บทที่1451 ดึงดันจะเข้ามา
โจวเอ้อเข้าใจความกังวลของเขา จึงไม่ได้พูดอะไรมาก
หลังจากเขาเห็นลู่เซิ่นเริ่มปีนเข้าไปด้านใน จึงค่อยถอดหน้ากากออก ก่อนจะหันหลังกลับและรีบเดินไปยังทางประตูหน้าอย่างรวดเร็ว
ตรงข้ามถังย่าและซิวหน่ายซิง ยังมีพยาบาลหนึ่งคนคอยรักษาพื้นที่อย่างเข้มงวด ไม่ให้สองคนได้เข้าไป
โจวเอ้อหยุดฝีเท้า เขาสูดหายใจเข้าลึก บังคับให้ตัวเองสงบสติอารมณ์ให้ใจเย็นลง
ภายในเวลาไม่กี่วินาที โจวเอ้อก็ปรับสภาพจิตใจเขาให้ดีขึ้นได้
เขาก้าวไปหาถังย่าด้วยท่าทีสบายๆ
โจวเอ้อหยุดอยู่ตรงหน้าถังย่า ก่อนจะถามขึ้น “คุณถัง ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่ครับ”
สายตาของเขามองไปยังประตูห้องคนไข้ด้วยใจที่กังวล ไม่รู้ว่าลู่เซิ่นเข้ามาหรือยัง
ถังย่าได้ยินเสียงฝีเท้า จึงเงยหน้าขึ้นมอง
เมื่อเห็นว่าคนที่มาคือโจวเอ้อ ใบหน้างดงามปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาบางๆ “คุณโจว ฉันมาเพื่อเยี่ยมประธานลู่ค่ะ เขาอยู่โรงพยาบาลมานานมาก ร่างกายน่าจะฟื้นตัวมากแล้ว”
เธอลุกขึ้นยืนช้าๆ ก่อนมองตรงไปยังโจวเอ้อ
ถังย่าสูง 175 เซนติเมตร ปกติเมื่อเธอไม่สวมรองเท้าก็ยังสูงกว่าคนอื่น
ตอนนี้เธอสวมรองเท้าบูทมาร์ตินที่มีส้น บวกไปอีกห้าเซนติเมตร ชั่วพริบตาก็สูงถึง 180 เซนติเมตร สูงพอๆกับโจวเอ้อ
ความสูงของทั้งสองคนในสถานการณ์ชั่วขณะนี้ ดูเหมือนว่าความสูงของฝ่ายหญิงจะสูงกว่าฝ่ายชาย
ท่าทางเฉยเมยของถังย่า ทำให้โจวเอ้อรู้สึกอึดอัด
แต่เขาไม่ได้ตกใจกลัว เลยเร็วที่จะทำจิตใจสงบ
โจวเอ้อจ้องมองไปยังดวงตาสีน้ำตาลของถังย่า ก่อนพูดขึ้นมาอย่างสุภาพ “ขอบคุณในความห่วงใยของคุณถังครับ ตอนนี้ร่างกายของประธานลู่ฟื้นตัวเกือบหมดแล้ว ใช้เวลาไม่นานก็สามารถออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว”
เขาพูดออกมาตรงๆ ไม่ได้ปิดบังอะไร
โจวเอ้อรู้ชัด เรื่องแบบนี้คงปิดบังถังย่าไม่ได้
แทนที่จะปล่อยให้สงสัย มันคงดีกว่าที่จะพูดออกมาตรงๆ
“จริงหรือคะ?”
