บทที่1429 ผ่อนคลายความสัมพันธ์
จ้านเซินอยากจะเอ่ยปากห้าม แต่เขาพึ่งจะอ้าปาก อีกฝ่ายก็ส่งชามมาให้เขาแล้ว
พนักงานยิ้มอย่างเอาใจ “บอส ของคุณครับ”
จ้านเซินมองชามที่เต็มไปด้วยซี่โครง ในใจซับซ้อนอย่างมาก
ต่อหน้ารอยยิ้มที่สดใสของพนักงาน จ้านเซินได้แต่รับมาอย่างช่วยไม่ได้
ตักก็ตักมาแล้ว ตอนนี้จะเทกลับไปก็ไม่ได้
“อืม”
จ้านเซินพยักหน้า ถือชามจากไป
เขาหาฉินซีเจอ นั่งลงข้างๆเธอ
ฉินซีกำลังกินซี่โครงในชามของตนอย่างพึงพอใจ เห็นการเคลื่อนไหวด้านข้าง ก็เงยหน้าเล็กน้อย
เมื่อเห็นว่าเป็นจ้านเซิน ฉินซีก็เก็บสายตากลับมา สายตามองเห็นชามของจ้านเซินโดยไม่ระวัง
ทันใดนั้นฉินซีก็รู้สึกว่าซี่โครงที่อยู่ในปากไม่หอมหวนอีกต่อไปแล้ว
เธอขมวดคิ้ว คายกระดูกออกมา
ฉินซีมองไปที่จ้านเซิน เอ่ยปากอย่างไม่พอใจ “พนักงานที่มาใหม่ของโรงอาหารลำเอียงเกินไปแล้ว ทำไมตักให้นายเยอะขนาดนั้น ตักให้ฉันน้อยขนาดนี้”
เธอมองตรงไปที่ชามของจ้านเซิน อยากที่จะแย่งมา
จ้านเซินกำลังกังวลว่าจะกำจัดซี่โครงทั้งหมดในชามยังไง ตั้งแต่เด็กเขาไม่เคยมีนิสัยกินทิ้งกินคว้าง นี่เป็นการสั่งสอนในองค์กร
“ให้เธอ”
โดยไม่ลังเล จ้านเซินผลักชามไปที่หน้าฉินซีทันที “เธออยากกิน ชามนี้ให้เธอหมดเลย”
ถึงอย่างไรเขาก็ไม่หิวเลยซักนิด แม้ว่าจะหิว ก็จะให้ฉินซีก่อน
ต่อหน้าความใจกว้างของจ้านเซิน ฉินซีคุ้นชินกับมันมานานแล้ว
เมื่อก่อนตอนเธออยู่องค์กร จ้านเซินมักจะเป็นแบบนี้
ฉินซียื่นตะเกียบออกไปที่ชามของจ้านเซินโดยไม่เกรงใจเลยแม้แต่น้อย “นายไม่กินจริงๆหรอ?”
