มีใครอยากช่วยฉินซีออกมามากกว่าเขาแล้ว แต่ตอนนี้ลู่เซิ่นต้องรู้ชัดเจนว่าการมีชีวิตอยู่สำคัญขนาดไหน

ไม่ว่าเมื่อกี้ที่ถังย่าพูดจะเป็นเรื่องจริงหรือโกหก แต่มีประโยคหนึ่งที่ลู่เซิ่นเห็นด้วย

นั่นก็คือถ้าเขาตาย ฉินซีก็ไม่ทางยอมมีชีวิตอยู่บนโลกนี้

ความรู้สึกที่ฉินซีมีต่อเขา ลู่เซิ่นรู้ดี

โจวเอ้อเห็นเขาตกลง ค่อยสบายใจขึ้นมาหน่อย : “ดี”

พูดจบ เขารีบหมุนตัวออกไปห้องพักผู้ป่วย

ลู่เซิ่นมองหลังของเขา แววตาดำสนิทส่องประกายความมุ่งมั่น : “ฉินซี คุณรอหน่อย! ฉันจะต้องช่วยคุณออกมาให้ได้!”

ลู่เซิ่นสาบานเงียบๆ ในใจ มือที่ซ่อนอยู่ในผ้าห่มกำหมัดแน่น

……

ขณะเดียวกัน

ในองค์กร

“เป็นยังไงบ้าง?”

ฉินซีมองเหยาจ้าว ใบหน้ามองเขาด้วยความหวัง

เธอรอข่าวจนแทบจะเป็นบ้าแล้ว

เหยาจ้าวมองท่าทางรีบร้อนของเธอ ไม่อ้อมค้อม และบอกตามตรง : “ลู่เซิ่นไม่เป็นอะไร ตอนนี้รับการรักษาอยู่ในโรงพยาบาลอย่างเงียบๆ”

ได้ยินข่าวนี้ ใบหน้าของฉินซีก็มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นมาสักที

ร่างกายที่ตึงแน่นค่อยๆ ผ่อนคลาย ฉินซีรู้สึกแสบจมูกขึ้นมาทันที

เธอพูดอย่างสะอึกสะอื้นว่า : “เขาไม่เป็นไรก็ดี ไม่เป็นไรก็ดี”

ฉินซีไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกตอนนี้ยังไง ประมาณว่าในที่สุดก็วางก้อนหินก้อนใหญ่ในใจลงได้สักที

ตอนนี้เธอคิดว่าแค่ลู่เซิ่นยังมีชีวิตอยู่ก็ดีแล้ว

เรื่องอื่นไม่สำคัญเท่าชีวิตเขา

เหยาจ้าวมองท่าทางอ่อนแอของเธอ แอบถอนหายใจเงียบในใจ : “ฉันให้คนคนไปบอกข่าวกับลู่เซิ่นแล้ว บอกเขาว่าคุณอยู่ในองค์กรสบายดี ให้เขารักษาตัวให้ดีไม่ต้องเป็นห่วง”

ด้านนี้ เหยาจ้าวคิดอย่างรอบคอบ

ฉินซีพยักหน้า เธอเงยหน้ามองเหยาจ้าว แสงดาวเปล่งประกายในดวงตา : “พี่ชาย ขอบคุณน่ะ”

เธอพูดอย่างตื้นตัน ในใจรู้สึกอบอุ่น

ในองค์กรที่เยือกเย็นนี้ ยังมีอีกคนที่อยู่ข้างเธอ

ทำให้ฉินซีมีพลังไร้ขีดจำกัดในใจ

น้อยมากที่ฉินซีจะเรียกเหยาจ้าวว่าพี่ การเรียกอย่างสนิทสนม ทำให้ในใจเหยาจ้าวไม่คุ้นชินนิดหน่อย

คิดถึงสถานการณ์ในตอนนี้ เหยาจ้าวเอ่ยปากเตือน : “ในเมื่อรู้ว่าลู่เซิ่นพ้นขีดอันตรายแล้ว ช่วงนี้คุณอยู่ในองค์กรยิ่งต้องนิ่งเข้าไว้ อย่าทำให้จ้านเซินโกรธ ตอนนี้เขายังไม่ลดความระมัดระวังที่มีต่อเธอและฉัน และฉันยังได้ยินว่า สายที่จ้านเซินวางไว้ทางฝั่งของลู่เซิ่นยังเรียกกลับมาไม่หมด”

สถานการณ์ยากลำบาก ถ้าผิดเพียงก้าวเดียว ฉินซีและเขาอย่าคิดจะมีชีวิตรอดออกไป

หลังสมองของฉินซีรู้ว่าลู่เซิ่นปลอดภัยดี ก็ค่อยๆ สงบลง

ใบหน้าเคร่งขรึมของเธอพยักหน้า : “ฉันรู้ ฉันจะหาทางสงบจ้านเซินไว้ ให้เขาลดความระมัดระวังที่มีต่อฉันลง”

ถึงแม้ลู่เซิ่นจะจัดการเรื่องภายนอกได้ แต่เรื่องภายในองค์กรเธอก็ยังต้องจัดการด้วยตัวเอง เธอต้องมีกำลังใจขึ้นมาให้ได้

flash marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

flash marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

Options

not work with dark mode
Reset