ถังย่าเลิกคิ้วงามของเธอ
เธอมองไปที่โจวเอ้อด้วยความปีติ “ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้วค่ะ ฉันดีใจกับประธานลู่อย่างจริงใจ วันนี้ฉันมาเพื่ออยากจะพบกับประธานลู่ ไม่อย่างนั้นหลังจากประธานลู่ไปแล้ว ก็ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสอีกเมื่อไหร่ ไม่รู้ว่าคุณโจวสามารถไปบอกเขาได้ไหมคะ ให้ประธานลู่ออกมาพบฉันเพื่อนเก่าคนนี้หน่อย”
ภายนอกถังย่ามีท่าทีดีใจกับลู่เซิ่น แต่ในความเป็นจริงเธอคิดว่าจะเข้าไปโจมตีเขาอย่างไรแค่นั้น
เขารู้ว่าเธอกำลังคิดอะไร มุมปากยกขึ้นอย่างหยอกล้อ “ผมคิดว่า ประธานลู่ของเราคงไม่อยากเจอเพื่อนเก่าอย่างคุณครับ ครั้งก่อนที่คุณมา ประธานลู่ก็แทบจะเป็นลม คุณหมอกำชับนักหนา ตอนนี้ถึงแม้ร่างกายของประธานลู่จะฟื้นฟูแล้ว แต่เขาก็รับเรื่องสะเทือนใจไม่ไหว ไม่อย่างนั้น จะเกิดเรื่องอันตรายได้ ดังนั้นผมเลยสั่งให้ทุกคนกันคุณเอาไว้ หวังว่าคุณถังจะเข้าใจความลำบากของลูกน้องนะครับ”
ถึงแม้ทุกวันโจวเอ้อจะดูท่าทางเหมือนไม่สันทัดในเรื่องภาษา แต่ในความเป็นจริงแล้ว ถ้าหากเขาพูดขึ้นมา ก็เหมือนมีอะไรแฝงไว้อยู่ในคำพูดเขา
ถังย่าแค้นจนพูดอะไรไม่ออก
ใบหน้าของเธอปรากฏความประหลาดใจ เธอไม่คาดคิดมาก่อนว่าโจวเอ้อจะฉลาดปราดเปรื่อง
ใบหน้าของถังย่าปรากฏเป็นรอยยิ้มมีความหมาย “ประธานลู่โชคดีจริงๆ ที่ข้างกายมีลูกน้องที่ซื่อสัตย์อย่างคุณโจวเอ้อ ฉันชักอิจฉาแล้วค่ะ”
น้ำเสียงของเธอดูลึกลับและคาดเดาไม่ได้ ทำให้ผู้คนไม่สามารถเดาได้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่
โจวเอ้อเม้มริมฝีปาก เขาไม่สนใจคำชมของเธอ “คุณถัง ถ้าหากคุณพูดแบบนี้ ผู้ช่วยหนุ่มสุดเท่ข้างตัวคุณจะเสียใจเอาได้นะครับ”
เขาพูดหยอกล้อพลิกแพลงสถานการณ์
รอยยิ้มบนใบหน้าของถังย่าค่อยๆแข็งกร้าวขึ้น จนถึงตอนนี้ เธอเพิ่งจะค้นพบ คาดไม่ถึงว่าโจวเอ้อจะเป็นคนที่ขี้เซ้าซี้แบบนี้
เขามองไปยังท่าทางที่นุ่มนวล ทว่าแท้จริงกลับเป็นการป้องกันตัวที่ดูไม่มีช่องโหว่
“คุณโจวสบายใจเถอะครับ ผมไม่เสียใจแน่นอน”
ซิวหน่ายซิงพูดด้วยท่าทางที่ดูใจกว้าง
ถังย่าเหลือบมองเขา ส่งนัยยะว่าไม่ให้เขาพูดมากเกินไป
เมื่อเห็นใบหน้าที่จริงจังของเธอ ซิวหน่ายซิงก็ประพฤติตัวดีทันที
ถังย่าพูดอย่างเคร่งครัด “คุณโจวคะ คุณหมอคนนี้เข้าไปก็นานมากแล้ว เห็นว่าตรวจร่างกายให้ประธานโจว แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เห็นออกมา”