ก่อนที่จะลงมือ ฉินซีก็ถามขึ้นอีกรอบ
จ้านเซินพยักหน้า เอ่ยปากพึมพำ “ไม่หิวเท่าไหร่”
เขาใช้สายตาส่งสัญญาณให้ฉินซี ให้เอาไปกินก็พอ
แต่ฉินซียังมีข้อจำกัด “ฉันเองก็กินเยอะขนาดนั้นไม่ไหว จะฝืนใจช่วยนายซักครึ่งนึงแล้วกัน”
ขณะที่พูด ฉินซีก็คีบซี่โครงในชามของจ้านเซินไปแล้วครึ่งนึง
ใบหน้าเป็นธรรมของฉินซีเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ราวกับสุนัขจิ้งจอกที่ขโมยปลาได้สำเร็จ จ้านเซินที่มองอยู่กระตือรือร้น
“โอเค ที่เหลือให้นาย นายรับผิดชอบกินให้หมด อย่าทิ้งขว้าง”
ฉินซีผลักชามกลับไปตรงหน้าจ้านเซิน พูดพลางยิ้ม
จ้านเซินไม่ได้อยู่ตามลำพังกับฉินซีอย่างสบายๆเป็นธรรมชาติแบบนี้มานานแล้ว เกิดความรู้สึกพิเศษขึ้นในใจ แต่บอกไม่ได้ว่าเป็นรสชาติแบบไหน
ต่อหน้ารอยยิ้มที่สดใสของฉินซี จ้านเซินพยักหน้าอย่างไม่เป็นตัวเอง “อืม”
เขาตอบตกลงเบาๆ แล้วฉินซีก็ส่งของใช้แล้วทิ้งมาให้
“ผ่านมาหลายปีแล้ว ซี่โครงของที่นี่ยังมีรสชาติเหมือนเดิม พ่อครัวเฒ่าที่ทำซี่โครง อายุก็น่าจะมากแล้วนะ”
ฉินซีครุ่นคิด เปิดหัวข้อขึ้นมา
เธอพูดพร้อมถอนหายใจ จ้านเซินพูดคล้อยตาม “อืม เขาไม่ได้ทำซี่โครงแล้ว ส่งต่องานฝีมือให้ลูกชายเขา ที่เธอกินอยู่ตอนนี้คือลูกชายเขาทำ”
พูดคำนี้ออกไป ฉินซีก็เข้าสู่ความทรงจำ
เวลาผ่านไปเร็วจริงๆ พริบตาเดียวเธอกับจ้านเซินก็เติบโตแล้ว
แล้วคนดั้งเดิมพวกนั้นในองค์กรก็มาแล้ว ไม่รู้ว่ากลุ่ม “สัตว์ประหลาด” ในห้องทดลองนั้นเป็นยังไงบ้าง?
แต่ฉินซีก็ไม่ได้ใส่ใจ ถึงอย่างไรเธอก็ไม่ได้มีความประทับใจที่ดีกับคนพวกนั้น
พวกเขาเฉยเมยเกินไป ทุกครั้งที่ฉินซีเข้าไป มักจะต้องนอนลง ถูกทรมานจนไม่เหมือนคน
“จริงหรอ?”
ฉินซีดื่มซุปไปหนึ่งอึก ชิมรสชาติ “ดูเหมือนว่าพ่อครัวเฒ่าจะมีผู้สืบทอดแล้ว ฝีมือของลูกชายเขาไม่เลวเลย”
ริมฝีปากแดงโค้งขึ้น ฉินซีในตอนนี้ดูเงียบสงบและอ่อนโยน สวยงามราวกับตัวละครในภาพวาด
ถ้าเป็นไปได้ จ้านเซินหวังจริงๆว่า เวลาจะสามารถหยุดอยู่ที่ตรงนี้
ตอนที่ทั้งสองพูดคุยกัน เหยาจ้าวเองก็ได้อาหารมาแล้ว
หลังจากที่ทั้งสามจัดการอาหารกลางวันไปแล้ว ก็ออกจากโรงอาหาร
ถึงหน้าประตู ฉินซีโบกมือให้จ้านเซิน นายไปทำงานเถอะ ฉันไปฝึกต่อ”
ตอนนี้เวลาที่อยู่กับจ้านเซินเธอเป็นธรรมชาติมาก ทำให้จ้านเซินเกิดภาพลวงตา รู้สึกเหมือนเรื่องในวันนั้นไม่เคยเกิดขึ้น
ฉินซียังคงเป็นเธอในตอนเด็ก เธอไม่ได้อยากหนีจากการควบคุมขององค์กร
เหตุการณ์ที่ผ่านมา เป็นเพียงแค่ฝันร้ายของจ้านเซิน ตอนนี้ตื่นจากฝันแล้ว เรื่องทั้งหมดกลับมาสู่สภาพเดิมที่เคยเป็น
จ้านเซินยืนอยู่ที่เดิม มองแผ่นหลังของฉินซี ดวงตาสีเข้มฉายแววมืดสลัว
เขาไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกในตอนนี้ยังไง เอาแต่รู้สึกว่ามันไม่จริง แต่ก็รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องจริง
จ้านเซินมองส่งฉินซีจากไป ยืนนิ่งอยู่หน้าประตูโรงอาหาร
“ครืดครืดครืด….”
