บทที่ 1449 สมปรารถนา
ฉินซีเดินออกจากโรงแรม เห็นจั่วเอ้อ เฝ้าผู้จัดการตามหน้าที่เคร่งครัด ก็สั่งเรียบๆ “เอาล่ะ ปล่อยเขาได้ พวกเรากลับกันเถอะ”
จั่วเอ้อ เมื่อได้รับคำสั่งของเธอ ก็ปล่อยผู้จัดการ
ผู้จัดการเห็นเธอออกมา ก็รีบเข้าไปหา “เลขานุการฉิน ผมขอโทษ ผมผิดไปแล้ว ขอร้องล่ะ อย่าบอกเรื่องนี้กับ ประธานหลูไม่อย่างนั้นผมตายแน่”
เขาไม่สนสายตาของทุกคน “ปัง” เสียงคุกเข่ากระแทกพื้น
ฉินซีทำเป็นมองไม่เห็น เดินตรงไปขึ้นรถ
“จั่วยีจั่วเอ้อ ไปกันเถอะ”
เธอพูดเรียบๆ สายตาเหมือนฝ้าหนาขุ่นมัว
เวลานี้ฉินซีดูแล้วอันตรายมาก อารมณ์แปรปรวนยากจะคาดเดา
เธอเย็นชา มีรัศมีอาฆาตแผ่ออกมา
ก็ได้เจอกับลู่เซิ่นแล้ว น่าจะสมปรารถนาแล้ว
แต่ฉินซีกลับยิ่งเจ็บปวดรวดร้าว
เธอไม่เข้าใจ ทำไมคนทั้งโลกนี้ถึงอยู่ด้วยกันได้ มีแต่เธอกับลู่เซิ่นที่อยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่าไม่ได้
ฉินซีคิดย้อนถึงยี่สิบกว่าปีก่อน เธอเป็นคนดีมาตลอด ไม่เคยทำเรื่องอะไรไม่ดี แต่สวรรค์กลับทำกับเธออย่างนี้ แม้แต่คนที่รักเธอก็ยังครอบครองไม่ได้
เธอยิ่งรู้สึกน้อยใจ ยิ่งรู้สึกอยากหนีจากองค์กร
“ครับ”
จั่วยีจั่วเอ้อ ตามหลังมาติดๆ ขึ้นรถ
จั่วเอ้อ สตาร์ทรถ ขับไปตามทางอย่างมั่นคง
“ตื๊ดๆๆ…”
ภายในรถที่เงียบกริบ ทันใดนั้นก็มีเสียงสั่นของมือถือ
ฉินซีสีหน้าเรียบเฉยเหม่อมองออกนอกหน้าต่าง เธอรู้ว่าเสียงนั่นไม่ใช่มือถือของเธอแน่ เพราะเธอไม่มีมือถือ
จั่วยีรู้สึกได้ถึงเสียงสั่น หยิบมือถือออกมาจากกระเป๋าเสื้อ
เมื่อเห็นว่าคนที่โทรมาคือใคร เขารีบกดปุ่มรับ พูดจานอบน้อม “นายใหญ่”
ฉินซีเมื่อได้ยินก็รู้ว่าจ้านเซินเป็นคนโทรมา สีหน้าบอกบุญไม่รับทันที
เธออยู่กับลู่เซิ่นไม่ได้ สาเหตุส่วนใหญ่ ก็เป็นเพราะจ้านเซินกับองค์กร ไม่อย่างนั้นตอนนี้พวกเธอก็คงไปเที่ยวรอบโลกแล้ว
“ถึงแล้วหรือยัง”
ปลายสายฝ่ายนั้น จ้านเซินนั่งในห้องหนังสือ มองเส้นทางจากเครื่องติดตาม
เขานั่งในห้องหนังสือตลอดช่วงเช้า แม้แต่อาหารกลางวันก็ไม่กิน สายตาจ้องมองที่หน้าจอตลอดเวลา
“สำรวจพื้นที่ฮอลล์จัดงานเรียบร้อยแล้วครับ”
จั่วยีรายงานตามจริง
จ้านเซินโทรมา แน่นอนว่าไม่ใช่โทรหาเขา
เขาคุยกับ จั่วยีสั้นๆ ก็ถามอย่างรอไม่ไหว “ฉินซีอยู่ด้วยไหม”
จั่วยีก็รู้ว่าจ้านเซินโทรมาไม่ใช่เพราะเป็นห่วงเขา เขาไปทำงานทุกครั้ง จ้านเซินไม่เคยโทรมาสอบถามซักครั้ง
“ครับ”
จั่วยีพยักหน้า ส่งมือถือให้ฉินซีที่นั่งอยู่ข้างหลัง “คุณฉิน นายใหญ่อยากคุยด้วยครับ”
ฉินซีมองมือถือที่ส่งมา เมื่อคิดว่าปลายสายคือจ้านเซิน ทันใดนั้นก็รู้สึกรำคาญ
เธอสูดลมหายใจลึก บังคับตัวเองให้ใจเย็น
ฉินซีรับมือถือมา แนบข้างหู “ค่ะ”
เธอพูดเรียบๆ น้ำเสียงซ่อนความคับแค้น
จ้านเซินรู้สึกได้ชัดว่าเธออารมณ์ไม่ดี ย่นคิ้ว “ฉินซี คุณเป็นอะไรหรือเปล่า”
เขาถามตรงๆ ในใจเกิดความคิดไปในทางไม่ดี
เมื่อรู้สึกได้ว่าตัวเองควบคุมอารมณ์ไม่ได้ ฉินซีรีบกระแอม “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันแค่อารมณ์ไม่ค่อยดีเท่านั้น”
ในเมื่อเปิดเผยไปแล้ว ฉินซีก็ไม่คิดจะปิดบังอีก
