flash marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1466 ผมรักคุณ

บทที่ 1466 ผมรักคุณ

แต่ช่วงเวลาแห่งความสุขมักผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ฉินซีได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากข้างนอก เป็นฝีเท้าที่ไม่เหมือนกับหรูเว่ยเสียง

ทั้งสองถอนหายใจชั่วขณะ

ฉินซีเงี่ยหูฟัง เพื่อฟังสถานการณ์ด้านนอกอย่างละเอียด

“พวกนายเร็วเข้า ตรวจทุกห้องอย่างละเอียด ตรวจทุกมุมอย่าให้พ้นสายตาไปได้ หากพบสิ่งผิดปกติรีบมารายงานผมทันที”

ฉินซีได้ยินเสียงหนึ่งที่ค่อนข้างชัดดังเข้ามา

เบื้องหลังของเธอมีคนตามอยู่หลายคน ฝีเท้าชุลมุน

ฉินซีเคยได้รับการฝึกฝนมา เธอหลับตาลงแล้วนับในใจได้ประมาณสิบกว่าคน

หากมาแค่คนสองคนเธอสามารถต่อกรได้อย่างสบาย แต่มีคนตามมาเยอะมากจริงๆ

ในใจของฉินซีรู้สึกร้อนรน หากเธออยู่ที่นี่เพียงลำพังคงไม่มีปัญหา แต่ตอนนี้ลู่เซิ่นก็อยู่ที่นี่ด้วย

เธอไม่อยากให้ลู่เซิ่นได้รับบาดเจ็บเพราะเธอ

ลู่เซิ่นรับรู้ได้ถึงความรู้สึกกังวลที่อยู่ในใจของฉินซี เขายื่นมือเรียวยาวของเขาลูบไปที่ไหล่ของฉินซีอย่างอ่อนโยน

ในเวลานี้ข้างนอกล้วนเป็นศัตรู ลู่เซิ่นไม่สามารถพูดออกมาได้ เขาทำได้เพียงใช้สายตาบอกเธอว่าอย่าเป็นกังวล

ขณะที่เสียงบริเวณด้านนอกเริ่มสงบลง ฉินซีจึงถามขึ้นเสียงเบาว่า:“ลู่เซิ่น ตอนนี้พวกเราควรทำยังไงดี?”

เธอเงยหน้ามองไปยังลู่เซิ่น นัยน์ตาสีดำส่งแววตาของความเป็นกังวลออกมา

“ฉินซี อย่าร้อนใจไปเลย พวกเรา …”

ขณะที่ลู่เซิ่นกำลังเอ่ยปาก จู่ๆก็มีเสียงร้องดังออกมาจากข้างนอก

“อ่า!”

ราวกับว่ามีใครถูกตี เสียงดังปั้งราวกับมีของหนักล้มลงที่พื้น

สีหน้าของลู่เซิ่นและฉินซีเปลี่ยนไป

พวกเขาซ่อนตัวอยู่ในตู้เสื้อผ้า ไม่รู้ว่าข้างนอกเกิดเรื่องอะไรขึ้น ทำได้เพียงใช้สัญชาตญาณในการคาดเดา

จู่ๆ วิทยุสื่อสารที่อยู่ข้างกายของฉินซีก็ดังขึ้น

“คุณฉิน คุณอยู่ที่ไหน?ผมกับจั่วเอ้อกำลังมาช่วยคุณ”

เสียงร้อนใจดังขึ้นมาจากวิทยุสื่อสาร

พวกเขาก็คิดไม่ถึงว่าจู่ๆหรูเว่ยเสียงจะกลับมาในเวลานี้ รอให้จั่วยีจั่วเอ้อได้รับแจ้งจากจ้านเซิน ฉินซีก็ขึ้นไปบนตึกแล้ว

หลังจากที่เธอรับรู้ได้ถึงสถานการณ์ที่เลวร้ายลง ทั้งสองจึงรีบหยิบอาวุธขึ้นมา แล้ววิ่งไปบนตึก