ในตอนที่จ้านเซินกำลังใจลอยอยู่นั่นเอง มือถือในกระเป๋ากางเกงก็สั่นขึ้นมา
เขาขมวดคิ้ว หยิบมือถือออกมา
จ้านเซินเหลือบมองหมายเลขที่โทรเข้ามา กดปุ่มรับสาย
“ฮัลโหล ถังย่า”
โทรศัพท์สายนี้ เป็นถังย่าโทรเข้ามา
ปลายสายโทรศัพท์ ถังย่ากำลังพักผ่อนอยู่ในห้อง รายงานให้เขาฟัง “ฉันไปดูลู่เซิ่นที่โรงพยาบาลมาแล้ว ช่วงนี้เขาค่อนข้างสงบ อาการบาดเจ็บบนร่างกายก็ดีขึ้นพอสมควรแล้ว ในขณะนี้ยังไม่มีอะไรน่าสงสัย”
เธอบีบไหล่ที่ปวดเมื่อย บนหน้าผากยังมีเหงื่อที่ยังไม่แห้ง
เพื่อหลีกเลี่ยงความอ่อนตัวของกล้ามเนื้อในร่างกาย เมื่อกี้ถังย่าพึ่งไปออกกำลังที่สนามมวย ฝึกซ้อมพร้อมกับซิวหน่ายซิง เพื่อให้ระบบในร่างกายทำงานตามปกติ
พูดถึงลู่เซิ่น สีหน้าของจ้านเซินก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมทันที
ริมฝีปากบางเปิดเบาๆ เขาพูดขึ้นอย่างเย็นชา “คอยตามดูเขาต่อไป ถ้าลู่เซิ่นมีการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติอะไรก็ตาม รายงานฉันทันที”
ทางฝั่งลู่เซิ่นมักมีอันตรายซ่อนอยู่ ถ้าไม่กำจัดทิ้ง จ้านเซินก็ยากที่จะนอนหลับอย่างสงบได้
แล้วตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับฉินซีพึ่งผ่อนคลายลงเล็กน้อย จ้านเซินไม่ต้องการให้มันต้องเสื่อมถอยไปอีกเพราะลู่เซิ่นเป็นเหตุ
ที่ทำให้จ้านเซินไม่วางใจขึ้นไปอีกก็คือ เขาไม่รู้ว่าตอนนี้ในใจของฉินซีคิดอะไรอยู่กันแน่
ยังคงเป็นเหมือนเดิม เป็นห่วงเป็นใยลู่เซิ่นอยู่ไหม
ถ้าเขาทำให้ลู่เซิ่นตาย แล้วฉินซีจะฆ่าตัวตายตามไปไหม
เพราะความไม่แน่ใจนี้ ทำให้จ้านเซินไม่กล้าลงมือเสียที
ท้ายที่สุดแล้ว เขาก็ใส่ใจความรู้สึกของฉินซีมากเกินไป ไม่อย่างนั้นเขาก็กำจัดลู่เซิ่นไปตั้งนานแล้ว
ถังย่ารู้ความกังวลในใจของเขา พยักหน้า “ค่ะ”
การรายงานของเธอเสร็จเรียบร้อยแล้ว พูดตามเหตุผล ก็ควรวางสายไปได้แล้ว แต่ถังย่ากลับทำใจไม่ได้เล็กน้อย
ถังย่ากลับมากว่าครึ่งเดือนแล้ว ช่วงเวลานี้จ้านเซินไม่เคยโทรหาเธอเลยซักครั้ง
เธอยังได้ยินว่า ตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างจ้านเซินกับฉินซีไม่เลวเลยทีเดียว เมื่อกี้ยังกินข้าวด้วยกัน
ดังนั้น ถังย่าจึงแทบรอไม่ไหวที่จะโทรมาหา เห็นๆอยู่ว่าไม่มีเรื่องสำคัญอะไรที่ต้องรายงาน แต่ก็ยังอยากคุยกับจ้านเซิน อยากที่จะฟังเสียงของเขา
ความรักของถังย่าไร้ถึงขนาดนี้ เอาตัวเองไปจมอยู่ในกองฝุ่น