ตอนนี้เธอพูดแบบนี้ กลับทำให้จ้านเซินยิ่งสงสัย
“ทำไมอารมณ์ไม่ดีครับ”
จ้านเซินถามต่อสีหน้าเคร่งขรึม
เช้าวันนี้ตอนที่ฉินซีออกไปยังดีใจอยู่ ทำไมแค่ไม่กี่ชั่วโมงถึงได้กลายเป็นอย่างนี้ เขาต้องรู้ให้ได้ว่าฉินซีเจออะไร
เมื่อเจอกับการซักไซ้ของจ้านเซิน ฉินซีหงุดหงิดไม่น้อย แต่ยังคงอดทนตอบคำถาม “เมื่อกี้ตอนสำรวจสถานที่ เจอคนน่ารำคาญ”
เธอผลักความรับผิดชอบไปให้ผู้จัดการโรงแรม ปิดบังเรื่องที่ลู่เซิ่นปรากฏตัวได้สมบูรณ์แบบ
เมื่อครู่จั่วยีกับ จั่วเอ้อ อยู่ด้วย ฉินซีก็ไม่กังวลจ้านเซินจะแอบไปถามสองคนนั้นส่วนตัว
เมื่อได้ยินว่ามีคนทำให้ฉินซีขุ่นเคือง สีหน้าจ้านเซินก็บอกบุญไม่รับ “เรื่องอะไร”
ก่อนออกไป เขากำชับจั่วยีจั่วเอ้อแล้ว ให้พวกเขาดูแลฉินซีให้ดี ทำไมเกิดเรื่องอย่างนี้ได้
เมื่อคิดถึงตรงนี้ จ้านเซินก็โกรธขึ้นมานิดหนึ่ง
“เมื่อกี้…”
ฉินซีเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในโรงแรมให้จ้านเซินฟังสั้น แล้วพูดต่อเรียบๆ “คุณวางใจเถอะ ฉันให้จั่วยีกับจั่วเอ้อสั่งสอนผู้จัดการโรงแรมนั่นแล้ว ตอนนี้อารมณ์ดีขึ้นเยอะ”
เธอเพียงแค่อยากจะเอาเรื่องผู้จัดการโรงแรมมาปิดบังเรื่องจริงที่ลู่เซิ่นอยู่ที่นั่นด้วย เธอไม่อยากทำเรื่องให้ลุกลามใหญ่โต
แม้ฉินซีจะพูดอย่างนี้ แต่จ้านเซินก็ยังโกรธ
ดวงตาฉายแสงเย็นเยียบ น้ำเสียงเย็นเยือก “คุณลงโทษเบาไป ในเมื่อเขาทำผิด ก็ต้องสั่งสอน”
ได้ยินน้ำเสียงของเขา ฉินซีก็รู้ว่าเขาเตรียมแอบลงมือ
ฉินซีขมวดคิ้ว ตอนแรกอยากจะห้าม แต่เมื่อนึกถึงท่าทีของผู้จัดการเมื่อครู่ รู้สึกว่าสั่งสอนเขาเสียหน่อยก็ไม่น่าจะใช่เรื่องแย่อะไร
“ค่ะ”
ริมฝีปากบางรับคำ ฉินซีพยักหน้า
“เรื่องนี้ให้ผมจัดการเอง คุณตั้งใจทำงานไปเถอะ”
ความยุ่งยากในภายหลัง จ้านเซินจะช่วยเธอแก้ไข
อันที่จริง ครั้งนี้ฉินซีมาทำงาน จ้านเซินก็อยากจะตามมาด้วย
แต่ในองค์กรยังมีงานสำคัญ เขาปลีกตัวมาไม่ได้ จึงจำต้องส่งลูกน้องสองคนตามประกบฉินซี หนึ่งเพื่อปกป้องเธอ สองเพื่อจับตาดูเธอ
ฉินซีแกล้งทำเป็นดีใจ ยิ้มบางๆ “วางใจเถอะ ฉันรับรองทำงานเสร็จแล้ว จะรีบกลับองค์กรค่ะ”
เมื่อเห็นว่าเธออารมณ์ดีขึ้นแล้ว ความกังวลของจ้านเซินก็ค่อยคลายลง
ดวงตามีประกายของรอยยิ้มดีใจ จ้านเซินพูดเบาๆ “ผมรอคุณกลับมา”
น้ำเสียงของเขาเคร่งขรึมและหนักแน่น แฝงด้วยการรอคอย
ฉินซีรู้ว่าคำพูดของเขาจริงใจ แต่เมื่อคิดถึงอีกด้านหนึ่งที่ลู่เซิ่นแกล้งปลอมเป็นคนอื่นโดยไม่คำนึงถึงตนเอง เธอก็วางใจไม่ได้
“อึม”
ฉินซีพยักหน้า รับคำแต่โดยดี
มองดูแล้วเธอเชื่อฟัง เหมือนตุ๊กตาเอาไปวางที่ไหนก็ได้
ทว่า สายตาของฉินซีมีประกายของความดื้อรั้น
เธอจ้องมองนอกหน้าต่าง ความศรัทธาในใจก็ยิ่งมั่นคง
ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ตัดสินใจแน่วแน่ที่จะเลือกลู่เซิ่น
ฉินซีรู้ดีลึกๆ แล้วเธอรู้สึกผิดต่อจ้านเซิน แต่ความรู้สึกไม่ใช่ใครมาก่อนมาหลัง และตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้เธอมอง จ้านเซินเป็นแค่พี่น้อง
เรื่องที่ติดค้างจ้านเซิน เธอได้แต่คิดหาวิธีอื่นชดเชย
ส่วนเรื่องความรู้สึก ฉินซีจนปัญญาจริงๆ