เมื่อได้ยินเสียงของจั่วยีแลจั่วเอ้อฉินซีก็ได้สติ

เธอเงยหน้ามองไปยังลู่เซิ่นแววตาสีอำพันคู่นั้นเต็มไปด้วยความอาลัยอาวรณ์

แต่ว่าเธอรู้ดีว่า หากตอนนี้เธอยังไม่ออกไปอีกจั่วยีกับจั่วเอ้อก็จะตามหาที่อยู่ของเธอจากกล้องวงจรปิด

ฉินซียกปลายเท้าขึ้น จูบที่ริมฝีปากของลู่เซิ่นเบาๆ

แววตาของฉินซีเต็มไปด้วยประกายของหยาดน้ำตา เธอเอ่ยปากขึ้นอย่างอาลัยอาวรณ์ว่า:“ลู่เซิ่นฉันออกไปก่อนนะ รอให้ข้างนอกสงบลงก่อนคุณค่อยออกไป”

ฉินซีไม่กล้าพูดอะไรมาก กลัวว่าหากยังชักช้าจะไม่อยากจากไป

น้ำเสียงของเธอแข็งกร้าว ลู่เซิ่นฟังแล้วรู้สึกทรมานไม่น้อย

ลู่เซิ่นมองไปที่เงาหลังของเธอ แววตาส่องประกายความหดหู่ออกมา

จู่ๆเขาก็ก้าวมาข้างหน้าอย่างรวดเร็ว แล้วคว้าแขนของฉินซีไว้

ฉินซีรู้เพียงว่าตนรู้สึกเวียนหัว กระทั่งเธอได้สติเธอก็อยู่ในอ้อมกอดของลู่เซิ่นเสียแล้ว

สองมือของลู่เซิ่นประคองใบหน้าของเธอแล้วจูบลงอย่างแรง

จูบของเขาช่างร้อนแรงและเต็มไปด้วยความอาลัยอาวรณ์

ฉินซีรับรู้ถึงอารมณ์ที่เขาปะทุออกมาได้เป็นอย่างดี อารมณ์ที่เข้มข้นนี้ ทำให้น้ำตาเธอคลอเบ้า

เธอไม่สามารถที่จะควบคุมความรักที่มีต่อลู่เซิ่นได้ จึงยื่นมือเรียวยาวออกไปแล้วกอดเขาไว้แน่น พร้อมกับจูบเขากลับอย่างเร่าร้อน

“คุณฉิน หากได้รับสารแล้ว กรุณาตอบกลับด้วยครับ”

จั่วยีกำลังเร่งถามขึ้นกับวิทยุสื่อสาร เรียกชื่อของฉินซีไม่หยุด

แต่ว่าฉินซีกลับถูกลู่เซิ่นอุดปากไว้ ไม่สามารถพูดได้

เธออยู่ในความอ่อนโยนของลู่เซิ่น ไม่สามารถดึงตัวเองออกมาได้

กระทั่งเสียงฝีเท้าจากด้านหน้าประตูใกล้เข้ามาทุกที เธอจึงผลักลู่เซิ่นออกอย่างอาลัยอาวรณ์:“อู่……”

แต่ลู่เซิ่นราวกับไม่ได้ยิน ยังคงกอดเอวเธอไว้แน่น ไม่ยอมให้เธอจากไป

แรงที่เขาใช้นั้นราวกับต้องการให้ฉินซีแทรกเข้าไปอยู่ในกระดูกของเขา

“ลู่เซิ่นมีคนมาแล้ว”

ฉินซีเอ่ยปากขึ้นพลางหอบหายใจ แล้วผลักหน้าอกของเขาอย่างแรง

ท่ามกลางการยื้อรั้งของฉินซี ในที่สุดลู่เซิ่นก็ปล่อยมือของเธอ

เขาก้มหน้า และมองใบหน้าที่ประณีตของฉินซีอย่างอาวรณ์

ลู่เซิ่นโค้งตัวลงเล็กน้อย จูบเบาๆลงที่หน้าผากของเธอ

“ฉินซี ผมรักคุณ”

น้ำเสียงของลู่เซิ่นจริงจัง แววตาของฉินซีเต็มไปด้วยความซาบซึ้ง

ในเวลานี้ ฉินซีได้ยินเสียงของตนเองเต้นเร็วกว่าปกติ

เสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เบ้าตาของเธอแดง หันหลังแล้วจากไป

