บทที่ 1469 ค้นหาให้ทั่วทุกที่
หากถูกเผยแพร่ออกไปหลูจื๋อหลินต้องเจอกับเรื่องยุ่งยากแน่ๆ
หรูเว่ยเสียงนึกย้อนกลับไป ขมวดคิ้วพลางพูดขึ้นว่า:“ผู้หญิงคนนั้นใส่หน้ากาก ในห้องค่อนข้างมืด มองเห็นรูปร่างของเธอไม่ชัด แต่เขาก็สัมผัสได้ว่าเธอหน้าตาสวยมาก บุคลิกลักษณะมีความพิเศ รูปร่างบอบบาง ถือว่าเป็นผู้หญิงที่สวยคนหนึ่งเลยทีเดียว”
เขาพยายามที่จะอธิบายให้ละเอียด จะได้ตามหาได้ง่ายขึ้น
แต่สิ่งที่หลูจื๋อหลินพูดมาทั้งหมดนั้นเป็นข้อมูลที่ธรรมดาเกินไป
คนที่มาร่วมงานปาร์ตี้ในค่ำคืนนี้ ต่างก็ถือได้ว่าเป็นสาวสวย รูปร่างดีทั้งนั้น
หลูจื๋อหลินโกรธจนแทบอยากจะฆ่าเขาให้ตาย:“แค่นี้เองเหรอ ไม่มีแล้วเหรอ?”
เขาพยายามระงับความโกรธลง แล้วถามขึ้นอย่างอดทน
หรูเว่ยเสียงส่ายหัว:“ไม่มีแล้วครับ”
เมื่อพูดจบหลูจื๋อหลินก็โกรธจนแทบจะล้มลง
ร่างกายของเขาโคลงเคลง สีหน้าแดงก่ำ
หัวหน้ารปภ.เห็นว่าเขาจะหมดสติลง จึงรีบพยุงเขาไว้:“ประธานหลูท่านไม่เป็นไรใช่ไหมค่ะ?”
เขารีบเดินไปข้างหน้า แล้วถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง
ภายใต้การพยุงของเขาหลูจื๋อหลินก็พยายามยืนได้มั่นคง :“ผมไม่เป็นอะไร”
เขาพูดขึ้นด้วยเสียงเหนื่อยหอบ และไออย่างรุนแรง:“แค่ก แค่ก แค่ก ……”
หลูจื๋อหลินเกือบจะโมโหหรูเว่ยเสียงจนตาย
หลายปีมานี้หรูเว่ยเสียงอยู่ข้างกายเขาด้วยความจงรักภักดี แต่ไหนแต่ไรไม่เคยทำเรื่องผิดพลาด แล้วคราวนี้เกิดอะไรขึ้น
หรือเป็นเพราะฝ่ายตรงข้ามเป็นผู้หญิง และเป็นหญิงงามเสียด้วย
หลูจื๋อหลินพูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ว่า:“ไม่ใช่ว่าคุณถูกผู้หญิงคนนั้นหลอกล่อหรอกนะ?”
เขาคิดได้เพียงสาเหตุนี้ ไม่งั้นฝีมือดีอย่างหลูจื๋อหลินจะถูกผู้หญิงล้มง่ายๆเหรอ แล้วยังขโมยของไปได้ด้วย
แม้ว่าตอนแรกหรูเว่ยเสียงเหนื่อยหน่ายและขี้เกียจ แต่ตอนหลังที่ฉินซีต่อต้าน ก็รู้สึกว่าฝีมือของเธอไม่เลวเลย ก็เลยเริ่มกระตือรือร้น:“ไม่ใช่ครับ เธอมีเพื่อนมาด้วย”
สิ่งที่ทำให้หรูเว่ยเสียงคิดไม่ถึงก็คือการปรากฏตัวของลู่เซิ่น
หากไม่เป็นเพราะเขา เอกสารสำคัญก็คงจะไม่ถูกขโมยไป
“เพื่อน?”
สีหน้าของหลูจื๋อหลินเผยความแปลกใจออกมา
เขาคิดไม่ถึงเลยว่า ครั้งนี้ฝ่ายตรงข้ามจะ แข็งแกร่งขนาดนี้
ดูเหมือนว่า คงจะทำให้เขาตายอย่างไม่มีทางรอด
เมื่อคิดถึงจุดนี้ สีหน้าของหลูจื๋อหลินก็ไม่สู้ดีนัก
หากฝ่ายตรงข้ามได้ใจ เกรงว่าเขาก็คงจะไม่รอดแน่ๆ
“หา!รีบตามหาเร็วเข้า!”