เธอขมวดคิ้วแสร้งทำเป็นห่วง
เหตุผลที่ถังย่าพูดเช่นนั้น ก็เพราะเธอต้องการฉวยโอกาสตอนโจวเอ้อเข้าไป ตรวจสอบว่าลู่เซิ่นอยู่จริงหรือไม่
เธอเพิ่งได้รับข่าวเมื่อเช้านี้ จ้านเซินโทรมาหาเธอ ว่าฉินซีออกมาจากการปฏิบัติภารกิจแล้ว ให้เธอเพิ่มความจริงจังในการป้องกัน อย่างไรก็ไม่สามารถให้ทั้งสองเจอกันได้
ดังนั้น ถังย่าจึงรีบมา
เธอไม่ได้คาดไว้เลยว่า ก่อนเธอจะมา ฉินซีและลู่เซิ่นก็เจอกันไปแล้ว
ถังย่าในเวลานี้ ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้แล้ว
“นี่… …”
โจวเอ้อแสดงท่าทางกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ให้ถังย่ารู้สึกแปลกใจ
ลางสังหรณ์ไม่ดีเกิดขึ้นในใจของเธอ ไม่แน่ว่าลู่เซิ่นอาจจะหนีไปแล้ว
ถ้าเป็นเช่นนั้น จ้านเซินรู้เข้า คงโกรธมากแน่
ถังย่าเป็นกังวล ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ “คุณโจว จริงๆแล้วประธานลู่อยู่ข้างในไหมคะ”
เธอไม่อ้อมค้อมอีกต่อไป สายตาที่แผดเผามองมาทางเขาอย่างรอคอยคำตอบ
เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้พูดอะไร ถังย่าก็พลันว้าวุ่นใจ
“ในเมื่อคุณโจวไม่เต็มใจที่จะบอกความจริง ถ้าอย่างนั้นฉันคงต้องเข้าไปตรวจสอบด้วยตัวเอง”
พูดจบ ถังย่าก็พุ่งผ่านโจวเอ้อเพื่อที่จะเข้าไปข้างใน
โจวเอ้อไม่กล้าตัดสินใจว่าลู่เซิ่นกลับเข้ามาในห้องแล้วหรือยัง จึงรีบเข้าไปขวางเธอ “คุณถัง ห้องผู้ป่วยเป็นสถานที่สำคัญ คุณไม่สามารถบุกรุกได้นะครับ”
เขาจงใจส่งเสียงดังเพื่อเตือนลู่เซิ่นและโจวซิงที่อยู่ด้านใน
“หลีกไป!”
ถังย่ามองเขาด้วยสายตารุนแรง โบกมือส่งสัญญาณให้ซิวหน่ายซิงจัดการโจวเอ้อ
ทันทีที่โจวเอ้อขัดขวางไม่ได้แล้ว ประตูห้องพักผู้ป่วยพลันถูกเปิดออกมาจากด้านใน
ใบหน้าหล่อเหลาของลู่เซิ่นปรากฏอยู่หลังประตูบานนั้น
“เสียงอะไร หนวกหู”
ลู่เซิ่นขมวดคิ้ว สีหน้าไม่พอใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา
เมื่อเห็นใบหน้าซีดเซียวของลู่เซิ่นในชุดคนป่วย ดวงตาสีน้ำตาลของถังย่าก็ปรากฏร่องรอยความประหลาดใจในนั้น “ประธานลู่… …”
เธอพูดเสียงเบา ถ้าตั้งใจจะได้ยินความสงสัยภายในน้ำเสียง
“คุณถัง มาอีกแล้ว”
ลู่เซิ่นก้มศีรษะมองลงไปยังเธอ ก่อนพูด “คุณถังมีความอดทนจริงนะครับ ทุกครั้งที่มาเยี่ยมเยือนผม ก็มักไม่มามือเปล่า จะต้องลงมือทำอะไรที่วุ่นวาย ครั้งนี้ก็คิดจะดึงดันเข้ามาในระหว่างการตรวจของคุณหมอ ดูๆแล้วคุณถัง กลัวผมจะมีชีวิตที่ยืนยาวสินะครับ”