ฉินซีไม่กล้าหันหลังกลับมา เธอกลัวว่าหากกลับไปอาจจะไม่มีทางได้กลับอีก

เธอสูดหายใจเข้าอย่างแรง พยายามบังคับให้ตัวเองตั้งสติ

ฉินซีรีบเดินออกไปที่หน้าประตูอย่างรวดเร็ว

และในขณะนี้เอง ประตูห้องก็ถูกผลักออก

ด้านนอกประตู

เมื่อจั่วยีและจั่วเอ้อเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยของเธอ ในใจก็รู้สึกคลายความกังวลลง:“คุณฉิน ในที่สุดก็หาคุณเจอแล้ว”

ฟ้าต่างรู้ว่า เมื่อสักครู่นี้ที่พวกเขาไม่ได้รับการตอบสนองกลับจากฉินซี หัวใจของจั่วยีและจั่วเอ้อแทบจะหยุดเต้น

หากฉินซีเป็นอะไรไป เขาก็คงไม่รู้จะจ้านเซินอย่างไร

ฉินซีพยายามปรับอารมณ์ของตนเอง พลางเหลือบมองทั้งสองคน:“ที่นี่ไม่ใช่ที่พูดคุย พวกเรารีบไปกันเถอะ”

เธอต้องรีบให้จั่วยีและจั่วเอ้อออกไป เพื่อให้ลู่เซิ่นหาโอกาสหนี

จั่วยีและจั่วเอ้อคิดว่าฉินซีเป็นห่วงหรูเว่ยเสียงและกลัวว่าคนพวกนั้นจะตามมา จึงพยักหน้า:“ครับ”

ทั้งสามคนจากไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อลู่เซิ่นได้ยินเสียงฝีเท้าด้านนอกค่อยๆจางหายไป ในใจรู้สึกสับสนและอธิบายไม่ถูก

ตอนนี้เขารู้สึกว่า เมื่อตนเองได้พบกับฉินซีและต้องจากเธอไปอีกครั้ง ความรู้สึกนี้ช่างทรมานเป็นอย่างมาก

ลู่เซิ่นยกมือขึ้นมาลูบที่ริมฝีปาก ริมฝีปากนั้นยังคงมีรสชาติของฉินซีอยู่

เขายกริมฝีปากขึ้นมาแล้วยิ้มอย่างขมขื่น แววตาเต็มไปด้วยความอ่อนโยน

จากนั้นลู่เซิ่นก็ผลักประตูแล้วเดินออกมา

เขาใช้บรรยากาศแห่งความมืด กลับมายังงานปาร์ตี้อีกครั้ง

……

หรูเว่ยเสียงยังคงตามหาอยู่ที่ชั้นบน

เขานำทีมรปภ.ตามหาอยู่นานแต่ก็หาไม่พบ

หรูเว่ยเสียงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกร้อนใจ

แต่หัวหน้ารปภ.ยังคง พูดร่ำไรอยู่ข้างหูเขาไม่หยุด:“หรูเว่ยเสียงวันนี้คุณเป็นอะไรของคุณ ทำไมถึงได้ปล่อยให้ผู้หญิงแค่คนเดียวหายไปได้ แล้วยังให้เธอขโมยของสำคัญไปด้วย ถ้าประธานหลูรู้เรื่องขึ้นมาพวกเราจะบอกว่ายังไง”

ในใจของเขาเต็มไปด้วยความกังวล แม้ว่าหลูจื๋อหลินดูเหมือนว่าจะเป็นคนพูดง่าย แต่เขากลับเป็นคนที่โหดเหี้ยมอำมหิตคนหนึ่งเลย

หัวหน้ารปภ.อยู่ข้างกายหลูจื๋อหลินมาหลายปี แน่นอนว่าเขารู้เป็นอย่างดี

แน่นอนว่าหรูเว่ยเสียงก็รู้ว่าเรื่องนี้ร้ายแรงแค่ไหน เขารู้สึกวุ่นวายใจอย่างไม่มีที่สิ้นสุด:“พอได้แล้วรึยัง!ผมรู้ว่าต้องทำยังไง ไม่จำเป็นต้องมาสอนผม ส่วนทางด้านของประธานหลูเดี๋ยวผมจัดการเอง”

flash marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

flash marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

Options

not work with dark mode
Reset