หลูจื๋อหลินคำรามอย่างบ้าคลั่ง:“วันนี้แม้ว่าจะต้องพลิกโรงแรมหาทั้งโรงแรม ค้นหาให้ทั่วทุกที่ ก็จะต้องตามหาคนที่บุกรุกสองคนนั้นมาให้ได้!”
ความหวาดกลัวในใจ ทำให้อารมณ์ของเขาค่อยๆปะทุออกมา
อารมณ์โมโหถึงขีดสุด ทำให้หัวหน้ารปภ.กลัวจนตัวสั่น
“ครับประธานหลู”
หรูเว่ยเสียงก็รู้ดีว่าคืนนี้ไม่ได้หลับนอนเป็นแน่แต่ก็ ก้มหน้ารับปาก
หลูจื๋อหลินเห็นว่าเขายังคุกเข่าอยู่ที่พื้น ก็โมโหขึ้นมาอีก
“ของหายก็เพราะคุณ แล้วทำไมยังคุกเข่าอยู่ รีบไปตามหาสิ!ถ้าหาไม่เจอ ก็ใช้ชีวิตคุณชดใช้ก็แล้วกัน!”
เขากำหมัดและขบฟันแน่น
งานปาร์ตี้ดีๆ ตอนนี้ล้มไม่เป็นท่า
หลูจื๋อหลินพาคนพวกนั้นออกไปตามหาด้วยความโกรธ เขาคิดว่า คนที่บุกรุกทั้งสองคนนั้นยังไม่น่าไปไหนไกล:“คุณไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดดูสิว่า ช่วงนี้มีใครเข้าออกบ้าง”
เขาพูดกับหัวหน้ารปภ.และกำชับด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
“ครับ”
หัวหน้ารปภ.กลัวที่จะซวยไปด้วย ภายใต้การกำชับของเขาแล้วรีบไปจัดการอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้เขาไม่อยากได้เลื่อนตำแหน่งอะไรแล้ว อยากแค่ปกป้องชีวิตน้อยๆของตัวเองก็เท่านั้น
จะต้องรู้ว่าพวกเขายังต้องเลียแข้งเลียขาหลูจื๋อหลิน
หากวันหนึ่งหลูจื๋อหลินล้ม ไม่เพียงแต่หรูเว่ยเสียงรวมทั้งพวกเขาก็จะไม่มีที่พึ่งพิง ยิ่งไม่ต้องคิดถึงเรื่องเงินทองเลยด้วยซ้ำ
หลูจื๋อหลินพยายามระงับความโกรธ:“หาตอนนี้ผมพาพวกเขาสองคนมียืนอยู่ข้างหน้าคุณ คุณจะจำพวกเขาได้ไหม?”
เขาจ้องมองไปยังหรูเว่ยเสียงพลางถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม
วิธีที่เลวร้ายที่สุดในตอนนี้ก็คือ นำคนที่อยู่ในงานปาร์ตี้ทั้งหมดมารวมตัวกัน แล้วให้หรูเว่ยเสียงชี้ตัว แต่วิธีนี้เป็นวิธีที่จะทำให้เกิดการล่วงเกินคนได้ง่ายที่สุด
หากไม่จำเป็นจริงๆหลูจื๋อหลินก็คงไม่ทำเช่นนี้หรอก
เขาเกรงว่าเรื่องจะบานปลาย และยากที่จะควบคุมสถาณการณ์
โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่มาร่วมงานในวันนี้ ต่างเป็นแขกสำคัญและก็มีคนที่เขาไม่ควรที่จะล่วงเกินอยู่ในนั้นด้วย
ความจำของหรูเว่ยเสียงค่อนข้างดี อีกอย่างเขาก็รู้สึกว่าผู้บุกรุกของคนนั้นมีลักษณพิเศษเฉพาะตัว เขาจำได้ จึงพยักหน้า:“ได้ครับ”
จากประสบการณ์หาเบาะแสหลายปีของเขาหรูเว่ยเสียงคิดว่าคนที่บุกรุกทั้งสองคนยังคงหลบซ่อนอยู่ที่ใดที่หนึ่งในโรงแรมแห่งนี้ เพียงแต่ว่าพวกเขายังหาตัวไม่เจอเท่านั้นเอง
งานปาร์ตี้ในวันนี้เป็นงานปาร์ตี้หน้ากาก หากต้องการที่จะแฝงตัวอยู่ในฝูงชนนั้นเป็นเรื่องที่ง่ายมาก
เมื่อหลูจื๋อหลินได้ยินเขาพูดเช่นนั้น ก็พยักหน้า:“ดี ต่อจากนี้คุณก็เบิกตาให้กว้าง แล้วตามหาอย่างละเอียด หากยังหาไม่เจอ ก็ระ วังหัวจะหลุดออกจากบ่าก็แล้วกัน!”
เขาง้างมือขึ้นใช้แรงฟาดไปที่หน้าผากของหรูเว่ยเสียง เขากัดฟันแน่นจนฟันแทบหัก
หรูเว่ยเสียงรับรู้ได้ถึงน้ำเสียงโกรธแค้นของเขา เขารู้ดีว่า หากเขายังตามหาคนที่บุกรุกไม่เจอหลูจื๋อหลินจะต้องเอาเขาตายแน่
เมื่อคิดถึงจุดนี้หรูเว่ยเสียงก็รู้สึกว่าบ่าของตนกำลังรับแรงกดดัน
บนตัวของหรูเว่ยเสียงเต็มไปด้วยร้อยเท้าของเขา ดูน่าเวทนาเป็นอย่างมาก
เมื่อเห็นสภาพของเขาหลูจื๋อหลินก็ขมวดคิ้วพลางพูดขึ้นว่า:“ก่อนออกไป ทำตัวให้สะอาดสะอ้านก่อน”
แต่ไหนแต่ไรเขาเป็นคนรักษาหน้าของตนเอง ไม่เคยยอมปล่อยให้คนข้างกายมีสภาพแบบนี้
ภายใต้คำสั่งของหลูจื๋อหลิน หรูเว่ยเสียงก็เช็ดรอยเท้าออกจนหมด กระทั่งเขาพอใจ
กระทั่งตอนนี้ ฉินซีได้นำเอกสารที่ขโมยมาได้ มอบให้กับจั่วยีและให้เขานำออกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว。
จั่วยีไปได้ออกจากจากประตูหน้า แต่เลือกที่จะหนีไปบริเวณที่ไม่มีกล้องวงจรปิด กระโดดออกจากหน้าต่าง
เขาหายไปอย่างลับๆ โดยไม่มีใครสนใจ
และเมื่อหัวหน้ารปภ.ตรวจสอบกล้องวงจรปิดก็ไม่เห็นเขาออกไป
ขณะที่เขากำลังจะรายงานเรื่องนี้ให้หลูจื๋อหลินทราบ ในใจของหลูจื๋อหลินก็เริ่มร้อนรน
เขาพาหรูเว่ยเสียงมายังห้องโถงในงานปาร์ตี้
เพื่อที่จะไม่ให้เป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น และทำให้เกิดเป็นเรื่องใหญ่ หลูจื๋อหลินไม่ได้ให้ทุกคนมารวมกันเหมือนที่คิดไว้ตั้งแต่แรก แต่ให้พวกเขาค่อยๆถอดหน้ากากออกทีละคน
หลูจื๋อหลินเอียงหัว พูดขึ้นกับ หรูเว่ยเสียงที่อยู่ข้างๆของตัวเองว่า:“คุณค่อยๆให้พวกเขาถอดหน้ากากออกแล้วดูอย่างละเอียด ว่าเป็นคนที่บุกรุกหรือเปล่า หากใช้ก็ให้รีบจับตัวเธอไว้!”
เขาพุดอย่างเคร่งขรึม แววตาเผยความอาฆาตแค้นออกมา
หรูเว่ยเสียงรู้ดีว่า นี่คือโอกาสที่เขาจะได้แก้ตัว เขาพยักหน้า:“ครับ”
เขาจากหลูจื๋อหลินไป และเริ่มตามหา
ฉินซียังคงจับตาดูสถานการณ์อยู่ให้ห้องโถงอย่างไม่คาดสายตา ขณะที่เธอเห็นหลูจื๋อหลินพาเว่ยเสียงเข้ามา เธอก็ขมวดคิ้ว
ที่แท้หรูเว่ยเสียงคนนี้ต่อกรไม่ง่ายเลย